
- ดูจบก็ได้คิดกับตนเองเงียบ ๆ ดูว่า ถ้าหากจากโลกนี้ไป สิ่งสุดท้ายที่ได้เห็นคืออะไร ? ถึงไม่มีคำตอบแน่ชัด แต่การที่หนังเลือกที่จะเล่าในมุมของผีในสถานที่เดียวมันก็แสดงให้เห็นว่าการมีห่วงถึงคนที่มีชีวิตอยู่หรือยังยึดติดกับสถานที่ที่เคยใช้ชีวิตด้วยความผูกพันตอนมีชีวิตมันส่งผลต่อห้วงอารมณ์กับความรู้สึกเหมือนกัน แม้หนังจะไม่ได้เจาะลึกในส่วนนี้ถึงแกนรากแต่การถ้ำมองหรือการแสดงอิทธิฤทธิ์ขนย้ายข้าวของจนคนเป็นเห็นปุ๊ปรีบใส่เกียร์หมาโกย 4*100 ด้วยความรวดไวก็ทำให้เห็นอีกมุมด้วยความเห็นใจว่าผีก็ไม่ได้น่ากลัวแต่เป็นพลังงานที่ต้องการจะสื่อสารให้คนเป็นได้รับรู้ว่ามีกูอยู่ตรงนี้นะ

- ในภาพรวมแม้วิธีการเล่าในลักษณะ first Person จะคิดถึงตอนดูเรื่อง A Ghost Story (2017) หรือ Skinamarink (2022) แต่ไม่ได้มีผีผ้าขาวเดินจงกรมหรือโชว์เทคนิค Long Take แอบถ่ายขณะลูกหลับจนตะลึงในความแปลกใหม่หรือเป็น Ref ให้เกิดการเปรียบเทียบ ด้วยเพราะมีการตัดฉากเป็นช่วง ๆ เหมือนพัก Break โฆษณาก่อนจะส่งต่อไปยังฉากใหม่ที่เปลี่ยนเป็นอีกเหตุการณ์นึง โอเค มันช่วยร่น Timeline ในเหตุการณ์ให้ Run ต่อไปข้างหน้าโดยไม่ต้องจดจ่ออยู่กับช่วงเวลาเดิม ๆ ขณะเดียวกันมันทำให้เนื้อเรื่องไม่ต่อเนื่องกันจึงเห็นช่องว่างต่อการ Link ระหว่างเหตุการณ์ก่อนหน้ากับเหตุการณ์ถัดไปอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นตัวหนังก็ยังคงใส่ความเป็นหนัง Horror ผ่านบรรยากาศหรืออาการ Jump Scared ของตัวละครให้รู้สึกขนลุกจนต้องหันไปมองว่ามีใครแอบมองกูอยู่หรือเปล่าวะ ? ซึ่งมันสามารถเล่นกับอารมณ์ผมให้เกิดอารมณ์ร่วมเช่นกัน แม้ไม่เยอะก็ตาม

- เรื่องเปิดมาจะเป็นสายตาบางสิ่งกำลังจ้องมองดูข้างนอกที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ผ่านหน้าต่างก่อนที่สายตาคู่นี้จะเลื่อนต่ำลงไปส่องยังพื้นล่างเมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดเสร็จปุ๊ปก็ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูออกมาจากรถดังกล่าวแล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งพรวดเข้าไปในบ้านด้วยความลุกลี้ลุกล้นพร้อมกับแต่งองค์ทรงเครื่องรอใครบางคนอยู่จนกระทั่งได้มีรถยนต์อีกคันขับเข้ามาจอดสมทบปรากฎว่าคนที่ลงจากรถเป็นครอบครัวที่ได้เห็นจาก Poster และ Trailer เดินเข้าไปในบ้านที่มีหญิงสาวเมื่อครู่ยืน Stand By รอที่ผมพอทราบแล้วว่าทั้งหมดกำลังทำอะไร ? ผ่านสายตาคู่นี้ที่ยังจ้องอากัปกิริยาทั้งหมดในมุมมืดแล้วบันทึกการสนทนาจับมือ Shake Hand เสร็จสรรพก็เป็นอันรู้เรื่องเลยว่า พวกเข้ามาทำอะไรในบ้านกูเยอะแยะ ?

- ระหว่างดูพอสังเกตุแนวทางของหนังอยู่ว่าช่วงแรกหลังจากที่ครอบครัวสุขสันต์เข้ามาอยู่ในบ้านสวนศิริหลังนี้เรียบร้อยจะมาใน way Drama สำรวจปมแบบค่อยเป็นค่อยไปว่าใครมีความในใจอะไร ? จนพอมาแตะปมของลูกสาวปุ๊ปเหมือนหนังเริ่มมา way สืบสวนจนดูโดดกว่าปมของคนอื่นที่กลายเป็นเรื่องจุกจิก ซึ่งทั้งหมดจะถูกเล่าผ่านคำพูดแล้วมีการกระทำเป็นแรงสนับสนุนให้เรื่องมีอะไรให้เอ๊ะมากกว่าการนั่งส่อง Activity ของคนในบ้านราวกับบ้าน AF ที่หาความตื่นเต้นน้อย แถมยังคิดตามว่ามันจะ Link กับบ้านเจ้าปัญหาหรือสายตาที่จ้องในมุมมืดกันหรือไม่ ? ซึ่งหนังก็เดินไปเรื่อยโปรยสัญญะตามทางให้เราเก็บจนหนังเดินถึงตอนที่พี่ชายพาเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านแล้วได้แนะนำให้รู้จักกับน้องสาวปุ๊ปปมของหนังเริ่มเข้มข้นจนสายตาคู่นี้เริ่มจะเก็บทรงไม่อยู่

