ไหนๆตอนนี้ทางจภ.หลายๆที่ก็ประกาศผลสอบแล้ว เหลือก็แค่ลุ้นว่าเราจะติดไหม เพราะฉะนั้นในวันนี้พี่จะมาแชร์ประสบการณ์ให้อ่านกันไปเพลินๆ แต่ถ้าติดแล้วอยากมีชีวิตรอด(?)ในรั้วแห่งนี้ต้อง
อ่านให้จบ ส่วนใครมีคำถามอะไรเพิ่มเติมสามารถทิ้งคำถามไว้ได้เลย เดียวจะมาตอบให้ทีหลังเน้ออ
ปล.อันนี้จะเป็นเวอร์ชั่นของจภ.ชล/สระแก้ว แต่จภ.อื่นๆก็น่าจะคล้ายๆกันแหละ(มั้ง)
***หมายเหตุ ข้อมูลเหล่านี้มีเนื้อหาจากมุมมองของคนๆเดียว อาจมีความผิดพลาดหรือคาดเคลื่อนได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***
♤
เกี่ยวกับน้องใหม่จภ.สระแก้ว ♤
♤ อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าจภ.นั้นมีทั้งหมด12+6 เป็น18แห่ง ซึ่งในตอนนี้ทั้ง6แห่งใหม่นี้ มีการรับเด็กทั้งหมด 1 ห้องหรือ 24 คน(อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต) ซึ่งเด็กพวกนี้ก็จะถือเป็นรุ่นแรกๆของรร.เลย
♤ สำหรับเด็กๆจภ.สระแก้ว ปีนี้จะยังต้องมาเรียนที่สาขาชลบุรี เนื่องจากสาขาสระแก้วยังสร้างไม่เสร็จ(?) แต่ๆ ทางรร.มีการสร้างตึกให้ใหม่ เพื่อลองรับเด็กๆที่จะมีมาเพิ่มในปีนี้ ถ้าน้องๆเข้าไปสอบในรร.ตอนรอบสอง จะสังเกตเห็นว่ามันจะมีพื้นที่ตรงข้างทางเดินใหญ่ เขาจะเกลี่ยดินทิ้งไว้เตรียมก่อสร้าง คาดว่าน่าจะสร้างตอนช่วงปิดเทอมนี่แหละ ใครที่ไปรายงานตัวก็อย่าลืมไปมองๆตรงนั้นดูหน่อยก็ได้ จากที่พี่ทราบมาตัวตึกจะมีทั้งหมด 4 ชั้น 18 ห้องเรียน(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ส่วนตัวของหอพักอันนี้พี่ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีต่อเติมเพิ่มห้องยังไงหรือเปล่า แต่ยังไงก็ต้องมีที่นอนแน่ๆแหละ ไม่ต้องห่วงว่าเราจะต้องไปนอนข้างถนนหรือเปล่านะ(ฮา)
♧
เกี่ยวกับหลักสูตร ♧
♧ คงต้องบอกไว้ก่อนว่าปีที่แล้วหรือก็คือรุ่นพี่ๆนี่แหละ(หรืออาจจะปีก่อนหน้า) ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการเรียนการสอนให้ยกระดับขึ้นให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ง่ายๆก็คือทำให้มันยากมากขึ้นนั่นแหละ แต่ๆๆ ทุกคนไม่ต้องกลัวไปนะ ทุกหลักสูตรที่เขาปรับเราจะได้ใช้ในชีวิตประจำวันแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหาเรื่องสถิติที่เป็นหลักสูตรของม.6 ก็จะได้เรียนในม.4 แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะยากเกิน ถ้าเราเข้าใจเนื้อหา มันก็ไม่ยากเกินไปสำหรับเราแน่ๆ ง่ายๆก็คือพยายามตั้งใจฟังที่คุณครูเขาสอนให้ดี เพราะเนื้อหานี้จะต้องใช้ในโครงงานที่เราจะต้องทำแน่นอน
♧ เกรดที่เราจะต้องทำให้ได้จะเฉลี่ยแต่ละวิชาอยู่ที่ 3.00 และต้องได้เฉลี่ยรวมอยู่ที่ 3.50 ในแต่ละเทอม เทอมแรกจะเป็นช่วงปรับตัว ใครที่สอบตกบ่อยๆในช่วงนั้นก็ไม่ต้องตกใจหรือเสียใจไป มันเป็นเรื่องปกติ เพราะข้อสอบของที่นี่เป็น
