มีอาการ วิงเวียนศีรษะ เดินโคลงเคลง" สูงๆต่ำๆ ในสมอง ไม่ใช่ บ้านหนุนหรือน้ำในหูไม่เท่ากัน มันคือโรคอะไร ใครรู้บ้าง ?

มีอาการ วิงเวียนศีรษะ เดินโคลงเคลง" สูงๆต่ำๆ ในสมอง ไม่ใช่ เวียนหัวบ้านหมุน หรือน้ำในหูไม่เท่ากัน มันคือโรคอะไร ใครรู้จักชื่อยารักษา ที่ได้ผล ดีบ้าง ที่หมอ ให้ยา Betahistine ขนาด 24 มิลลิกรัม  ทานเช้าเย็น  แต่ไม่ดีขึ้นเลยครับ เปลี่ยนมา 3 หมอแล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้น (ยี่ห้อBetaserc)รักษา มา 6 เดือนแล้ว ไม่ดีขึ้นกลัวจะวูบล้มหัวฟาด พื้น แพทย์ไม่มีบทสรุปของโรคอย่างเป็นทางการ บอก อาจเป็นประสาทหูชั้นในอักเสบ แต่อาจเป็นโรค Otolith Syndrome” หรือ Otolith Dysfunction เป็นชื่อโรคใด  ชื่อ ยาอะไรรักษาหายขาดได้  ใครรู้บ้าง ? คุณหมอบางท่าน บอกว่า อาจเป็นโรค ประสาทหูชั้นใน  อักเสบ  และเสี่ยงต่อการ เป็น Stroke อีกด้วย

 

สวัสดีครับผมอายุ74 ปี ขอ รบกวน ขอ ประสบการณ์เกี่ยวกับ “อาการเดินโคลงเคลง” หรืออาการสูงๆต่ำๆ เวลานั่งหรือเวลาเดิน และเวลาเข้าห้องน้ำ อาการยิ่งเป็นมาก ที่ผมเป็น มาประมาณ 6 เดือนแล้ว อยากให้คนที่มีอาการคล้ายผมได้อ่านบทความนี้ เนื่องจากเป็นโรคที่ทางการแพทย์ไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ และสาเหตุที่ทำให้เป็นนั้นก็ซับซ้อนพอสมควร

ตอนแรกที่อาการนี้เข้ามาในชีวิตผมนั้น เป็นแบบไม่ทันตั้งตัวเลยครับ ผมหวาดผวามากเนื่องจากเวลาเดินจะรู้สึกถึงความผิดปกติของพื้นที่เท้าเราสัมผัส และอาการมักจะกำเริบเป็นระยะๆ ไม่ได้เป็นตลอดเวลา แต่เป็นเวลา กลางวัน บางครั้งเป็นเกือบทั้งวัน บางวันก็ขึ้นมา 2-3 ชม. และหายไป แต่บางวันแทบจะไม่มีอาการ อาการนี้จะเป็นเฉพาะเวลาเดินหรือยืน เวลานั่ง เวลา นอนจะไม่เป็น คนอื่นจะเห็นว่าเราเดินได้ปกติทุกอย่าง ไม่มีอาการเดินเซ แกว่ง หรือ เป๋ แต่อย่างใด จุดจับได้ยาก ช่วงสามเดือนแรกที่ผมเป็นอาการจะรุนแรงมากโดยมีอาการแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้:

1. เวลาเดินแล้วรู้สึกพื้นยวบยาบไม่สม่ำเสมอ เหมือนอยู่บน trampoline หรือ อยู่บนเรือที่ โครงเครง

2. เวลาเดินหรือยืนอยู่เฉยๆจะรู้สึกพื้นทรุดหรืออยู่ในเรือ โต้คลื่น  

3. เวลาก้าวเท้า จะรู้สึกหวิวๆ  หลังจากสามเดือนแรกอาการก็หายไป ชั่วคราว )

4. เวลายืนอยู่นิ่งๆจะรู้สึกเหมือนตัวลอย หรือพื้นกระดกขึ้นกระดกลง (อันนี้น่ารำคาญมาก แต่ก็เหมือนกันคือ หลังจากสามเดือนแรกอาการก็หายไป ชั่วคราว)

