เสียชีวิต-บาดเจ็บอื้อ “รมว.พิพัฒน์” ป้องอุบัติเหตุซ้ำซาก บนถนนพระราม 2 สั่งเข้มมาตรการ “งานก่อสร้าง” ต้อง ปลอดภัย-รัดกุม แจ้งเรียก “อิตาเลียนไทย” แจง 28 มี.ค. นี้
26 มี.ค. 68 – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากอุบัติเหตุในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่บนถนนพระราม 2 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ร่วมกับสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) หรือ สสปท. กำหนดมาตรการป้องกันและตรวจสอบโครงการก่อสร้างทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงในกรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
“จะมีการเชิญผู้รับเหมาทุกระดับในโครงการต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หารือเตรียมมาตรการความปลอดภัยที่รัดกุม และมาตรการป้องกันที่ชัดเจน โดยเฉพาะการจำลองสถานการณ์และหาวิธีป้องกันอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า พนักงานทุกคนในไซต์งานเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ เพื่อให้มีหลักประกันคุ้มครองตามสิทธิประกันสังคม ขณะเดียวกัน เบื้องต้นนายจ้าง/สถานประกอบการต้องรับผิดชอบหากเกิดเหตุขึ้นกับลูกจ้าง” นายพิพัฒน์ กล่าว
ขณะที่ ร.อ.สาโรจน์ คมคาย อธิบดี กสร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบข้อเท็จจริงกรณีอุบัติเหตุในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่บนถนนพระราม 2 เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่า เป็นการเชิญผู้รับผิดชอบโครงการ หรือการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มาหารือถึงภาพรวมโครงการทั้งหมด เพื่อให้การสอบไปถูกทาง
ส่วนผู้รับเหมา ซึ่งก็คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้มีหนังสือเชิญมาสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 28 มีนาคม 2568 เพื่อสอบถามว่า ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความปลอดภัยฯ พ.ศ.2554 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเฉพาะมาตรา 8 ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง, งานตกที่สูง, งานนั่งร้าน และงานใช้เครื่องจักรปั้นจั่น ซึ่งมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 4 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ที่ผ่านมา มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกกรณี ส่วนมาตรการตรวจสอบย้ำว่า ดำเนินการอย่างเข้มข้น และจะเข้มข้นมากขึ้น
โดยจะเชิญหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) ร่วมตรวจสอบโครงการก่อสร้างต่างๆ ด้วย พร้อมให้ผู้รับผิดชอบโครงการ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐกำชับผู้รับเหมาช่วงทุกระดับปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด” ร.อ.สาโรจน์ กล่าว... ที่มาอ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9691110
รมว.แรงงาน สั่งเข้มมาตรการ ‘งานก่อสร้าง’ ถนนพระราม 2 เรียก ‘อิตาเลียนไทย’ แจง 28 มี.ค.นี้
เสียชีวิต-บาดเจ็บอื้อ “รมว.พิพัฒน์” ป้องอุบัติเหตุซ้ำซาก บนถนนพระราม 2 สั่งเข้มมาตรการ “งานก่อสร้าง” ต้อง ปลอดภัย-รัดกุม แจ้งเรียก “อิตาเลียนไทย” แจง 28 มี.ค. นี้
26 มี.ค. 68 – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากอุบัติเหตุในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่บนถนนพระราม 2 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ร่วมกับสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) หรือ สสปท. กำหนดมาตรการป้องกันและตรวจสอบโครงการก่อสร้างทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงในกรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
“จะมีการเชิญผู้รับเหมาทุกระดับในโครงการต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หารือเตรียมมาตรการความปลอดภัยที่รัดกุม และมาตรการป้องกันที่ชัดเจน โดยเฉพาะการจำลองสถานการณ์และหาวิธีป้องกันอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า พนักงานทุกคนในไซต์งานเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ เพื่อให้มีหลักประกันคุ้มครองตามสิทธิประกันสังคม ขณะเดียวกัน เบื้องต้นนายจ้าง/สถานประกอบการต้องรับผิดชอบหากเกิดเหตุขึ้นกับลูกจ้าง” นายพิพัฒน์ กล่าว
ขณะที่ ร.อ.สาโรจน์ คมคาย อธิบดี กสร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบข้อเท็จจริงกรณีอุบัติเหตุในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่บนถนนพระราม 2 เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่า เป็นการเชิญผู้รับผิดชอบโครงการ หรือการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มาหารือถึงภาพรวมโครงการทั้งหมด เพื่อให้การสอบไปถูกทาง
ส่วนผู้รับเหมา ซึ่งก็คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้มีหนังสือเชิญมาสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 28 มีนาคม 2568 เพื่อสอบถามว่า ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความปลอดภัยฯ พ.ศ.2554 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเฉพาะมาตรา 8 ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง, งานตกที่สูง, งานนั่งร้าน และงานใช้เครื่องจักรปั้นจั่น ซึ่งมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 4 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ที่ผ่านมา มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกกรณี ส่วนมาตรการตรวจสอบย้ำว่า ดำเนินการอย่างเข้มข้น และจะเข้มข้นมากขึ้น
โดยจะเชิญหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) ร่วมตรวจสอบโครงการก่อสร้างต่างๆ ด้วย พร้อมให้ผู้รับผิดชอบโครงการ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐกำชับผู้รับเหมาช่วงทุกระดับปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด” ร.อ.สาโรจน์ กล่าว... ที่มาอ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9691110