แต่จริง ๆ แล้ว คนระดับชาวบ้าน ก็อาจได้รับผลกระทบแบบทางอ้อมหลายทางเลยครับ
1. ของบางอย่างอาจแพงขึ้น
ถ้าสินค้าที่เราใช้มีวัตถุดิบหรือเครื่องจักรที่มาจากประเทศที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ เช่น จีน ญี่ปุ่น หรือสหรัฐฯ เอง เมื่อประเทศต้นทางโดนภาษี หรือมีต้นทุนเพิ่ม สินค้าที่มาถึงไทยก็อาจมีราคาแพงขึ้น
ตัวอย่าง โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้แต่ปุ๋ย–ยากำจัดศัตรูพืช อาจขึ้นราคา

2. รายได้จากการทำงานหรือค้าขายอาจลดลง
หากผู้ส่งออกไทยขายของไปสหรัฐฯ ได้น้อยลง โรงงานลดคำสั่งซื้อ ลูกจ้างบางส่วนอาจตกงาน หรือรายได้ลด
เกษตรกรที่ขายวัตถุดิบ เช่น ยางพารา ผลไม้ หรืออาหารทะเล อาจขายได้น้อยลงหรือราคาตก เพราะตลาดส่งออกชะลอตัว

3. ค่าครองชีพผันผวนจากค่าเงิน
ถ้าเงินบาทแข็งค่า ของนำเข้าถูกลง แต่ผู้ส่งออกได้เงินบาทน้อยลง  รายได้คนไทยลด
ถ้าเงินบาทอ่อนค่า ของนำเข้าแพงขึ้น เช่น น้ำมัน  ค่ารถโดยสาร–ของกินของใช้ขึ้นราคาตาม

4. กระทบกองทุนหรือการลงทุนเล็ก ๆ ของประชาชน
คนที่ฝากเงินไว้กับกองทุนรวม หรือมีบัญชีลงทุนในหุ้น–ทองคำ อาจเห็นพอร์ตผันผวน
เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน ทำให้ราคาหุ้นหรือทองแกว่งขึ้นลงบ่อย

5. กระทบทางอารมณ์และความมั่นใจ
ข่าวเศรษฐกิจแย่ ๆ จากสหรัฐฯ ทำให้คนไทยบางคนเริ่มประหยัดมากขึ้น ไม่กล้าใช้เงิน
กระทบร้านค้าปลีก ตลาดสด ร้านอาหารตามสั่ง ฯลฯ

สรุปแบบบ้าน ๆ
แม้เราไม่ได้ค้าขายกับสหรัฐโดยตรง แต่ถ้าพี่ใหญ่ของโลกไอหนัก คนไทยบ้าน ๆ—ก็จามตามครับ