รู้จักคาร์บ เข้าใจสุขภาพ
"คาร์บ" ก็คือ คาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย ซึ่งตั้งแต่เด็กเราคงเคยเรียนกันมาแล้ว ว่า คาร์โบไฮเดรต อยู่ในอาหารหลัก 5 หมู่ ร่วมกับ โปรตีน เกลือแร่ วิตามิน และไขมันแต่หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าคาร์บมีแค่ในหมู่ที่ 2 (ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน) เท่านั้น ความจริงแล้ว คาร์บแฝงอยู่ในอาหารหลายประเภท ทั้งผัก ผลไม้ และแม้แต่นม
โดยคาร์บเอง จะแบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1. คาร์บเชิงเดี่ยว (Simple Carbohydrates)
• เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวหรือคู่
• ร่างกายย่อยได้เร็ว ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
• พบในอาหารเช่น น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำอัดลม ลูกอม ขนมหวาน ผลไม้รสหวาน
• ให้พลังงานเร็ว แต่หมดเร็ว ทำให้หิวบ่อย
• ควรจำกัดคาร์บเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะน้ำตาลที่เติมในอาหาร เพราะการบริโภคมากเกินไปเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวาน
2. คาร์บเชิงซ้อน (Complex Carbohydrates)
• เป็นน้ำตาลโมเลกุลยาว มีโครงสร้างซับซ้อน
• ร่างกายใช้เวลาย่อยนานกว่า ทำให้น้ำตาลในเลือดค่อยๆ สูงขึ้น
• ให้พลังงานต่อเนื่อง อิ่มนาน
• พบในธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ถั่ว มันฝรั่ง มันเทศ โอ๊ต ขนมปังโฮลวีตผักที่มีแป้งเช่น ฟักทอง แครอท
• มักมาพร้อมใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ
แม้คาร์บจะมีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากไปเกินความต้องการของร่างกาย โดยไม่รู้ตัว ก็อาจทำให้ร่างกายสะสมน้ำตาลมากเกินไป ส่งผลให้น้ำหนักขึ้นง่าย และเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้
นี่คือเหตุผลที่เราต้องคำนึงถึง "คาร์บ" ที่บริโภคในแต่ละวัน ด้วยการเน้นคาร์บเชิงซ้อนเป็นหลักรับประทานผักและผลไม้ควบคู่และ
“นับคาร์บ” เพื่อควบคุมปริมาณคาร์บในแต่ละมื้อทั้งอาหารหลัก อาหารว่าง รวมถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลด้วย
เราต้องกินคาร์บต่อวันเท่าไหร่?
แต่ละคนมีความต้องการคาร์บที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ การมีกิจกรรมทางกาย และสุขภาพโดยรวม หากบริโภคคาร์บเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ พลังงานส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม อาจทำให้เกิดภาวะอ้วน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
หากอยากรู้ว่า ใน 1 วันคุณกินคาร์บได้เท่าไร เช็กได้ง่ายๆ ด้วยโปรแกรมจากเว็บ
www.นับคาร์บ.com
เมื่อรู้ปริมาณคาร์บของคุณในแต่ละวันแล้ว จากนั้นก็เริ่มนับคาร์บ ด้วยการการคำนวณปริมาณคาร์บที่กินเข้าไปในแต่ละวัน
ใครควรนับคาร์บบ้าง?
• คนที่ต้องการลดน้ำหนักแบบไม่ต้องอดอาหาร
• ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องฉีดอินซูลิน
• คนที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรค NCDs
• คนรักสุขภาพ ที่อยากกินอาหารให้สมดุลและมีพลังงานที่เหมาะสมในแต่ละวัน
การนับคาร์บ: เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น
1.
กำหนดเป้าหมายให้ได้ปริมาณคาร์บต่อวันของตัวเอง
2.
รู้จักปริมาณคาร์บในอาหารแต่ละชนิดซึ่งช่วยให้เราควบคุมอาหารได้ดีขึ้น
• โดยเฉลี่ย 1 คาร์บ = คาร์โบไฮเดรตประมาณ 15 กรัม
• ฝึกชั่งตวงหรือกะปริมาณด้วยสายตาเพื่อให้คุ้นเคยกับปริมาณที่เหมาะสมในส่วนของข้าวสวย เส้นต่างๆ 1 ทัพพี = 1 คาร์บ, น้ำตาล 3 ช้อนชา = 1 คาร์บ เป็นต้น
• อ่านฉลากโภชนาการ – ดูปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่อหน่วยบริโภคก่อนตัดสินใจกิน
• ดูข้อมูลปริมาณคาร์บของอาหารประเภทต่างๆ
3.
บริหารการกินแต่ละมื้อ– แบ่งปริมาณคาร์บตามมื้ออาหารให้เหมาะสม เอาปริมาณคาร์บหารตามจำนวนมื้อที่กิน เช่น ถ้าต้องกินไม่เกิน 6 คาร์บ ก็แบ่งเป็น มื้อเช้า 2 คาร์บ กลางวัน2 คาร์บ และเย็น 2 คาร์บ หรือหากมื้อไหนเกินก็ไปลดในมื้อถัดไป
4.
เลือกคาร์บที่ดีต่อสุขภาพ– ลดขนม น้ำหวาน หันมาเลือกข้าวกล้อง ธัญพืช และผัก
เริ่มต้นนับคาร์บวันนี้! เพราะสุขภาพดี... เริ่มจากสิ่งที่เรากิน! รายละเอียดเพิ่มเติมที่
www.นับคาร์บ.com
กดติดตามข้อมูลข่าวสาร แคมเปญที่น่าสนใจ และกิจกรรมดีๆ จาก สสส เพิ่มเติมได้ที่ :
Facebook :
Social Marketing Thaihealth by สสส.
