คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 33
เข้าใจความรู้สึกของคุณมากค่ะ สถานการณ์นี้เป็นเรื่องที่กดดันจริง ๆ
1. ด้านการเงิน:
- เงินเดือนปัจจุบัน 16,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่ายบังคับ (ประกันสังคม, กยศ)
- ต้องจ่ายค่าที่พัก ค่าสาธารณูปโภค ค่าอาหาร ค่าเดินทาง
- อยู่ในช่วงทดลองงานที่บริษัทใหม่ซึ่งมีโอกาสปรับเงินเดือนเพิ่ม
2. ด้านการพัฒนาอาชีพ:
- คุณมีแผนชัดเจนในการพัฒนาตัวเอง
- กำลังสั่งสมประสบการณ์เพื่อโอกาสที่ดีกว่าในอนาคต
- เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางอาชีพ
3. ความสัมพันธ์กับครอบครัว:
- พ่อแม่มีความคาดหวังสูง
- มีการเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น
- การสื่อสารมีปัญหา แม้จะพยายามอธิบายแล้ว
คำแนะนำสำหรับการจัดการสถานการณ์:
1. การสื่อสารกับพ่อแม่:
- ลองทำตารางรายรับ-รายจ่ายให้พ่อแม่เห็นภาพชัดเจน
- อธิบายแผนการพัฒนาตัวเองและเป้าหมายระยะยาว
- แสดงความกตัญญูด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การโทรหาบ่อย ๆ ช่วยเหลืองานเล็ก ๆ น้อย ๆ
2. การจัดการความเครียด:
- หากิจกรรมผ่อนคลายที่ไม่ต้องใช้เงินมาก
- พูดคุยกับเพื่อนหรือคนที่เข้าใจ
- ให้กำลังใจตัวเองว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง
3. การวางแผนการเงิน:
- ทำงบประมาณรายเดือนอย่างละเอียด
- หาวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- วางแผนการออมเงินเท่าที่ทำได้
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ:
- คุณไม่ได้เป็นลูกที่ไม่ดี การที่ต้องการตั้งตัวก่อนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
- การพัฒนาตัวเองในตอนนี้จะส่งผลดีต่อทั้งคุณและครอบครัวในระยะยาว
- ความกดดันที่คุณรู้สึกเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าปล่อยให้มันทำร้ายสุขภาพจิตของคุณค่ะ
1. ด้านการเงิน:
- เงินเดือนปัจจุบัน 16,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่ายบังคับ (ประกันสังคม, กยศ)
- ต้องจ่ายค่าที่พัก ค่าสาธารณูปโภค ค่าอาหาร ค่าเดินทาง
- อยู่ในช่วงทดลองงานที่บริษัทใหม่ซึ่งมีโอกาสปรับเงินเดือนเพิ่ม
2. ด้านการพัฒนาอาชีพ:
- คุณมีแผนชัดเจนในการพัฒนาตัวเอง
- กำลังสั่งสมประสบการณ์เพื่อโอกาสที่ดีกว่าในอนาคต
- เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางอาชีพ
3. ความสัมพันธ์กับครอบครัว:
- พ่อแม่มีความคาดหวังสูง
- มีการเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น
- การสื่อสารมีปัญหา แม้จะพยายามอธิบายแล้ว
คำแนะนำสำหรับการจัดการสถานการณ์:
1. การสื่อสารกับพ่อแม่:
- ลองทำตารางรายรับ-รายจ่ายให้พ่อแม่เห็นภาพชัดเจน
- อธิบายแผนการพัฒนาตัวเองและเป้าหมายระยะยาว
- แสดงความกตัญญูด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การโทรหาบ่อย ๆ ช่วยเหลืองานเล็ก ๆ น้อย ๆ
2. การจัดการความเครียด:
- หากิจกรรมผ่อนคลายที่ไม่ต้องใช้เงินมาก
- พูดคุยกับเพื่อนหรือคนที่เข้าใจ
- ให้กำลังใจตัวเองว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง
3. การวางแผนการเงิน:
- ทำงบประมาณรายเดือนอย่างละเอียด
- หาวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- วางแผนการออมเงินเท่าที่ทำได้
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ:
- คุณไม่ได้เป็นลูกที่ไม่ดี การที่ต้องการตั้งตัวก่อนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
- การพัฒนาตัวเองในตอนนี้จะส่งผลดีต่อทั้งคุณและครอบครัวในระยะยาว
- ความกดดันที่คุณรู้สึกเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าปล่อยให้มันทำร้ายสุขภาพจิตของคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
พ่อแม่น้อยใจที่เราไม่เคยส่งเสียให้ เขาเลย เรารู้สึกผิดแต่....