ข้อเขียนทั้งหมด (ใครที่ผ่านนี่ให้เดาไว้ก่อนว่าเป็นเด็กเก่าไม่ก็อัจฉริยะชัดๆ) ส่วนในเทอมที่สองเราจะต้องดีดตัวเกรดขึ้นมาให้ได้ ส่วนใครที่ทำเกรดได้ไม่ถึงในคราวนี้แน่นอนว่ามีรางวัลใหญ่ให้....แน่นอนว่าให้ไปลุ้นเอาในเทอมสองในรั้วจภ.นะจ้ะ(ฮา) [น้องคงบอกว่ามันไม่ตลกแน่เลย...แฮร่] แต่ๆๆ หลักสูตรนี้รับประกันว่าน้องๆจะได้เกรดเฉลี่ยแต่ละวิชาถึง3.00แน่นอน
ถ้าตามส่งงานครบและทันกำหนดอะนะ และอย่างที่รู้กันว่า กลางภาคแก้ได้ ส่วนปลายภาคได้แค่ไหนเอาแค่นั้นนะจ้ะ
จำคำพี่ไว้นะว่าที่นี่ "สอบผ่านเป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมดา" (แฮร่)
♧ เตือนสำหรับน้องๆเด็กใหม่ พี่แนะนำว่าน้องควรเสริมภาษาอังกฤษมาให้ดี เพราะมันจะยากมากๆสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานเลย เราจะมีคาบนึง มันจะเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันหรือก็คือ conversation นั่นเอง คนที่แน่นเนื้อหาGrammarก็ต้องระวังไว้ด้วย การใช้ในชีวิตจริงมันยากกว่าเยอะ...
♧
เกี่ยวกับโครงงาน ♧
♧ เราทุกคนที่เป็นเด็กจุฬาภรณจะต้องมีโครงงานกันทุกคน และแน่นอนว่ารุ่นน้องๆม.ต้นก็คงไม่รอดพ้นจากชะตากรรมนี้เช่นกัน โดยโครงงานจะเริ่มทำในภาคเรียนที่สอง ซึ่งเราจะต้องจับคู่/กลุ่มในการทำโครงงานและคิดหัวข้อออกมา...
เอ๊ะ? แล้วทำไมเขาให้เวลาตั้งภาคเรียนนึงในการคิดหัวข้อเลยล่ะ? นั่นก็เพราะเพื่อให้เราสามารถปรับแก้ตัวของเนื้อหาโครงงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดให้ทันในปีถัดไปนั่นเอง ของม.ต้นพี่ไม่ค่อยรู้รายละเอียด แต่ที่แน่ๆม.ปลายน่ะเรียกว่า"ใครเด่นใครได้" ซึ่งเราจะต้องทำการเลือกสาขาวิชาโครงงาน จะมีอยู่ทั้งหมด 5 ตัวก็คือ คณิต เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ และ คอมพิวเตอร์ ซึ่งเราจะต้องทำการส่งทั้งหมด 3 บท แต่จะมีตัวที่พิเศษสุดๆอยู่ตัวนึง นั่นก็คือ GLOBE ซึ่งตัวนี้จะเป็นโครงงานเกี่ยวกับการสำรวจ มันจะมีให้เราสมัครได้ระหว่างสัปดาห์ที่เขายังแนะแนวเกี่ยวกับสาขาต่างๆ ซึ่งเราต้องรีบคิดและทำหัวข้อและ3บทนั้นให้เสร็จแล้วส่งเพราะมันเข้าได้ยากอยู่พอตัวเลยทีเดียว แต่ถ้าเราเข้าตัวนี้ได้ เราก็ไม่ต้องไปแย่งสาขาโครงงานกับคนอื่นๆแล้ว
...และพี่ขออย่างนึงคือ อย่าลงเสนอหัวข้อไว้มากกว่า1สาขา เพราะถ้าเราผ่านขึ้นมาทั้งคู่มันจะกลายเป็นว่า เราไปตัดสิทธิของคนอื่นที่เขาพยายามจะเสนอสาขานั้น และมันจะทำให้ครูในสาขานั้นต้องแก้รายชื่อเด็กในสาขาแล้วมันจะทำให้เกิดความสับสนได้ ถ้าเราไม่ผ่านจริงๆก็ยังมีรอบเก็บตกอยู่...
