รัฐบาลเมียนมาแถลง “เหยื่อเซ่นดินไหว” พุ่ง 700 ศพ-หน่วยงานสหรัฐหวั่นเกินหมื่น
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9695290
.
.
รัฐบาลเมียนมาแถลง – สเตรตส์ไทมส์ รายงานวันที่ 29 มี.ค. ถึงความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 แม็กนิจูดในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า
.
รัฐบาลทหารเมียนมาออกแถลงการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวเพิ่มเป็นอย่างน้อย 694 ราย และได้รับบาดเจ็บราว 1,670 ราย เพิ่มขึ้นอย่างมากจากก่อนหน้านี้ที่เพิ่งรายงานไปว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 144 ราย และบาดเจ็บกว่า 730 ราย
.
ด้านผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเหตุการณ์นี้อาจรุนแรงมากเพราะใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวนอกนครมัณฑะเลย์มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในโครงสร้างอาคารบ้านเรือนที่เปราะบาง ขณะที่แบบจำลองของสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกา (ยูเอสซีจี) คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเกิน 10,000 ราย
.
.
เพจเมียนมา เตือนล่วงหน้า ให้เฝ้าระวังแผ่นดินไหว 7.0 ตั้งแต่ 2 วันก่อน
https://www.matichon.co.th/social/news_5114750
.
เพจเมียนมา เตือนล่วงหน้า ให้เฝ้าระวังแผ่นดินไหว 7.0 ตั้งแต่ 2 วันก่อน
.
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม จากกรณีแผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา ไทย และตอนใต้ของประเทศจีน ทำให้มีความเสียหายจำนวนมาก โดยในประเทศเมียนมา มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 144 คน ขณะที่ในประเทศไทย มีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 ราย และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถึงระบบเตือนภัยที่มีปัญหา
.
ล่าสุด โลกออนไลน์ได้แชร์โพสต์ของ
မြေငလျင်သတင်းများစင်တာ။ หรือ ศูนย์ข่าวแผ่นดินไหว ซึ่งเป็น NGO ที่ได้แจ้งเตือนไว้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ให้เฝ้าระวังแผ่นดินไหวความรุนแรง 7.0 ใน 48 ชั่วโมง ในต่างประเทศ ควรจะให้ความสนใจ ทั้งยังคอมเมนต์ต่อถึงประเทศ ฟิลิปปินส์ เนปาล เม็กซิโก อลาสกา
.
โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจำนวนมาก หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริง โดยมีทั้งคนไทยและเมียนมา ที่แชร์ออกไปว่า มีการแจ้งเตือนมาก่อนแล้ว แต่บางรายก็เข้ามาคอมเมนต์ว่า แม้จะเป็นการแจ้งเตือน แต่ก็ไม่ได้ระบุพิกัดว่าจะเกิดในพื้นที่เมียนมาและไทย
.
อย่างไรก็ตาม เพจได้แก้ไขข้อความแล้ว 1 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม โดยให้เฝ้าระวังแผ่นดินไหว 7.0 ในระยะเวลา 48 ชั่วโมง
ทั้งนี้ มีผู้เข้ามาอธิบายว่า การเตือนครั้งนี้ เนื่องจากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่หลายแห่งในบริเวณ อินเดีย และ สุมาตรา ทำให้ต้องประกาศเฝ้าระวังการเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
.
.
ส.โรงแรม โวย รัฐสื่อสารรับมือแผ่นดินไหวช้า นทท.ไม่กล้าเข้าที่พัก หวั่นฉุดสงกรานต์เงียบเหงา
https://www.matichon.co.th/economy/news_5114362
.
ส.โรงแรม โวย รัฐสื่อสารรับมือแผ่นดินไหวช้า นทท.ไม่กล้าเข้าที่พัก หวั่นฉุดสงกรานต์เงียบเหงา
.
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมียนมา จนเกิดแรงสั่นสะเทือนในหลายภูมิภาคของไทย รวมถึงกรุงเทพฯ จนอาคารบ้านเรือนและตึกสูงสั่นไหวและมีอาคารระหว่างก่อสร้างถล่มนั้น ส่งผลกระทบให้ทุกคนทั้งแขกคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องออกมารอด้านนอกตัวอาคารและรอเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว แต่ไม่มีการแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานภาครัฐถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันความปลอดภัย รวมถึงสามารถเข้าอาคารได้แล้วหรือยัง เนื่องจากภาคเอกชนไม่สามารถตัดสินใจได้เองเหมือนเหตุการณ์ทั่วไป จึงทำได้เพียงรอเจ้าหน้าที่รัฐประชาสัมพันธ์เท่านั้น
.
“เหตุการณ์ภัยพิบัติขึ้นเกิดมาตั้งแต่สึนามิครั้งใหญ่ที่ผ่านมา จนเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งน่าจะแรงที่สุดเท่าที่เคยเจอตั้งแต่เกิดมา แต่รัฐกลับไม่มีการตั้งศูนย์บัญชาการเพื่อเตือนเหตุ และการสื่อสารที่รวดเร็วให้ประชาชนทราบ” นายเทียนประสิทธิ์กล่าว
.
นายเทียนประสิทธิ์กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย โดยเพราะอาคารถล่มในเขตจตุจักร ที่จะซ้ำเติมจากเหตุการณ์ความไม่เชื่อมั่นจากเหตุการณ์คอลเซ็นเตอร์ และนักแสดงชาวจีนถูกหลอกไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน แต่อย่างไรก็ตามจะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นและแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้อัตราการจองห้องพักล่วงหน้าใน กทม.อยู่ที่ 50-60% และเกรงว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ อาจจะทำให้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เงียบเงา แต่ขอรอติดตามประเมินสถานการณ์อีก 1-2 วันก่อน
JJNY : แผ่นดินไหวเมียนมาดับ 694 ศพ│เพจเมียนมาเตือนล่วงหน้า 2 วัน│โวยรัฐสื่อสารรับมือแผ่นดินไหวช้า│นายกฯ ถาม SMS ล่าช้า
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9695290
.
.
เพจเมียนมา เตือนล่วงหน้า ให้เฝ้าระวังแผ่นดินไหว 7.0 ตั้งแต่ 2 วันก่อน
https://www.matichon.co.th/social/news_5114750
.
.
ส.โรงแรม โวย รัฐสื่อสารรับมือแผ่นดินไหวช้า นทท.ไม่กล้าเข้าที่พัก หวั่นฉุดสงกรานต์เงียบเหงา
https://www.matichon.co.th/economy/news_5114362
.