- แม้การตัดต่อจะไม่เป็นเนื้อเดียวกันจนเห็นรอยเชื่อมต่ออารมณ์เหมือนเอา Clip สั้น ๆ มาต่อเรียงกันเป็นหนังยาวถึง 1 ชั่วโมง 25 นาที ซึ่งไม่ได้นานมาก เพราะหนังวนอยู่แต่ในบ้านสวนศิริบวกกับการตัดต่อและมีตัวละครไม่เยอะด้วยเลยทำให้การดำเนินผ่านไปอย่างเร็วและครอบคลุมภายใต้สเกลมินิมอลที่จำกัดตามงบ แล้วไม่ปฏิเสธเลยว่าปมบางอย่างที่นำเสนออย่างเรื่องหย่าร้างของพ่อแม่กลับถูกปัดตกเข้าพงหญ้าจนลืมไปเลยว่าเคยพูดถึงเพราะช่วงท้ายมันเททุกสิ่งไปที่ลูกสาวเต็มข้อเพื่อให้ทันเวลาที่กำหนด แต่ด้วยความไม่ต่อเนื่องของเนื้อจากการตัดต่อมีผลสะสมทำให้บทสรุปที่กำลังเข้มข้นกลับขมวดอย่างรวบรัดแล้ววิ่งเข้าเส้นชัยไปอย่างฉิวเฉียดจนเกิดอารมณ์ค้างว่าแค่เนี้ย ถ้าปล่อยไหลไปตามนาจะทำงานกับความรู้สึกผมขึ้นมาหน่อยในแง่ความเป็นธรรมชาติ แต่ในแง่ของสัญญะจัดว่าสะท้อนถึงสัจธรรมของคนเป็นผ่านโลกคนตายได้สมจริงจนลบภาพจำในแง่ของความน่ากลัวไปว่าเขาก็เคยเป็นคนเหมือนกับเรานั่นแหล่ะ