ตอนนั้น สุขภาพจิตของผมย่ำแย่มากครับ เนื่องจากเป็น คนวิตกกังวลอยู่แล้ว พอมีสิ่งน่ากลัวแบบนี้เข้ามาในชีวิต  คืองงมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราเพราะปกติจะเป็นคนแข็งแรง ออกกำลังกายประจำ หลังจากสามเดือนแรกผ่านไป อาการ ดังกล่าว ข้างต้น ก็ทุเลาลง ไม่หายไป แต่กลายสภาพในลักษณะที่เบาลง ซึ่งยังคงรบกวนจิตใจเป็นอย่างมาก

ผมใช้เวลา นาน เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงว่าอาการแบบนี้เป็นโรคอะไรกันแน่ เคยทำ MRI ของสมอง ผลออกมาปกติ ทำให้หมอสมองไม่สามารถ detect ได้ว่าเป็นอะไร ผมเลยตั้งข้อสังเกตต่างๆเกี่ยวกับอาการนี้

1. อาการมักจะกำเริบอย่างรุนแรงตอน เวลา เย็นๆช่วงเวลาใกล้ ค่ำ และช่วง ตอนเช้าแทบจะไม่เป็น

2. อาการมัก จะเกิดหลังเที่ยงไปแล้ว ถึงเวลาค่ำ

3. หากทำท่าเกี่ยวกับการทรงตัว เช่น ยืนกระต่ายขาเดียว เดินต่อเท้า ฯลฯ จะยิ่งกระตุ้นให้อาการออกมา

4.  วันไหนที่กินยานอนหลับ (แล้วต้องบังคับให้ตัวเองตื่นก่อนเวลา) จะทำให้มีอาการแทบจะทั้งวัน

5. เวลาเดินออกจากลิฟท์จะรู้สึกโคลงเคลง

6. รู้สึกเหมือนชีพจรเต้นอย่างรุนแรงแถวใบหูข้างขวาในบางครั้ง…

 

การตรวจหรือเครื่องมือแพทย์ การ ใช้ยา และการทำกายภาพ ที่ผ่านมา 6 เดือน แต่ทุกอย่างยังไม่ดีขึ้น

ผมหาหมอมาเยอะมาก (ประมาณ 4 คน ทั้งหมอด้านสมอง หมอ ENT หมอกายภาพ รวมทั้งจิตแพทย์ด้วย) หมอแต่ละท่านวิเคราะห์แตกต่างกันไป เช่น เป็นอาการหนึ่งของ โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคแพนิค กล้ามเนื้อคอหดเกร็งทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ดี ความดันต่ำ ฯลฯ ลองรักษาด้วยการฝังเข็มแผนโบราณด้วยแต่ก็ยังไม่หายผมไม่หยุดความพยายาม เคยพบหมอ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทและการทรงตัว แต่ก็ไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด ท่านวินิจฉัยว่าผมป่วยเป็น “Otolith Syndrome” หรือ Otolith Dysfunction ซึ่งเป็นความผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะการทรงตัวของหูชั้นในที่เรียกว่า Otolith (โอโทลิท) ที่ทำหน้าที่รับรู้ตำแหน่งของร่างกายเรากับแรงโน้มท่วงของโลก ภาOtolith ประกอบด้วยอวัยวะอีกสองชนิดคือ Utricle (ยูตริเคิล) ที่รับรู้การเคลื่อนไหวในแนวราบ และตัว Saccule (แซคคูล) ที่รับรู้การเคลื่อนไหวในแนวดิ่ง Otolith ในหูชั้นในข้างขวาของผมมีความผิดปกติ เลยทำให้ระบบการทรงตัวทำงานผิดเพี้ยน

ปัจจัยที่ทำให้ Otolith ทำงานผิดปกติจึงเกิดอาการเดินโคลงเคลง และสูงสูงต่ำต่ำมาจากหลายสาเหตุ ดังกล่าวหรื มีเชื้อไวรัสเข้าไปทำลายระบบหูชั้นใน ศรีษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง (Severe Head Trauma) หรือการทานยาที่เป็นพิษต่อหูชั้น (Ototoxic Drugs) ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็น Antibiotic บางประเภท เช่น Gentamycin และ Streptomycin

ด้วยความที่ MRI ของผมผลออกมาปกติ หมอสมองหลายท่านจึงไม่เข้าใจอาการนี้ และเป็นโรคที่หมอหูทั่วไปไม่รู้จักเนื่องจากหมอหูส่วนใหญ่จะรักษาโรคทางพยาธิสภาพของหูมากกว่า เช่น หูชั้นกลางอักเสบ หูดับ หูน้ำหนวก

