เนื่องจากตอนนี้เราอายุ 34 รู้สึกใกล้หมดไฟกับงานประจำที่ทำอยู่ตอนนี้ (ใครอยากรู้ว่าหมดไฟเรื่องอะไรก็ไปตามอ่านในกระทู้เก่าๆ มีเยอะ และยาวทุกกระทู้ที่ตั้ง เรา ขก.อธิบายในนี้อีก) หลายคนเชียร์ให้หางานใหม่ และสงสัยว่าทำไมเรายังทนอยู่ที่เดิม เพราะบ่นมาหลายปีแล้ว เราก็จะบอกว่าเป็นเพราะเรายังคิดไม่ออกว่าจะย้ายไปที่ไหน หรือจะเปลี่ยนไปทำงานอะไร เราประเมินศักยภาพของตัวเองแล้ว เราไม่ได้จบสายเฉพาะทาง และไม่ได้อยากทำงานในสายที่เรียนจบมา จะไปสมัครงานราชการ เงินเดือนสตาร์ทก็น้อยกว่าที่ได้อยู่ตอนนี้ (ตอนนี้ได้ 26K ทำงานใน รพ.รัฐ) จะไปสมัครงานเอกชน ก็เกรงว่าจะมีความกดดันสูง วันหยุดน้อย จะย้ายไปสมัครงานรัฐวิสาหกิจ ก็ต้องสอบแข่งขันสูง และเงินเดือนสตาร์ทก็คงน้อยกว่าที่เราได้ตอนนี้อยู่ดี (สายงานเราเงินเดือนไม่สูงอยู่แล้ว)
ก่อนที่เราจะทำงานอยู่ในที่ปัจจุบัน ก็เคยเปลี่ยนงานมา 7-8 ที่แล้ว เคยตกงานเตะฝุ่นมา 7-8 หน เวลาหางานทีนึงก็เหนื่อยเอาการ จริงๆเราชอบองค์กรที่อยู่ตอนนี้ เพียงแต่ไม่ชอบบรรยากาศและวิธีการทำงานของหัวหน้าในแผนกตัวเอง จึงคิดอยากย้ายงานภายในที่เดิมมากกว่าลาออกไปอยู่ที่ใหม่ แต่ดูทรงแล้วหัวหน้าเราไม่อนุมัติให้ย้ายหรอก (และก็ยากด้วยที่จะตอบกรรมการสัมภาษณ์ว่าทำไมถึงอยากย้ายงาน เพราะเหตุผลของเราไม่มีเรื่องดีเลย จะตอบว่าอยากได้ประสบการณ์ใหม่ ความท้าทายใหม่ๆ ก็เป็นการโกหกสุดฤทธิ์ เราไม่ได้ต้องการสิ่งพวกนี้ และรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในวัยที่จะพูดโกหกหรือเสแสร้งเพื่อให้ได้งานด้วย)
เข้าเรื่องดีกว่า พอเราไม่คิดจะลาออกไปทำงานที่อื่น และไม่คิดว่าจะสามารถอดทนกับการทำงานที่เดิมได้นาน เราจึงมีความคิดที่จะรีบเกษียณอายุซะ อยากเกษียณตอนอายุ 40 แล้วใช้ชีวิตที่เหลืออย่างอิสระ สุขภาพจิตดี ทำอะไรที่อยากทำ คิดว่าคงไม่อยู่ว่างๆ ไร้ประโยชน์ไปตลอดหรอก อาจพักผ่อนก่อนจนตัวเองมีไฟ แล้วก็ค่อยมาทำงานฟรีแลนซ์ (ตอนนี้เราก็พยายามหาความรู้ใหม่ๆใส่ตัว แต่ก็จะติดขัดหน่อยเพราะไม่ค่อยมีเวลา และไม่ค่อยมีไฟด้วยเพราะเครียดอยู่กับงานประจำ) หรือเล่นหุ้น (แต่คิดว่าคงไม่เล่น เพราะเราไม่ค่อยสนใจด้านการลงทุน หรืออะไรที่มีความเสี่ยง แต่อนาคตไม่แน่ อาจสนใจก็ได้) หรืองานอะไรก็ได้ที่สามารถทำได้แบบสบายๆ ไม่กดดัน จริงๆแล้วที่บ้านเราก็มีกิจการเล็กๆของพ่อ พ่อถึงวัยเกษียณแล้ว ยังไม่มีคนรับช่วงกิจการ บางทีเราอาจไปช่วยงานตรงนั้น (ตอนนี้มีน้องช่วยเป็นลูกมือให้พ่ออยู่ ต่อไปก็คงให้กิจการกับน้องไป เราช่วยแค่บางส่วน)
