วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง ให้เข้าใจว่า หินปูนในหูกับน้ำในหูไม่เท่ากันคืออะไร สังเกตอาการยังไง ป้องกันได้แค่ไหน และอาการแบบไหนต้องรีบไปหาหมอทันที
1.หินปูนในหูคืออะไร ทำไมเม็ดจิ๋วทำให้เวียนหัวโลกหมุน
ในหูชั้นในของเรามีระบบที่ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัว หรือเรียกว่า Vestibular system ซึ่งจะมีเม็ดแคลเซียมเล็ก ๆ ชื่อ Otoconia อยู่ ทำหน้าที่เหมือนลูกตะกั่วเล็ก ๆ ช่วยบอกสมองว่าเรากำลังเอียง หัน หรือเคลื่อนไหวยังไง
ทีนี้ปัญหาคือ บางทีหินปูนพวกนี้ดัน "หลุด" เข้าไปในท่อกึ่งวงกลม (Semicircular canal) พอเราขยับหัว มันไปกวนของเหลวในหู ทำให้สมองรับสัญญาณผิดปกติ จึงเกิดอาการเวียนหัวแบบโลกหมุนทันที ภาวะนี้เรียกว่า BPPV (Benig Paroxysmal Positional Vertigo) หรือที่หลายคนเข้าใจว่า "น้ำในหูไม่เท่ากัน"
2.แล้ว "น้ำในหูไม่เท่ากัน" จริง ๆ คือโรคอะไร
คำนี้เป็นคำที่คนไทยชอบใช้ แต่ถ้าในทางหมอ ส่วนใหญ่หมายถึง โรคเมเนียร์ (Meniere’s Disease) เกิดจากน้ำในหูชั้นในเยอะเกินไป ทำให้เกิดแรงดันผิดปกติ ระบบทรงตัวรวน การได้ยินก็รวนตามไปด้วย
อาการหลัก ๆ ของน้ำในหูไม่เท่ากัน
เวียนหัวแบบโลกหมุน หมุนแรงจนลืมตาไม่ไหว
มีเสียงวิ๊ง ๆ หรืออื้อในหู
การได้ยินลดลงชั่วคราว ถ้าเป็นบ่อย ๆ อาจหูตึงถาวร
คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อแตก
ต่างจาก BPPV ตรงที่อันนี้เกิดจาก "แรงดันน้ำในหูรวน" ส่วนหินปูนในหูคือ "เม็ดแคลเซียมหลุด" แต่เพราะอาการเวียนหัวคล้ายกัน
3.อาการไหนปลอดภัย อาการไหนต้องรีบไปหาหมอ
สองโรคนี้แม้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่มีบางอย่างที่ต้องสังเกต เพราะบางครั้งอาการเวียนหัวแบบนี้ดันไปคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ได้
อาการที่มักเป็นแค่จากหู
เวียนหัวเวลาขยับหัวหรือเปลี่ยนท่า
โลกหมุนแบบจริง ๆ ไม่ใช่แค่โคลง ๆ
คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
ไม่มีอาการแขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด
อาการที่ควรไปโรงพยาบาลด่วน
เวียนหัวร่วมกับปากเบี้ยว พูดไม่ชัด แขนขาไม่มีแรง → อาจเป็นสโตรก
เวียนหัวรุนแรงเฉียบพลัน แบบไม่เคยเป็นมาก่อน
การได้ยินหายไปทันที หรือหูหนวกฉับพลัน
ปวดหู มีหนอง หรืออาการติดเชื้อ
แต่ถึงยังไงก็แนะนำว่า ไม่ว่าอาการแบบไหนก็ควรจะไปตรวจที่โรงพยาบาลนะ
4.ป้องกันยังไง
หินปูนในหูบางทีเกิดแบบไม่มีสาเหตุ แต่จะเจอบ่อยในคนอายุ 40-60 หรือหลังหัวกระแทก
ส่วนน้ำในหูไม่เท่ากันจะเกี่ยวกับพันธุกรรม ความเครียด อาหารเค็ม คาเฟอีน ฯลฯ
วิธีดูแลลดความเสี่ยง
ลดเค็ม เกลือเยอะทำให้คุมน้ำในร่างกายไม่ดี น้ำในหูแปรปรวนง่าย
ลดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์: ของพวกนี้กระตุ้นระบบทรงตัว
ดื่มน้ำพอดี ๆ ขาดน้ำหรือมากเกินก็รวนได้
พักผ่อนพอ ๆ นอนน้อย เครียด ระบบประสาทจะไวขึ้น ทำให้เวียนหัวง่าย
ขยับร่างกาย ฝึกการทรงตัว สมองจะได้ปรับตัว ลดโอกาสเวียนหัวซ้ำ
5.ถ้าเป็นแล้วทำไง? หายเองไหม
หินปูนในหู (BPPV) : ส่วนใหญ่รักษาด้วยการทำท่าบริหารศีรษะให้หินปูนกลับบ้าน เช่นท่า Epley maneuver ไม่ต้องพึ่งยาเยอะ ถ้าทำถูกอาการมักหายใน 1–2 วัน แต่บางคนอาจวนกลับมาเป็นซ้ำ
น้ำในหูไม่เท่ากัน : ต้องคุมอาหาร ลดเกลือ ใช้ยาขับน้ำหรือยาคลายเวียนหัวตอนกำเริบ และคอยเช็กการได้ยิน เพราะถ้าเป็นบ่อย ๆ หูอาจตึงถาวรได้
สิ่งที่ไม่ควรทำเลยคือ
ฝืนขับรถหรือทำงานที่เสี่ยงตอนเวียนหัว
กินยาคลายเวียนหัวพร่ำเพรื่อแบบไม่รู้สาเหตุ เพราะอาจปิดบังโรคอื่น
เรื่องเวียนหัวโลกหมุนไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และไม่ใช่แค่ "น้ำในหูไม่เท่ากัน" เสมอไป บางครั้งเป็นแค่หินปูนในหูหลุด และบางครั้งก็เป็นสัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมองที่ห้ามชะล่าใจเด็ดขาด สิ่งสำคัญคือ อย่ามองข้ามอาการเวียนหัว อย่าเดาเอง และอย่ารอจนหนัก แนะนำว่าอาการแบบไหน ก็ควรรีบไปโรงพยาบาลนะ
"เวียนหัว บ้านหมุน" เป็นโรคอะไร
2.แล้ว "น้ำในหูไม่เท่ากัน" จริง ๆ คือโรคอะไร
อาการหลัก ๆ ของน้ำในหูไม่เท่ากัน
3.อาการไหนปลอดภัย อาการไหนต้องรีบไปหาหมอ
4.ป้องกันยังไง
วิธีดูแลลดความเสี่ยง
สิ่งที่ไม่ควรทำเลยคือ