คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
สวัสดีครับ
" ตัวรู้ รู้ทุกอย่างแต่ไม่รู้ว่าที่กำลังรู้คืออะไร ขอถามว่าหมายความว่าอย่างไร"
เพราะไม่ได้พบสัตบุรุษ และฟังสัทธรรมจากท่าน จึงไม่รู้สัจจะ "สาระ" ของชีวิต
ว่าเกิดมาต้องแสวงหาอะไร จึงแสวงหาและรู้ไปทั่ว จนจับต้นชนปลายไม่ถูก
เมื่อพบสัตบุรุษ และได้ฟังสัทธรรมจากท่านก็จะรู้ว่า ชีวิตนี้ควรจะแสวงหาอะไร ต้องรู้อะ
ไรแค่ไหน จึงจะดำเนินชีวิตอยู่กับโลกแบบไม่ทุกข์.....
" จะดับตัวรู้หรือจิตได้อย่างไร แบบไหน ด้วยวิธีการใด"
ต้องรู้จัก "ตัวรู้" และตัวที่ "ถูกรู้" ก่อน และต้องดับมันทั้ง
2ตัว คือดับทั้ง "ตัวรู้" และ "ตัวถูกรู้" ด้วย จึงจะหมดทุกข์
อธิบาย ย่อ ๆ ตาม mindset ของผม ตัวรู้ คือ "รูปนาม"
ตัวถูกรู้คือ "นามรูป" (กลับกัน)
"รูปนาม" ตัวรู้ คือ "ร่างกาย" ที่หยิกแล้วเจ็บของเรานี่แหละ(ขันธ์5) - กายที่1
"นามรูป" ตัวถูกรู้ คือ "อารมณ์" ของ "รูปนาม" อารมณ์ของรูป คือ อุปาทายรูป24
และอารมณ์ของนาม คือ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ -กายที่2
การเกิดของมัน เมื่อ "รูปนาม" ที่มีอายตนะ6(ตา หู.... ฯ) กระทบผัสสะภายนอก(รูป เสียง.....ฯ)
ก็จะเกิดอารมณ์ ชอบ-ขัง ดูด-ผลัก สุข-ทุกข์ อภิฌา-โทมนัส....ฯ อาการ/อารมณ์ที่เกิดนี้คือ "นามรูป"
มันเกิดให้เรารู้ที่ "จิต" เป็นอาการ ลิงค นิมิต ให้เราทราบได้(ไม่ได้มีตัวตนให้เห็น มันจึงรู้ได้ยาก ที่พระพุทธ
เจ้ากล่าวว่า กายคือ จิต มโน วิญญาณ )
เราต้องดับ "อารมณ์" (ผู้ถูกรู้) นี่แหละก่อน โดย "วิปัสสนา" หาเหตุของมัน เมื่อรู้เหตุแล้ว
ก็ดับหรือปรับมันที่เหตุนี่แหละให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เมื่อปรับให้มันรู้ เห็น ของจริงตาม
ความเป็นจริงแล้ว อารมณ์นั้นมันก็จะจางคาย หรือหมดไป มันจางคาย หรือหมด เราก็รู้ว่ามันจางคาย หรือหมดแล้ว
ย่อหน้าข้างบนคือการปฎิบัติ "อริยสัจ 4" ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
เมื่อเราดับ "นามรูป" หรือผู้ "ถูกรู้" ได้แล้ว ก็กลับออกมาดับ "รูปนาม" หรือ "ผู้รู้" ตามคำตรัส
....อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น
เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก...ฯ ก็คืออาศัยมันเสร็จแล้วก็ดับมันด้วย
โดยเห็นว่ามันก็เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา(ไตรลักษณ์)
พอเข้าใจหรือเปล่า ? มันจะไม่เหมือนที่เขาอธิบายกัน ผมอธิบายตามสภาวะที่ปฎิบัติจริง มันจะเกิด/เป็น
อาการแบบนี้(เอาบัญญัติใส่เข้าไปที่หลัง) พระพุทธเจ้าก็ปฎิบัติให้ได้สภาวะก่อน แล้วค่อยมาบัญญัติเพื่อสอนทีหล้ง
การศึกษาศาสนาพุทธ ต้องปฎิบัติไปด้วย จึงจะรู้ว่าที่เขาอธิบายไว้นั้นถูกหรือไม่ถูก
ขอบคุณครับ
" ตัวรู้ รู้ทุกอย่างแต่ไม่รู้ว่าที่กำลังรู้คืออะไร ขอถามว่าหมายความว่าอย่างไร"
เพราะไม่ได้พบสัตบุรุษ และฟังสัทธรรมจากท่าน จึงไม่รู้สัจจะ "สาระ" ของชีวิต
ว่าเกิดมาต้องแสวงหาอะไร จึงแสวงหาและรู้ไปทั่ว จนจับต้นชนปลายไม่ถูก
เมื่อพบสัตบุรุษ และได้ฟังสัทธรรมจากท่านก็จะรู้ว่า ชีวิตนี้ควรจะแสวงหาอะไร ต้องรู้อะ
ไรแค่ไหน จึงจะดำเนินชีวิตอยู่กับโลกแบบไม่ทุกข์.....
