สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
คุณโชคดีนะ การไปจดรายงานการประชุมอาจดูร่สเยื่อแต่การประชุมเป็นงานพื้นฐานระดับหัวหน้างาน
ตัวเล็กตัวน้อยแบบคุณเข้าไปเก็บประสบการณ์ปะฉะดะของเสือสิงกระทิงแรด คุณจะเปิดหูเปิดตา มีความคิดที่กว้างขึ้น ได้รู้บรรยากาศแสบๆคันๆเหงื่อหยดติ่งๆแม้จะหนาวจับใจจากแอร์ 18 องศา
คุณสังเกตุการพูด ท่าทาง อารมณ์การประชุมดู นิ่งระดับสูงยิ่งดี อนาคตถ้าคุณขึ้นตำแหน่งก็จะเจอแบบนี้แหละ
คนเนียนรู้จากการอ่านก็จิง แต่ไม่เท่าได้ยินได้เห็นได้ฟังด้วยตนเอง
ถึงจะยะงไม่ขึ้นตำแหน่งเท่าหัวหน้า แต่คุณเอาพวกมันมาปรับใช้ได้
งานทำไปเถอะ ประสบการณ์พวกนี้จะช่วยเปิดทางให้คุณในอนาคตเองแหละ ถึงไม่ใช้ที่นี้ ก็ได้ใช้ที่อื่น
ตัวเล็กตัวน้อยแบบคุณเข้าไปเก็บประสบการณ์ปะฉะดะของเสือสิงกระทิงแรด คุณจะเปิดหูเปิดตา มีความคิดที่กว้างขึ้น ได้รู้บรรยากาศแสบๆคันๆเหงื่อหยดติ่งๆแม้จะหนาวจับใจจากแอร์ 18 องศา
คุณสังเกตุการพูด ท่าทาง อารมณ์การประชุมดู นิ่งระดับสูงยิ่งดี อนาคตถ้าคุณขึ้นตำแหน่งก็จะเจอแบบนี้แหละ
คนเนียนรู้จากการอ่านก็จิง แต่ไม่เท่าได้ยินได้เห็นได้ฟังด้วยตนเอง
ถึงจะยะงไม่ขึ้นตำแหน่งเท่าหัวหน้า แต่คุณเอาพวกมันมาปรับใช้ได้
งานทำไปเถอะ ประสบการณ์พวกนี้จะช่วยเปิดทางให้คุณในอนาคตเองแหละ ถึงไม่ใช้ที่นี้ ก็ได้ใช้ที่อื่น
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
มนุษย์เงินเดือน
ทรัพยากรบุคคล
พนักงานประจำ
เพื่อนร่วมงาน
ปัญหาชีวิต
หัวหน้าเหมือนจะเอาความใจดีของเรามาใช้ทำร้ายเรา
เริ่มแรก ก่อนวันที่จะประชุม หัวหน้ามาถามเราก่อนว่า "พรุ่งนี้ติดอะไรหรือเปล่า" เราก็ถามกลับว่ามีอะไรเหรอ เขาก็ตอบว่าจะให้เราไปประชุมกับเขาแล้วช่วยจดสรุปให้ นางทำทีว่าเหมือนไม่ได้บังคับ แค่ชวน จะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่แน่นอนว่านิสัยเราคือ ไม่เคยปฏิเสธหัวหน้า เรารู้ดีว่าถ้าไปกับเขา เราจะต้องลำบากขึ้น เพราะงานเดิมเราก็ล้นทำไม่ทันอยู่แล้ว แต่ก็คิดว่าถ้าปฏิเสธเขา มันต้องเกิดผลเสียตามมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (อาจมีผลต่อการประเมินงาน) ดังนั้นเราจึงตอบตกลงไปกับหัวหน้า ยอมลำบากดีกว่าไม่สบายใจทีหลัง
แต่เรื่องที่แปลกคือ หัวหน้าไม่พาลูกน้องที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องที่จะประชุมไปเลยสักคน เรางงมาก หัวหน้าบอกว่าเขาชวนลูกน้อง (ที่ไม่ใช่เรา) 2 คน คนนึงปฏิเสธชัดเจนว่าขอไม่ไป ส่วนอีกคนก็ไม่ให้คำตอบว่าจะไปหรือไม่ไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มาด้วย แล้วหัวหน้าก็พูดย้ำกับเราอีก ว่าเขาไม่ได้บังคับให้มา แต่ละคนต้องรู้ตัวเอง ต้องรู้จักรับผิดชอบเอง ถ้าไม่รับผิดชอบ เขาก็จะไม่ยุ่ง แต่คะแนนประเมินก็จะเป็นไปตามเนื้อผ้า แล้วอย่ามารู้สึกไม่พอใจทีหลังละกัน
คือหัวหน้าพูดแบบนี้ แต่ก็บ่นกับเราเชิงไม่พอใจที่ลูกน้อง 2 คนนั้นไม่มาประชุมด้วย จนเราพูดไปว่า ถ้าหัวหน้าอยากให้ลูกน้อง 2 คนนั้นมาด้วย ก็บอกพวกเขาให้ชัดเจนสิว่าต้องมาด้วยนะ ถ้าไม่บังคับพวกเขาก็ไม่มาหรอก นิสัยคนเราคือพยายามจะเกี่ยงหรือผลักภาระออกไปพ้นตัวอยู่แล้ว สั่งให้ชัดเจนไปเลย จริงๆพวกเขาก็ควรต้องมา เพราะมันเป็นเรื่องงานของพวกเขา แต่หัวหน้าเราก็ดื้อ บอกว่าเขาจะไม่บังคับใคร อย่างเราถ้าติดงานยุ่ง เขาก็จะไม่บังคับให้มาด้วย เขาจดรายงานประชุมเองได้อยู่แล้ว แต่เรารู้สึกว่าตัวเองนี่แหละถูกบังคับทางอ้อม ถึงปากจะบอกว่าไม่บังคับ แต่ใจมันบังคับ ไม่งั้นจะให้เราไปด้วยทำไม ถ้าเขาทำรายงานเองได้ ทำไมไม่ไปคนเดียว จะลากเราไปลำบากด้วยทำไม
เราคิดว่าคงทำงานร่วมกับหัวหน้าคนนี้ได้อีกไม่นาน เพราะรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เนืองๆ และก็รู้สึกหมดไฟด้วย หัวหน้าเรานิสัยแบบว่า..ลูกน้องคนไหนไม่ดื้อ หรือทำงานได้ เขาก็จะสั่งงานเยอะ จู้จี้จุกจิกด้วยเยอะ คนไหนทำงานไม่ได้เรื่อง หรือดื้อ เขาก็จะไม่ค่อยยุ่งด้วย เขาไม่แข็งพอที่จะจัดการลูกน้องที่ไม่มีประสิทธิภาพ (ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่นี่คือหน่วยงานรัฐด้วยหรือเปล่า แต่คิดว่าถ้าเป็นหัวหน้าที่แข็งๆหน่อย เจอลูกน้องแบบนี้จะต้องพยายามบีบให้อยู่ยากและลาออกไปแล้ว ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย เราเคยพูดอะไรแบบนี้กับหัวหน้าด้วย แต่หัวหน้าตอบแค่ว่า เราไม่เป็นหัวหน้า เราไม่เข้าใจหรอก) สุดท้ายเขาก็มาระบายนินทาลูกน้องประเภทหลังให้ลูกน้องประเภทแรกฟัง น่าเบื่อมาก