‘โรคแพ้ภูมิตัวเอง’ SLE ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้
มารู้จักกันไหมโรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE “โรคพุ่มพวง” เป็นอย่างไร อันตรายไหม ถ้าเป็นแล้วรักษาได้ไหม
โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE : Systemic lupus erythematosis) หรือโรคที่หลาย ๆ คนคุ้นหูเรียกว่า “โรคพุ่มพวง” ตามชื่อของ ราชินีลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่เสียชีวิตด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง ในวันที่ 13 มิถุนายน 2535 โรค SLE คืออะไร “แพทย์หญิง เมธินี สุทธิไวยกิจ” อายุรแพทย์และอายุรแพทย์โรคไต จะมาไขข้อสงสัยกับโรคชนิดนี้
โรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อตัวเองในระบบต่าง ๆ
ในประเทศไทยพบความชุกประมาณ 40 ใน ประชากร 1,000,000 คน มักพบในเพศหญิงวัยเจริญพันธุ์โดยมีสัดส่วนเพศหญิงต่อเพศชายที่ 9:1 สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัยรวมถึงพันธุกรรม ส่วนปัจจัยกระตุ้น คือ แสงแดดและการติดเชื้อ
อาการและการวินิจฉัยโรค SLE ตามหลักการของ EULAR/ACR criteria จะใช้อาการและการตรวจเพิ่มเติม มาคิดคะแนนรวมในการวินิจฉัยโรค เช่น มีไข้ ผื่น ผมร่วง ปวดข้อ อาการทางระบบประสาทซึมสับสนชัก โลหิตจางเม็ดเลือดขาวเกร็ดเลือดต่ำ,ปัสสาวะผิดปกติตัวบวมจากมีโรค SLE ที่ไต เหนื่อยหอบจากระบบปอดและหัวใจผิดปกติ และการตรวจภูมิคุ้มกัน เช่น Antinuclear antibody(ANA) Anti-dsDNA antibody Complement level เป็นต้น และต้องไม่มีสาเหตุอื่นๆที่อธิบายได้ เช่นโรคติดเชื้อ ยา โรคเนื้องอก
จะตรวจพบอะไรในผู้ป่วยโรค SLE ที่ไต (Lupus nephritis)
ผู้ป่วย SLE มีอุบัติการณ์ตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ หรือพบโปรตีนในปัสสาวะได้ร้อยละ 50-70
โรค SLE ที่ไตจะมีหลายประเภท มีความรุนแรงและแนวทางการรักษาที่ต่างกัน ซึ่งการเก็บชิ้นเนื้อที่ไตไปตรวจจะช่วยให้เกิดการวางแผนการรักษาได้ดี การรักษาโรคลูปัส (SLE) ที่เป็นโรคเรื้อรัง มักต้องกินยากดภูมิ เพื่อลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งการเลือกใช้ยาจะแตกต่างกันตามความรุนแรงของโรค ได้เช่นกัน
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรค SLE
หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยการใส่เสื้อผ้าปกคลุมร่างกาย กางร่มหรือสวมหมวก ทาครีมกันแดด ระวังการติดเชื้อจากอาหารและการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เพราะจะทำให้เกิดการกำเริบของโรคได้ง่ายรับประทานยาและติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องคุมกำเนิดระหว่างรับประทานยาบางชนิด จึงควรต้องต้องปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนเสมอ....
สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/4548636/
‘โรคแพ้ภูมิตัวเอง’ SLE ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้
มารู้จักกันไหมโรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE “โรคพุ่มพวง” เป็นอย่างไร อันตรายไหม ถ้าเป็นแล้วรักษาได้ไหม
โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE : Systemic lupus erythematosis) หรือโรคที่หลาย ๆ คนคุ้นหูเรียกว่า “โรคพุ่มพวง” ตามชื่อของ ราชินีลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่เสียชีวิตด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง ในวันที่ 13 มิถุนายน 2535 โรค SLE คืออะไร “แพทย์หญิง เมธินี สุทธิไวยกิจ” อายุรแพทย์และอายุรแพทย์โรคไต จะมาไขข้อสงสัยกับโรคชนิดนี้
โรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อตัวเองในระบบต่าง ๆ
ในประเทศไทยพบความชุกประมาณ 40 ใน ประชากร 1,000,000 คน มักพบในเพศหญิงวัยเจริญพันธุ์โดยมีสัดส่วนเพศหญิงต่อเพศชายที่ 9:1 สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัยรวมถึงพันธุกรรม ส่วนปัจจัยกระตุ้น คือ แสงแดดและการติดเชื้อ
อาการและการวินิจฉัยโรค SLE ตามหลักการของ EULAR/ACR criteria จะใช้อาการและการตรวจเพิ่มเติม มาคิดคะแนนรวมในการวินิจฉัยโรค เช่น มีไข้ ผื่น ผมร่วง ปวดข้อ อาการทางระบบประสาทซึมสับสนชัก โลหิตจางเม็ดเลือดขาวเกร็ดเลือดต่ำ,ปัสสาวะผิดปกติตัวบวมจากมีโรค SLE ที่ไต เหนื่อยหอบจากระบบปอดและหัวใจผิดปกติ และการตรวจภูมิคุ้มกัน เช่น Antinuclear antibody(ANA) Anti-dsDNA antibody Complement level เป็นต้น และต้องไม่มีสาเหตุอื่นๆที่อธิบายได้ เช่นโรคติดเชื้อ ยา โรคเนื้องอก
จะตรวจพบอะไรในผู้ป่วยโรค SLE ที่ไต (Lupus nephritis)
ผู้ป่วย SLE มีอุบัติการณ์ตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ หรือพบโปรตีนในปัสสาวะได้ร้อยละ 50-70
โรค SLE ที่ไตจะมีหลายประเภท มีความรุนแรงและแนวทางการรักษาที่ต่างกัน ซึ่งการเก็บชิ้นเนื้อที่ไตไปตรวจจะช่วยให้เกิดการวางแผนการรักษาได้ดี การรักษาโรคลูปัส (SLE) ที่เป็นโรคเรื้อรัง มักต้องกินยากดภูมิ เพื่อลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งการเลือกใช้ยาจะแตกต่างกันตามความรุนแรงของโรค ได้เช่นกัน
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรค SLE
หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยการใส่เสื้อผ้าปกคลุมร่างกาย กางร่มหรือสวมหมวก ทาครีมกันแดด ระวังการติดเชื้อจากอาหารและการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เพราะจะทำให้เกิดการกำเริบของโรคได้ง่ายรับประทานยาและติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องคุมกำเนิดระหว่างรับประทานยาบางชนิด จึงควรต้องต้องปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนเสมอ....
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4548636/