ภาษีทรัมป์สะเทือนค่ายรถเอเชีย ‘โตโยต้า’ โดนหนักที่สุด ส่วนซูซูกิไม่โดนผลกระทบนี้

กระทู้ข่าว
ภาษีจากสหรัฐที่จะเรียกเก็บ 25% ต่อรถนำเข้า กระทบหนักต่อผู้ผลิตรถจากเอเชีย โดยเฉพาะ ‘โตโยต้า’ และ ‘นิสสัน’ ที่มียอดขายสูงในตลาดอเมริกาเหนือ
.
ภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐต่อรถยนต์ที่นำเข้า “สร้างแรงสั่นสะเทือน” ให้กับผู้ผลิตรถในเอเชีย โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า จะเรียกเก็บภาษี 25% สำหรับรถยนต์ที่ “ไม่ได้ผลิตในสหรัฐ” จนส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก
.
หุ้นของรถโตโยต้าร่วงลง 9.4% ในช่วงสามวันหลังจากการประกาศ ขณะที่หุ้นรถนิสสันลดลง 9.3% ส่วนรถฮุนไดของเกาหลีใต้ สูญเสียมูลค่าไป 11.2%
.
ตามความเห็นของวิเวก เวียดยา หัวหน้าฝ่ายลูกค้าด้านการขนส่งของบริษัทวิจัย Frost & Sullivan ระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นกำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบากเป็นพิเศษ โดย “โตโยต้า” มีแนวโน้มได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากมียอดขายจำนวนมากในสหรัฐ
.
ตามข้อมูลจาก Carpro ตลาดรถยนต์ในสหรัฐ ผู้ผลิตรถจากเอเชียครอง 6 ใน 8 อันดับแรกของผู้ผลิตรถที่มียอดขายสูงสุดในสหรัฐประจำปี 2024 ซึ่งโตโยต้าครองอันดับหนึ่งด้วยยอดขาย 1.98 ล้านคันตลอดทั้งปี แซงหน้าผู้ผลิตรายใหญ่ในประเทศอย่างฟอร์ด และเชฟโรเลต
.
ขณะที่ฮอนด้าและนิสสันของญี่ปุ่น อยู่ในอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ ส่วนแบรนด์เกาหลีใต้อย่างฮุนไดและเกีย ครองอันดับถัดมา ซูบารุอยู่ในอันดับที่แปด
.
รายงานทางการเงินล่าสุดของบริษัทเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า รายได้ส่วนใหญ่ของพวกเขามาจาก “อเมริกาเหนือ” ซึ่งหมายความว่า ผลกระทบจากภาษีศุลกากรอาจเป็นเรื่องยากที่จะชดเชยได้
.
“โดยสรุป สหรัฐเป็นตลาดที่ไม่มีทางทดแทนได้สำหรับผู้ผลิตรถยนต์จากเอเชีย ผู้นำตลาดจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการประกาศ [ภาษีศุลกากร] นี้” วิเวกกล่าว
.
แม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์ต้องการย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร แต่การย้ายโรงงาน ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน และจะต้องใช้เงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์
.
ด้านริชาร์ด คาเย ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มบริหารสินทรัพย์ Comgest ให้ความเห็นว่า แม้ผู้ผลิตรายใหญ่อย่างโตโยต้าและนิสสัน จะมีโรงงานขนาดใหญ่ในสหรัฐอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถขยายกำลังการผลิตได้มากพอ ที่จะชดเชยผลกระทบจากภาษีศุลกากรได้
.
"แนวคิดที่ว่าพวกเขาสามารถตัดซัพพลายจากเม็กซิโก และในบางระดับจากแคนาดา ออกจากห่วงโซ่อุปทานของตนได้นั้นเป็นเรื่องเหลวไหล พวกเขาจะต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นในสหรัฐ เนื่องจากภาษีศุลกากร" ชาร์ด คาเยกล่าว
.
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่