พอคิดแบบนี้แล้วมันดูฝันเฟื่อง เงินเก็บลำพังตัวเราตอนนี้ก็ไม่ได้มาก เฉพาะเงินในบัญชีมีแค่ประมาณครึ่งล้าน แต่ก็มีหุ้น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม ที่เรายังไม่นำมาคิดเป็นตัวเงิน และเราก็โสด ไม่มีภาระต้องรับผิดชอบ นอกจากคนในครอบครัว (แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้ยากจน อย่างที่เราบอกว่าพ่อมีกิจการส่วนตัว) ถ้าโฟกัสแค่ตัวเองคนเดียวคิดว่าพอไหว เพราะเราก็ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ค่อยไปไหนด้วย เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวก็ไม่ค่อยซื้อใหม่ ตอนนี้เช่าหอพักอยู่ แต่ถ้าเกษียณก็คงกลับไปอยู่บ้าน อย่างมากก็ช่วยจ่ายค่าน้ำ ไฟ อาหารในบ้าน (แต่เราคงไม่จ่ายคนเดียวทั้งหมด ใครอยู่ก็ช่วยกันจ่าย) ส่วนที่ว่าพอแก่ไปต้องใช้เงินเยอะ เราไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตยืนยาวหรอก ไม่ใช่คนรักษาสุขภาพ อยู่ได้ถึง 60 ปีก็นับว่าบุญแล้ว และเราคงไม่ยอมเป็นคนป่วยอัมพาต ติดเตียง ทำอะไรเองไม่ได้ด้วย (เราคงหาทางจบชีวิตตัวเองก่อนเวลานั้นจะมาถึง)
เราอาจคิดอะไรฝันเฟื่องไปหน่อย แต่พอได้คิดแล้วก็รู้สึกว่ามีแรงฮึดสู้กับงานประจำตอนนี้ขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็คิดว่าทนอีกไม่กี่ปีก็จะหมดเวรหมดกรรมแล้ว และคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหัวหน้าตอนถึงรอบประเมินผลงานครั้งต่อไปด้วย (ตอนเราอายุ 40 หัวหน้าเรายังไม่เกษียณ เขาจะได้วางแผนเตรียมหาคนมาทำงานแทน เพราะงานเราเยอะ และไม่ค่อยมีใครอยากทำด้วย หาคนทำยากอยู่) ตอนนี้เราอยากรู้ประสบการณ์ของคนที่เกษียณอายุตอน 40 หรือน้อยกว่านั้นว่าใช้ชีวิตหลังเกษียณยังไง
ลองจินตนาการถึงความเป็นไปได้ที่คนอย่างเราจะเกษียณตอนอายุ 40 ปี
ก่อนที่เราจะทำงานอยู่ในที่ปัจจุบัน ก็เคยเปลี่ยนงานมา 7-8 ที่แล้ว เคยตกงานเตะฝุ่นมา 7-8 หน เวลาหางานทีนึงก็เหนื่อยเอาการ จริงๆเราชอบองค์กรที่อยู่ตอนนี้ เพียงแต่ไม่ชอบบรรยากาศและวิธีการทำงานของหัวหน้าในแผนกตัวเอง จึงคิดอยากย้ายงานภายในที่เดิมมากกว่าลาออกไปอยู่ที่ใหม่ แต่ดูทรงแล้วหัวหน้าเราไม่อนุมัติให้ย้ายหรอก (และก็ยากด้วยที่จะตอบกรรมการสัมภาษณ์ว่าทำไมถึงอยากย้ายงาน เพราะเหตุผลของเราไม่มีเรื่องดีเลย จะตอบว่าอยากได้ประสบการณ์ใหม่ ความท้าทายใหม่ๆ ก็เป็นการโกหกสุดฤทธิ์ เราไม่ได้ต้องการสิ่งพวกนี้ และรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในวัยที่จะพูดโกหกหรือเสแสร้งเพื่อให้ได้งานด้วย)
