ตถาคตเรียกสิ่งนี้ว่า ‘จิต๑บ้าง มโน๑บ้าง วิญญาณ๑บ้าง’

พระพุทธเจ้าทรงให้เหตุผลกำกับทำไมถึงเรียก ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ ดังนี้ ตถาคตเรียกสิ่งนี้ว่า ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ไม่อาจ เบื่อหน่าย คลายกำหนัด

เพราะจิตไปหลงยึดว่า กาย วิญญาณและขันธ์ 5 ซึ่งเป็นของไม่เที่ยง ตามกฏไตรลักษณ์ นั้นคือเรา เป็นของเรา ไม่อาจเบื่อหน่ายคลายกำหนัดด้วยกิเลส ตัณหาร้อยรัด พระพุทธเจ้าจึง เรียก จิต มโน วิญญาณ คือ สิ่งเดียวกัน

๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑ ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ...

ฉบับหลวง สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นพระผู้มีพระภาคตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเบื

.       " ... ตถาคตจึงเรียก สิ่งนี้ว่า ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ จิตเป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไ

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๖ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑ ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐี เ

นอกจากสังยุตตนิกาย นิทานวรรค ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้นนั้นดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ก็ฉันนั้นแล ฯ สาเหตุเพราะ ปุถุชนผู้ม

พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้อย่างชัดเจน มหาวรรคที่ ๗ ๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑    ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-   สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่&nb

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเบื่อห