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.150 Presence (2024) : ผีอยากตามติด ชีวิตของคน
- ดูจบก็ได้คิดกับตนเองเงียบ ๆ ดูว่า ถ้าหากจากโลกนี้ไป สิ่งสุดท้ายที่ได้เห็นคืออะไร ? ถึงไม่มีคำตอบแน่ชัด แต่การที่หนังเลือกที่จะเล่าในมุมของผีในสถานที่เดียวมันก็แสดงให้เห็นว่าการมีห่วงถึงคนที่มีชีวิตอยู่หรือยังยึดติดกับสถานที่ที่เคยใช้ชีวิตด้วยความผูกพันตอนมีชีวิตมันส่งผลต่อห้วงอารมณ์กับความรู้สึกเหมือนกัน แม้หนังจะไม่ได้เจาะลึกในส่วนนี้ถึงแกนรากแต่การถ้ำมองหรือการแสดงอิทธิฤทธิ์ขนย้ายข้าวของจนคนเป็นเห็นปุ๊ปรีบใส่เกียร์หมาโกย 4*100 ด้วยความรวดไวก็ทำให้เห็นอีกมุมด้วยความเห็นใจว่าผีก็ไม่ได้น่ากลัวแต่เป็นพลังงานที่ต้องการจะสื่อสารให้คนเป็นได้รับรู้ว่ามีกูอยู่ตรงนี้นะ
- ในภาพรวมแม้วิธีการเล่าในลักษณะ first Person จะคิดถึงตอนดูเรื่อง A Ghost Story (2017) หรือ Skinamarink (2022) แต่ไม่ได้มีผีผ้าขาวเดินจงกรมหรือโชว์เทคนิค Long Take แอบถ่ายขณะลูกหลับจนตะลึงในความแปลกใหม่หรือเป็น Ref ให้เกิดการเปรียบเทียบ ด้วยเพราะมีการตัดฉากเป็นช่วง ๆ เหมือนพัก Break โฆษณาก่อนจะส่งต่อไปยังฉากใหม่ที่เปลี่ยนเป็นอีกเหตุการณ์นึง โอเค มันช่วยร่น Timeline ในเหตุการณ์ให้ Run ต่อไปข้างหน้าโดยไม่ต้องจดจ่ออยู่กับช่วงเวลาเดิม ๆ ขณะเดียวกันมันทำให้เนื้อเรื่องไม่ต่อเนื่องกันจึงเห็นช่องว่างต่อการ Link ระหว่างเหตุการณ์ก่อนหน้ากับเหตุการณ์ถัดไปอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นตัวหนังก็ยังคงใส่ความเป็นหนัง Horror ผ่านบรรยากาศหรืออาการ Jump Scared ของตัวละครให้รู้สึกขนลุกจนต้องหันไปมองว่ามีใครแอบมองกูอยู่หรือเปล่าวะ ? ซึ่งมันสามารถเล่นกับอารมณ์ผมให้เกิดอารมณ์ร่วมเช่นกัน แม้ไม่เยอะก็ตาม
- เรื่องเปิดมาจะเป็นสายตาบางสิ่งกำลังจ้องมองดูข้างนอกที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ผ่านหน้าต่างก่อนที่สายตาคู่นี้จะเลื่อนต่ำลงไปส่องยังพื้นล่างเมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดเสร็จปุ๊ปก็ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูออกมาจากรถดังกล่าวแล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งพรวดเข้าไปในบ้านด้วยความลุกลี้ลุกล้นพร้อมกับแต่งองค์ทรงเครื่องรอใครบางคนอยู่จนกระทั่งได้มีรถยนต์อีกคันขับเข้ามาจอดสมทบปรากฎว่าคนที่ลงจากรถเป็นครอบครัวที่ได้เห็นจาก Poster และ Trailer เดินเข้าไปในบ้านที่มีหญิงสาวเมื่อครู่ยืน Stand By รอที่ผมพอทราบแล้วว่าทั้งหมดกำลังทำอะไร ? ผ่านสายตาคู่นี้ที่ยังจ้องอากัปกิริยาทั้งหมดในมุมมืดแล้วบันทึกการสนทนาจับมือ Shake Hand เสร็จสรรพก็เป็นอันรู้เรื่องเลยว่า พวกเข้ามาทำอะไรในบ้านกูเยอะแยะ ?
- ระหว่างดูพอสังเกตุแนวทางของหนังอยู่ว่าช่วงแรกหลังจากที่ครอบครัวสุขสันต์เข้ามาอยู่ในบ้านสวนศิริหลังนี้เรียบร้อยจะมาใน way Drama สำรวจปมแบบค่อยเป็นค่อยไปว่าใครมีความในใจอะไร ? จนพอมาแตะปมของลูกสาวปุ๊ปเหมือนหนังเริ่มมา way สืบสวนจนดูโดดกว่าปมของคนอื่นที่กลายเป็นเรื่องจุกจิก ซึ่งทั้งหมดจะถูกเล่าผ่านคำพูดแล้วมีการกระทำเป็นแรงสนับสนุนให้เรื่องมีอะไรให้เอ๊ะมากกว่าการนั่งส่อง Activity ของคนในบ้านราวกับบ้าน AF ที่หาความตื่นเต้นน้อย แถมยังคิดตามว่ามันจะ Link กับบ้านเจ้าปัญหาหรือสายตาที่จ้องในมุมมืดกันหรือไม่ ? ซึ่งหนังก็เดินไปเรื่อยโปรยสัญญะตามทางให้เราเก็บจนหนังเดินถึงตอนที่พี่ชายพาเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านแล้วได้แนะนำให้รู้จักกับน้องสาวปุ๊ปปมของหนังเริ่มเข้มข้นจนสายตาคู่นี้เริ่มจะเก็บทรงไม่อยู่
- แม้การตัดต่อจะไม่เป็นเนื้อเดียวกันจนเห็นรอยเชื่อมต่ออารมณ์เหมือนเอา Clip สั้น ๆ มาต่อเรียงกันเป็นหนังยาวถึง 1 ชั่วโมง 25 นาที ซึ่งไม่ได้นานมาก เพราะหนังวนอยู่แต่ในบ้านสวนศิริบวกกับการตัดต่อและมีตัวละครไม่เยอะด้วยเลยทำให้การดำเนินผ่านไปอย่างเร็วและครอบคลุมภายใต้สเกลมินิมอลที่จำกัดตามงบ แล้วไม่ปฏิเสธเลยว่าปมบางอย่างที่นำเสนออย่างเรื่องหย่าร้างของพ่อแม่กลับถูกปัดตกเข้าพงหญ้าจนลืมไปเลยว่าเคยพูดถึงเพราะช่วงท้ายมันเททุกสิ่งไปที่ลูกสาวเต็มข้อเพื่อให้ทันเวลาที่กำหนด แต่ด้วยความไม่ต่อเนื่องของเนื้อจากการตัดต่อมีผลสะสมทำให้บทสรุปที่กำลังเข้มข้นกลับขมวดอย่างรวบรัดแล้ววิ่งเข้าเส้นชัยไปอย่างฉิวเฉียดจนเกิดอารมณ์ค้างว่าแค่เนี้ย ถ้าปล่อยไหลไปตามนาจะทำงานกับความรู้สึกผมขึ้นมาหน่อยในแง่ความเป็นธรรมชาติ แต่ในแง่ของสัญญะจัดว่าสะท้อนถึงสัจธรรมของคนเป็นผ่านโลกคนตายได้สมจริงจนลบภาพจำในแง่ของความน่ากลัวไปว่าเขาก็เคยเป็นคนเหมือนกับเรานั่นแหล่ะ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้