เข้าเรื่องดีกว่า พอเราไม่คิดจะลาออกไปทำงานที่อื่น และไม่คิดว่าจะสามารถอดทนกับการทำงานที่เดิมได้นาน เราจึงมีความคิดที่จะรีบเกษียณอายุซะ อยากเกษียณตอนอายุ 40 แล้วใช้ชีวิตที่เหลืออย่างอิสระ สุขภาพจิตดี ทำอะไรที่อยากทำ คิดว่าคงไม่อยู่ว่างๆ ไร้ประโยชน์ไปตลอดหรอก อาจพักผ่อนก่อนจนตัวเองมีไฟ แล้วก็ค่อยมาทำงานฟรีแลนซ์ (ตอนนี้เราก็พยายามหาความรู้ใหม่ๆใส่ตัว แต่ก็จะติดขัดหน่อยเพราะไม่ค่อยมีเวลา และไม่ค่อยมีไฟด้วยเพราะเครียดอยู่กับงานประจำ) หรือเล่นหุ้น (แต่คิดว่าคงไม่เล่น เพราะเราไม่ค่อยสนใจด้านการลงทุน หรืออะไรที่มีความเสี่ยง แต่อนาคตไม่แน่ อาจสนใจก็ได้) หรืองานอะไรก็ได้ที่สามารถทำได้แบบสบายๆ ไม่กดดัน จริงๆแล้วที่บ้านเราก็มีกิจการเล็กๆของพ่อ พ่อถึงวัยเกษียณแล้ว ยังไม่มีคนรับช่วงกิจการ บางทีเราอาจไปช่วยงานตรงนั้น (ตอนนี้มีน้องช่วยเป็นลูกมือให้พ่ออยู่ ต่อไปก็คงให้กิจการกับน้องไป เราช่วยแค่บางส่วน)
พอคิดแบบนี้แล้วมันดูฝันเฟื่อง เงินเก็บลำพังตัวเราตอนนี้ก็ไม่ได้มาก เฉพาะเงินในบัญชีมีแค่ประมาณครึ่งล้าน แต่ก็มีหุ้น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม ที่เรายังไม่นำมาคิดเป็นตัวเงิน และเราก็โสด ไม่มีภาระต้องรับผิดชอบ นอกจากคนในครอบครัว (แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้ยากจน อย่างที่เราบอกว่าพ่อมีกิจการส่วนตัว) ถ้าโฟกัสแค่ตัวเองคนเดียวคิดว่าพอไหว เพราะเราก็ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ค่อยไปไหนด้วย เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวก็ไม่ค่อยซื้อใหม่ ตอนนี้เช่าหอพักอยู่ แต่ถ้าเกษียณก็คงกลับไปอยู่บ้าน อย่างมากก็ช่วยจ่ายค่าน้ำ ไฟ อาหารในบ้าน (แต่เราคงไม่จ่ายคนเดียวทั้งหมด ใครอยู่ก็ช่วยกันจ่าย) ส่วนที่ว่าพอแก่ไปต้องใช้เงินเยอะ เราไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตยืนยาวหรอก ไม่ใช่คนรักษาสุขภาพ อยู่ได้ถึง 60 ปีก็นับว่าบุญแล้ว และเราคงไม่ยอมเป็นคนป่วยอัมพาต ติดเตียง ทำอะไรเองไม่ได้ด้วย (เราคงหาทางจบชีวิตตัวเองก่อนเวลานั้นจะมาถึง)
เราอาจคิดอะไรฝันเฟื่องไปหน่อย แต่พอได้คิดแล้วก็รู้สึกว่ามีแรงฮึดสู้กับงานประจำตอนนี้ขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็คิดว่าทนอีกไม่กี่ปีก็จะหมดเวรหมดกรรมแล้ว และคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหัวหน้าตอนถึงรอบประเมินผลงานครั้งต่อไปด้วย (ตอนเราอายุ 40 หัวหน้าเรายังไม่เกษียณ เขาจะได้วางแผนเตรียมหาคนมาทำงานแทน เพราะงานเราเยอะ และไม่ค่อยมีใครอยากทำด้วย หาคนทำยากอยู่) ตอนนี้เราอยากรู้ประสบการณ์ของคนที่เกษียณอายุตอน 40 หรือน้อยกว่านั้นว่าใช้ชีวิตหลังเกษียณยังไง