Line :
@thaihealththailand
Tiktok:
@thaihealth
Youtube:
SocialMarketingTH
Website :
Social Marketing Thaihealth
สายกินต้องรู้! เทคนิคนับคาร์บ กินเป็น ลดเสี่ยงโรค
"คาร์บ" ก็คือ คาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย ซึ่งตั้งแต่เด็กเราคงเคยเรียนกันมาแล้ว ว่า คาร์โบไฮเดรต อยู่ในอาหารหลัก 5 หมู่ ร่วมกับ โปรตีน เกลือแร่ วิตามิน และไขมันแต่หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าคาร์บมีแค่ในหมู่ที่ 2 (ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน) เท่านั้น ความจริงแล้ว คาร์บแฝงอยู่ในอาหารหลายประเภท ทั้งผัก ผลไม้ และแม้แต่นม
โดยคาร์บเอง จะแบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1. คาร์บเชิงเดี่ยว (Simple Carbohydrates)
• ร่างกายย่อยได้เร็ว ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
• พบในอาหารเช่น น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำอัดลม ลูกอม ขนมหวาน ผลไม้รสหวาน
• ให้พลังงานเร็ว แต่หมดเร็ว ทำให้หิวบ่อย
• ควรจำกัดคาร์บเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะน้ำตาลที่เติมในอาหาร เพราะการบริโภคมากเกินไปเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวาน
2. คาร์บเชิงซ้อน (Complex Carbohydrates)
• ร่างกายใช้เวลาย่อยนานกว่า ทำให้น้ำตาลในเลือดค่อยๆ สูงขึ้น
• ให้พลังงานต่อเนื่อง อิ่มนาน
• พบในธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ถั่ว มันฝรั่ง มันเทศ โอ๊ต ขนมปังโฮลวีตผักที่มีแป้งเช่น ฟักทอง แครอท
• มักมาพร้อมใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ
แม้คาร์บจะมีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากไปเกินความต้องการของร่างกาย โดยไม่รู้ตัว ก็อาจทำให้ร่างกายสะสมน้ำตาลมากเกินไป ส่งผลให้น้ำหนักขึ้นง่าย และเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้
นี่คือเหตุผลที่เราต้องคำนึงถึง "คาร์บ" ที่บริโภคในแต่ละวัน ด้วยการเน้นคาร์บเชิงซ้อนเป็นหลักรับประทานผักและผลไม้ควบคู่และ “นับคาร์บ” เพื่อควบคุมปริมาณคาร์บในแต่ละมื้อทั้งอาหารหลัก อาหารว่าง รวมถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลด้วย
เราต้องกินคาร์บต่อวันเท่าไหร่?
แต่ละคนมีความต้องการคาร์บที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ การมีกิจกรรมทางกาย และสุขภาพโดยรวม หากบริโภคคาร์บเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ พลังงานส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม อาจทำให้เกิดภาวะอ้วน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
หากอยากรู้ว่า ใน 1 วันคุณกินคาร์บได้เท่าไร เช็กได้ง่ายๆ ด้วยโปรแกรมจากเว็บ www.นับคาร์บ.com
เมื่อรู้ปริมาณคาร์บของคุณในแต่ละวันแล้ว จากนั้นก็เริ่มนับคาร์บ ด้วยการการคำนวณปริมาณคาร์บที่กินเข้าไปในแต่ละวัน
ใครควรนับคาร์บบ้าง?
• คนที่ต้องการลดน้ำหนักแบบไม่ต้องอดอาหาร
• ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องฉีดอินซูลิน
• คนที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรค NCDs
• คนรักสุขภาพ ที่อยากกินอาหารให้สมดุลและมีพลังงานที่เหมาะสมในแต่ละวัน
การนับคาร์บ: เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น
1. กำหนดเป้าหมายให้ได้ปริมาณคาร์บต่อวันของตัวเอง
2. รู้จักปริมาณคาร์บในอาหารแต่ละชนิดซึ่งช่วยให้เราควบคุมอาหารได้ดีขึ้น
• โดยเฉลี่ย 1 คาร์บ = คาร์โบไฮเดรตประมาณ 15 กรัม
• ฝึกชั่งตวงหรือกะปริมาณด้วยสายตาเพื่อให้คุ้นเคยกับปริมาณที่เหมาะสมในส่วนของข้าวสวย เส้นต่างๆ 1 ทัพพี = 1 คาร์บ, น้ำตาล 3 ช้อนชา = 1 คาร์บ เป็นต้น
• อ่านฉลากโภชนาการ – ดูปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่อหน่วยบริโภคก่อนตัดสินใจกิน
• ดูข้อมูลปริมาณคาร์บของอาหารประเภทต่างๆ
3. บริหารการกินแต่ละมื้อ– แบ่งปริมาณคาร์บตามมื้ออาหารให้เหมาะสม เอาปริมาณคาร์บหารตามจำนวนมื้อที่กิน เช่น ถ้าต้องกินไม่เกิน 6 คาร์บ ก็แบ่งเป็น มื้อเช้า 2 คาร์บ กลางวัน2 คาร์บ และเย็น 2 คาร์บ หรือหากมื้อไหนเกินก็ไปลดในมื้อถัดไป
4. เลือกคาร์บที่ดีต่อสุขภาพ– ลดขนม น้ำหวาน หันมาเลือกข้าวกล้อง ธัญพืช และผัก
เริ่มต้นนับคาร์บวันนี้! เพราะสุขภาพดี... เริ่มจากสิ่งที่เรากิน! รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.นับคาร์บ.com
Facebook :Social Marketing Thaihealth by สสส.
Line :@thaihealththailand
Tiktok: @thaihealth
Youtube:SocialMarketingTH
Website :Social Marketing Thaihealth