เนื่องจากเป็นโรคหูชั้นใน  ท่านเลยส่งต่อให้ทำกายภาพฟื้นฟูหูชั้นใน (Vestibular Rehabilitation) กับนักกายภาพหู (Vestibular Therapist) คนหนึ่งที่เข้า ร.พ. เดือนละครั้ง ที่แนะนำให้ผมทำ rehab ในระยะเวลา 6-12 เดือนเพื่อให้อาการเดินโคลงเคลงนิ่งสนิท ท่ากายภาพต่างๆ สามารถ ฝึกเองได้ตามข้อมูลในเว็บไซต์ แต่ควรไปเจอนักกายภาพ เพื่อแนะนำวิธีทำกายภาพที่ถูกต้องจริงๆ

ผมทำ Vestibular Rehab โดยทำวันละ 10-15 นาที หรือบางวันขยันหน่อยก็ทำ 20-30 นาที อาการดีขึ้นประมาณ 80-90% ครับ แต่ยังไม่หายสนิทและนานๆทีก็จะมีวันที่อาการกำเริบเยอะหน่อย เลยทำให้ผมเอะใจว่านี่ก็เกินระยะเวลาที่นักกายภาพบอกไว้ แสดงว่าต้องมีโรคอื่นแทรกซ้อนหรือเปล่า? ผมรู้สึกเครียดมากเลยกลับไปหมอ ท่านจึงจ่ายยา Fluoxetine ขนาด 20 mg ก็ดีขึ้นเล็กน้อย  ยา

Fluoxetine (Prozac) เป็นยากระกูล SSRI (Selective Serotonin Reuptake Inhibitor) เป็นกลุ่มยาต้านโรคซึมเศร้าและโรคแพนิค โดยมีกลไกปรับความสมดุลของสารเคมีในสมองและสารสื่อประสาท คนที่มีอาการซึมเศร้ามักจะขาดสาร Serotonin หรือสารเคมีแห่งความสุข จึงทำให้มีอารมณ์แปรปรวน ยากลุ่ม SSRI ส่วนใหญ่จะต้องทานต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนหรือเป็นปีๆ ตอนแรกผมไม่ยอมทานยากลุ่ม SSRI เด็ดขาดเพราะผลข้างเคียงเยอะ เคยทาน Sertraline (Zoloft) กับ Escitalopram (Lexapro) มาแล้วก็ต้องหยุดทานภายในเนื่องจากสู้ผลข้างเคียงไม่ไหว แต่ร่างกายผมเหมาะกับ Fluoxetineได้ดี

คำตอบคือไม่ใช่ครับ ในกรณีของผม คุณหมอสรุปว่า Otolith ของผมนั้นเสีย function ไปแล้ว จึงต้องใช้สมองทำหน้าที่แทน เปรียบเทียบเหมือนกับระบบไฟฟ้า ถ้าระบบหลักเสียก็ต้องใช้ระบบสำรองทำหน้าที่จ่ายไฟแทน ยากลุ่ม SSRI จึงมีประโยชน์ในการรักษาโรคนี้ เนื่องจากมันมีกลไกปรับเปลี่ยนระบบวงจรของสมอง (rewiring neural pathways) สมองเราจะได้เรียนรู้ที่จะไม่รับสัญญาณการทรงตัวที่บกพร่องจากหูชั้นในที่เสียไป แต่ด้วยความที่สมองเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน หากมีการใช้งานหนักมาทั้งวัน กลางคืนสมองจะล้า จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมอาการเดินโคลงเคลงมักจะรุนแรงตอนดึกมากกว่าตอนเช้าในช่วงที่เป็นโรคนี้ตอนแรกๆ

การกายภาพช่วยรักษาโรคนี้ได้ครับ แต่ว่าได้ผลช้าเลยต้องใช้ยากลุ่ม SSRI ช่วยให้เร็วขึ้น หลายคนจึงเข้าใจว่าเกิดขึ้นจากความเครียดสะสม แท้จริงแล้วความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้นอาการและทำให้การรักษาช้าลง แต่ไม่ใช่สาเหตุของโรคครับ

หากอยากไป test ตัว Otolith ก็ต้องไปทำ VEMP (Vestibular Evoked Myogenic Potential) Test กับ SVV (Subjective Visual Vertical) แต่ถ้าอยาก check ระบบประสาทการทรงตัวอย่างละเอียด คุณหมอท่านมักจะแนะนำให้ทำ test อื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย เช่น ENG/VNG, Posturography, และ vHIT ซึ่งเป็นการตรวจพยาธิสภาพการทรงตัวของหูชั้นในเชิงลึกครับ

