ตถาคตเรียกสิ่งนี้ว่า ‘จิต๑บ้าง มโน๑บ้าง วิญญาณ๑บ้าง’

๗. มหาวรรค หมวดว่าด้วยพระสูตรที่มีเนื้อหาสำคัญ ๑. อัสสุตวาสูตร ว่าด้วยผู้ไม่ได้สดับ ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิก- เศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี

พระพุทธเจ้าทรงให้เหตุผลกำกับทำไมถึงเรียก ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ ดังนี้ ตถาคตเรียกสิ่งนี้ว่า ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ไม่อาจ เบื่อหน่าย คลายกำหนัด

เพราะจิตไปหลงยึดว่า กาย วิญญาณและขันธ์ 5 ซึ่งเป็นของไม่เที่ยง ตามกฏไตรลักษณ์ นั้นคือเรา เป็นของเรา ไม่อาจเบื่อหน่ายคลายกำหนัดด้วยกิเลส ตัณหาร้อยรัด พระพุทธเจ้าจึง เรียก จิต มโน วิญญาณ คือ สิ่งเดียวกัน

๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑ ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ...

.       " ... ตถาคตจึงเรียก สิ่งนี้ว่า ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ จิตเป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไ

พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้อย่างชัดเจน มหาวรรคที่ ๗ ๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑    ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-   สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่&nb

สวัสดีครับ         วันนี้ขออนุญาตตามหา "กาย"  ที่หายไป เพราะมันสำคัญมากต่อการเข้าใจคำสอนพระสูตรอื่น ๆ  ในศาสนาพุทธ    ในอนาคต จะมีผู้มาอธิบาย "ก

ลิงที่ทรงอุปมา คือ ข้อความในออัสสุตวตาสูตรที่ ๑ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=16&A=2519&Z=2566 มหาวรรคที่ ๗ ๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑ ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้- สมัยหนึ่ง พระผู้ม