พ่อแม่เราเคยบอกเขาว่าอย่าปล่อยให้ตัวเองลำบากนะถ้าไม่มีก็บอก
(ถ้าสงสัยว่าทำไมเรา ไม่ไปอยู่กับพ่อแม่ คือตอนนี้พ่อแม่อยู่บ้านเช่า เพียงเพราะว่าพ่อแม่แค่ทำงานอยู่ตั้งแต่เราเกิดแล้วค่ะ จริงๆมีบ้านของตัวเอง อยู่ต่างจังหวัด ถ้าพ่อแม่ปลดเกษียณแล้วพ่อแม่ก็จะย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด แล้วจังหวัดที่เราอยู่ตอนนี้มันก็ติดกับ จังหวัดบ้านเกิดตัวเอง พ่อแม่เลยโอเคที่เราอยู่ตรงนี้ ตอนนี้พ่อแม่ได้ปลดเกษียณแล้วค่ะ แต่ได้ทำงานสัญญาปีต่อปี แม่เรายังอยากทำงานอยู่ ยังไหวเขาก็เลยทำ แต่น่าจะไม่เกินปี 2 ปีแม่เราก็จะกลับไปอยู่บ้านค่ะ ก็ได้เงินบำนาญประกันสังคม)
ต่อ... พ่อแม่เราชอบเห็นลูกคนอื่นที่เขาให้พ่อแม่เขาหลายบาทแล้วชอบมาเล่าให้เราฟัง แล้วก็แบบว่าลูกคนนั้นทำบ้านให้แม่อะไรแบบนี้ ซึ่งสายงานในการทำงานของเขากับของเรา มันคนละแบบซึ่งงานเขาเติบโตกว่า เขาได้เงินเดือนที่มากกว่าเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่เราจะตัดพ้อ พิมพ์ Line มาหาเรายาวๆตลอด ประมาณว่าทำไมแม่ไม่เห็นอนาคตลูกแม่ส่งเรียนสูง ไม่เคยส่งให้พ่อแม่ แม่หวังว่าเราจะเลี้ยงแม่ได้ บลาๆ
ซึ่งเราได้คิดแล้วค่ะว่าเรามีค่าใช้จ่ายสูงกับเงินเดือนที่ได้รับไม่พอ เราก็เลยหาที่ทำงานใหม่ซึ่งที่นี่พ่อแม่อยากให้ได้มากๆ เพราะว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง แต่ด้วยพื้นฐานเดิมที่ทำงานเก่าความรับผิดชอบหน้าที่มันแตกต่างจากที่ใหม่มากๆเราไม่มีประสบการณ์เราเลยเลือกเงินเดือนไป 16 K มากกว่าที่เก่า 1,000 บาท แล้วเราก็ได้งานนี้ จนตอนนี้เราก็อยู่ในช่วงทดลองงาน หากผ่านโปร เราก็จะได้ปรับเงินเดือนอีก
ตอนนี้อยู่ในช่วงที่เรา เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อไปต่อยอดที่อื่นจะได้อัพเงินเดือนตัวเองได้สูงขึ้น แต่ในระหว่างนี้ พ่อแม่เราก็กดดันไม่หยุดเช่นกัน เราก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ เงินเดือนออกมาเราก็ต้องโดนหักเหมือนเดิมเงินที่เหลือ ก็จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายของเราเอง
เรารู้นะคะ พ่อแม่ส่งเสียเราเรียนมา เราก็ต้องตอบแทนท่านบ้าง เราก็อยากให้เงินนะคะ แต่เราก็มีเงินไม่พอที่จะส่งท่าน ส่งได้แต่เราจะต้องหายืมเพื่อน เงินออกก็คืน ก็จะเป็นหนี้ไปอีก แต่ที่ผ่านมาเราก็เป็นเด็กดีของพ่อแม่ตลอดไม่ได้ทำอะไรเสียหาย มีแต่แค่พ่อแม่คาดหวังเรามากพอไม่ได้ดั่งใจก็จะมาว่าเราจนเรารู้สึกผิดว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดีหรือเปล่า
บางครั้งพ่อแม่ก็เหมือนเข้าใจเรา แต่บางครั้งก็ไม่เข้าใจเราก็ไม่รู้ว่ายังไง พอเห็นคนอื่น ก็จะพิมพ์ตัดพ้อกับเรา ถ้าเราเงินเดือนเยอะๆเราจะส่งให้แบบไม่คิดอะไรเลย
แม่เราเคยพิมพ์มาประมาณว่าถ้าแม่กลับไปอยู่บ้านแล้ว แม่หวังให้ลูกจะส่งเสียแม่บ้างแต่ตอนนี้ลูกยังไม่เคยให้พ่อแม่สักบาท แม่ผิดหวังที่ส่งเราเรียนสูง
เราไม่ใช่ไม่คิดที่จะไม่ส่งเลย ระหว่างที่ทำงานที่ใหม่ก็หวังว่าเงินเดือนจะอัพขึ้นก็พอดี กับที่แม่กลับไปอยู่บ้านแล้ว เราก็จะส่งให้พ่อแม่ปกติไม่มากก็น้อย ก็ยังได้ส่ง
เพียงแค่ตอนนี้เราขอตั้งตัวก่อน เราเคยอธิบายให้พ่อแม่นะ แต่แม่หาว่าเรา พูดไปเรื่อยบ้าง
เราอึดอัดมากๆเลยค่ะ จนทำให้เราไม่อยากคุยกับพ่อแม่ เพราะเราได้แต่พลังงานลบๆ ไม่มีชมเราเลย เราไม่เคยรู้สึกว่าพ่อแม่ มีพลังบวกให้เราบ้างเลย พอเราเปิดใจพูดตรงๆเราก็โดนด่า ทำยังไงเราก็ไม่ดี