VEMP Test จะมีเฉพาะในโรงพยาบาลรัฐชั้นนำสามแห่งของประเทศไทยนั้นก็คือ ร.พ. ศิริราช, ร.พ. รามา, และ ร.พ. จุฬา เท่านั้น ทาง ร.พ. เอกชน แม้แต่ ร.พ. ใหญ่ๆ เช่น ร.พ. บำรุงราษฎร์ หรือ ร.พ. กรุงเทพ นั้นไม่มีเครื่องมือสำหรับการทำ VEMP Test ครับ เนื่องจากอุปกรณ์ค่อนข้างแพงและทาง ร.พ. คิดว่าลงทุนไม่คุ้มค่าเนื่องจากจำนวน case ของผู้ป่วยที่เดินโคลงเคลงยังมีไม่มากเมื่อเทียบกับโรคอื่นๆ

บทสรุป:ตอนแรกผมไปหาหมอด้าน neurotology ซึ่งเป็นหมอที่เชี่ยวชาญแบบผสมระหว่างหูชั้นในกับสมอง (ไม่ใช่ neurology หรือหมอด้านสมองโดยตรง) รวมทั้งลองทำกายภาพก่อนซัก 6-12 เดือน โดยไม่ทานยาและสังเกตุดูว่าอาการดีขึ้นไหม หากไม่ดีขึ้นก็ลองทานยาประเภท SSRI แต่ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดว่าควรทานตัวไหนเนื่องจากสารเคมีในร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน (ไม่ควรลองซื้อยามาทานเองอย่างเด็ดขาด)

ชื่อโรค  เอาตามหัวเรื่องไว้ก่อน หรือ Otolith Syndrome” หรือ Otolith Dysfunction   ชื่อยาที่หมอบางท่านใช้ รักษา คือ:    Betahistine dihydrochloride(Betaserc)มี 6-24 mg.  Fluoxetine (Prozac) เป็นยากระกูล SSRI (Selective Serotonin Reuptake Inhibitor) เป็นกลุ่มยาต้านโรคซึมเศร้าและโรคแพนิค โดยมีกลไกปรับความสมดุลของสารเคมีใน ehab

ชื่อยาที่นิยมใช้รักษา เพื่อการพิจารณาของหมอ Flunarizine (ฟลูนาริซีน) เป็นยาในกลุ่มยาต้านไมเกรน ใช้เพื่อป้องกันโรคไมเกรนและบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดในสมองและปรับระดับสารสื่อประสาทบางชนิดในสมองทำให้สามารถบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ รวมถึงลดความรุนแรงและความถี่ในการเกิดโรคไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สมองและสารสื่อประสาท คนที่มีอาการซึมเศร้ามักจะขาดสาร Serotonin หรือสารเคมีแห่งความสุข จึงทำให้มีอารมณ์แปรปรวน ยากลุ่ม SSRI  มี10-20mg.Funarizine Sertraline (Zoloft) อันตราย ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ได้ กับ Escitalopram (Lexapro) มาแล้วก็ต้องหยุดทานภายในสองอาทิตย์เนื่องจากทนผลข้างเคียงไม่ไหว แต่ร่างกายผมเหมาะกับ Fluoxetin แบบนี้แสดงว่ามีโรคทางจิตเวช

ชื่อทำกายภาพบำบัด:ฟื้นฟูหูชั้นใน VEMP (Vestibular Evoked Myogenic Potential) Test กับ SVV (Subjective Visual  Vertical) ,Vestibular R

 

นอกจากการ ตรวจรักษา ตามที่หมอสั่งดังกล่าวข้างต้น แล้วยังไม่ดีขึ้น จึงขอให้ท่าน ที่ได้อ่านบทความนี้ถ้าท่านรู้หรือมีประสบการณ์ในการรักษากรุณาบอกถึงชื่อยาและวิธีรักษาที่ได้ผลให้หายขาดด้วยจะเป็นบุญกุศลแก่ผมเป็นอย่างมากและขอขอบคุณไว้ณที่นี้


https://pantip.com/topic/42661896?sc=6z2cM7t=null


https://youtu.be/mlFXW6n1Pgw?si=1ur3T0FP-H2d63X2
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่