“เวียนหัว หรือ อาการบ้านหมุน” เกิดจากอะไร มีวิธีรักษายังไง?



สำหรับใครที่เคย รู้สึกเวียนหัว สิ่งของรอบตัวหมุนเคว้ง โคลงเคลง แม้ยืนนิ่งอยู่กับที่ อาการนี้คนทั่วไปมักเรียกว่า “บ้านหมุน” ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยหนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อยคือ “โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน” 

📌 โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน คืออะไร? 
โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (Benign Paroxysmal Positional Vertigo: BPPV) เกิดจากตะกอนหินปูนภายในอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นในเคลื่อนที่หลุดออกจากอวัยวะควบคุมการทรงตัว ทำให้เกิดการส่งสัญญาณไปยังระบบประสาทส่วนกลาง ที่กระตุ้นให้เกิดอาการเวียนหัวบ้านหมุนขึ้นมา 

📌 อาการบ้านหมุน จากโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน 
⚠️ มีอาการเวียนหัวบ้านหมุนเมื่อเปลี่ยนท่าทาง เช่น ลุกจากที่นอน, ล้มตัวลงนอน, ก้มเงย  
⚠️ รู้สึกเวียนหัวทันทีเมื่อพลิกตะแคงซ้าย ขวา บนเตียง 
⚠️ บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย 
⚠️ อาการเวียนหัวบ้านหมุนมักเกิดไม่นาน ประมาณ 1 นาที
⚠️ อาการอาจกลับมาได้อีก เมื่อขยับหัวในท่าเดิมซ้ำ  
⚠️ อาการเวียนหัวมักเป็นอยู่หลายวัน แล้วจะดีขึ้นในเวลาสัปดาห์ถึงเดือน 

📌 เกิดกับใครได้บ้าง? 
🤔 โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน สามารถพบได้ทุกวัย  
🤔 พบได้บ่อยในช่วงอายุ 30-70 ปี โดยส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป  
🤔 พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
🤔 สามารถเกิดกับหูทั้ง 2 ข้าง โดยทั่วไปมักเกิดกับหูทีละข้างในอาการแต่ละครั้ง 
 

📌 สาเหตุของโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน ได้แก่  
🚫 การเกิดอุบัติเหตุ  
🚫 การกระแทกบริเวณศีรษะ  
🚫 ความเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น  
🚫 ภาวะอักเสบในหูชั้นใน  
🚫 การผ่าตัดหูชั้นกลางหรือใน  
🚫 การเคลื่อนไหวหัวซ้ำ ๆ เช่น การทำงานที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ 

✨ การตรวจวินิจฉัย และแนวทางการรักษาโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน 
แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และทดสอบ Dix-Hallpike Maneuver โดยจะให้ผู้ป่วยล้มตัวลงนอนหงายอย่างรวดเร็ว ในท่าหันข้างและห้อยหัวเล็กน้อย หากพบการกระตุกของลูกตา ร่วมกับอาการเวียนหัวบ้านหมุนจะเป็นลักษณะที่บ่งชี้ของโรคนี้ ซึ่งหากพบว่าเกิดจากโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน

✨ แนวทางการรักษา ดังนี้ 
✅ ทำกายภาพบำบัด : เพื่อให้ตะกอนหินปูนเคลื่อนกลับเข้าไปภายในอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นในตามเดิม 
✅ รักษาตามอาการ : ให้ยาบรรเทาการเวียนหัว และแนะนำให้หลีกเลี่ยงท่าทาง หรือกิจกรรมที่กระตุ้นให้เวียนหัวบ้านหมุน 
✅ การผ่าตัด : ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดไม่ได้ผล 
 

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดอาการบ้านหมุนมากขึ้น เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสำหรับผู้ที่มีอาการบ้านหมุน อย่าปล่อยไว้ให้เรื้อรังจนใช้ชีวิตลำบาก แนะนำให้เข้ารับการตรวจรักษาอย่างถูกวิธี

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่