" จะดับตัวรู้หรือจิตได้อย่างไร แบบไหน ด้วยวิธีการใด"
ต้องรู้จัก "ตัวรู้" และตัวที่ "ถูกรู้" ก่อน และต้องดับมันทั้ง
2ตัว คือดับทั้ง "ตัวรู้" และ "ตัวถูกรู้" ด้วย จึงจะหมดทุกข์
อธิบาย ย่อ ๆ ตาม mindset ของผม ตัวรู้ คือ "รูปนาม"
ตัวถูกรู้คือ "นามรูป" (กลับกัน)
"รูปนาม" ตัวรู้ คือ "ร่างกาย" ที่หยิกแล้วเจ็บของเรานี่แหละ(ขันธ์5) - กายที่1
"นามรูป" ตัวถูกรู้ คือ "อารมณ์" ของ "รูปนาม" อารมณ์ของรูป คือ อุปาทายรูป24
และอารมณ์ของนาม คือ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ -กายที่2
การเกิดของมัน เมื่อ "รูปนาม" ที่มีอายตนะ6(ตา หู.... ฯ) กระทบผัสสะภายนอก(รูป เสียง.....ฯ)
ก็จะเกิดอารมณ์ ชอบ-ขัง ดูด-ผลัก สุข-ทุกข์ อภิฌา-โทมนัส....ฯ อาการ/อารมณ์ที่เกิดนี้คือ "นามรูป"
มันเกิดให้เรารู้ที่ "จิต" เป็นอาการ ลิงค นิมิต ให้เราทราบได้(ไม่ได้มีตัวตนให้เห็น มันจึงรู้ได้ยาก ที่พระพุทธ
เจ้ากล่าวว่า กายคือ จิต มโน วิญญาณ )
เราต้องดับ "อารมณ์" (ผู้ถูกรู้) นี่แหละก่อน โดย "วิปัสสนา" หาเหตุของมัน เมื่อรู้เหตุแล้ว
ก็ดับหรือปรับมันที่เหตุนี่แหละให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เมื่อปรับให้มันรู้ เห็น ของจริงตาม
ความเป็นจริงแล้ว อารมณ์นั้นมันก็จะจางคาย หรือหมดไป มันจางคาย หรือหมด เราก็รู้ว่ามันจางคาย หรือหมดแล้ว
ย่อหน้าข้างบนคือการปฎิบัติ "อริยสัจ 4" ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
เมื่อเราดับ "นามรูป" หรือผู้ "ถูกรู้" ได้แล้ว ก็กลับออกมาดับ "รูปนาม" หรือ "ผู้รู้" ตามคำตรัส
....อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น
เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก...ฯ ก็คืออาศัยมันเสร็จแล้วก็ดับมันด้วย
โดยเห็นว่ามันก็เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา(ไตรลักษณ์)
พอเข้าใจหรือเปล่า ? มันจะไม่เหมือนที่เขาอธิบายกัน ผมอธิบายตามสภาวะที่ปฎิบัติจริง มันจะเกิด/เป็น
อาการแบบนี้(เอาบัญญัติใส่เข้าไปที่หลัง) พระพุทธเจ้าก็ปฎิบัติให้ได้สภาวะก่อน แล้วค่อยมาบัญญัติเพื่อสอนทีหล้ง
การศึกษาศาสนาพุทธ ต้องปฎิบัติไปด้วย จึงจะรู้ว่าที่เขาอธิบายไว้นั้นถูกหรือไม่ถูก
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอถามผู้รู้ ผู้ปฏิบัติ วิธีการดับ ตัวรู้หรือจิต ที่เป็นรากเหง้าแห่งการหลง
จะดับตัวรู้หรือจิตได้อย่างไร แบบไหน ด้วยวิธีการใด