- แนะนำเกี่ยวกับหัวข้อโครงงาน : พี่แนะนำว่าหัวข้อนั้น
อย่าเอาเกี่ยวกับ "การศึกษาประสิทธิภาพ..."
เด็ดขาด เพราะมีโอกาสน้อยมากๆที่เราจะเสนอผ่านแน่ๆ ควรเอาเป็นสิ่งที่เป็นproduceแบบเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาจริงๆ หรือถ้ายืนยันอยากจะทำเกี่ยวกับการศึกษาประสิทธิภาพ จะต้องเป็นสิ่งที่เราคิดว่า มันแปลกใหม่จริงๆ หรือยังไม่เคยมีใครทำแน่ๆ
-แนะนำเกี่ยวกับสาขา : พี่แนะนำว่าสาขาคณิตเข้าง่ายสุด เพราะสาขานี้โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่คิดทฤษฏีหรือสูตรใหม่ๆขึ้นมา(ส่วนใหญ่จะเป็นพวกอัจฉริยะ/ท๊อปคลาสทำ) ก็จะเป็นเกี่ยวกับการสำรวจจำนวนประชากรที่...อะไรประมาณนี้ อีกอย่างคือคนเขาเข้าน้อยด้วยแหละ(ฮา) ส่วนสาขาโครงงานที่เข้ายากที่สุด โดยส่วนตัวที่พี่ฟังจะเพื่อนๆมาก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า..คอม ใช่แล้ว นอกจากจะต้องเขียนโค้ด สร้างตัวชิ้นงานให้เป็นรูปเป็นร่าง ยังจะต้องทำให้เห็นด้วยว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้ มันมีประโยชน์มากพอที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตเราได้จริงๆ แต่ถึงแม้ว่าสาขานี้จะเข้ายาก แต่กว่า80%ที่เข้าไปนั้นรับประกันได้ว่า คุณมีความสามารถมากพอที่จะนำส่งประกวดผลงานในเวทีต่างๆได้ ส่วนอีก20%ก็จะเป็นพวกที่ไม่ผ่านสาขาที่เลือกอะนะ....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อันนี้เงียบๆไว้นะ มันจะมีโควตาพิเศษอยู่สาขานึง สำหรับใครที่ลงชุมนุมนี้ไป เราจะได้สิทธิในการเข้าสาขานี้ได้ตลอดเวลา(ถ้าสาขายังคงเปิดรับ) แนะนำว่าเทอมสองน้องๆลงชุมนุมนี้เผื่อไว้ก่อนก็ได้ กันเผื่อไว้ (ถ้าพี่บอกนี่พี่จะโดนอะไรรึเปล่าเนี่ย...) ใบ้ว่าเป็นชุมนุมที่เอาไว้คัดเลือกคนที่จะแข่งงานๆนึงในจภ.นี้แหละ
◇
เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน/หอพัก ◇
◇ หอพักแน่นอนว่าต้องแบ่งชาย/หญิง ส่วนเรื่องการแบ่งห้องเขาจะแบ่งให้ตามจำนวนของนักเรียนในแต่ละปี โดยจะอยู่ที่ 5-8 คนต่อห้อง สูงสุดที่รับได้จะอยู่ที่ 10 คน ส่วนรูมเมทก็ให้มั่นใจได้เลยว่ามี3-4คนแน่ๆที่อยู่ห้องเรียนเดียวกันกับเรา หรือไม่ก็ทั้งห้องนอนนั้นเป็นคนในห้องเรียนด้วยกันทั้งหมดเลย แต่นอนคละห้องเรียนได้จะดีที่สุด...ถามว่าทำไมเดียวพี่จะอธิบายให้ทีหลัง
◇ แต่ละหอพักจะมีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นนึงจะแบ่งเป็น 2 ฟลอร์(ซ้าย/ขวา) 1 ฟลอร์จะมี 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องน้ำจะมี 2 น้องอาบน้ำต่อ 1 ห้องนอน ถ้าคนในห้องเยอะมากๆแนะนำว่าต้องตื่นเช้าๆไม่ก็อาบน้ำให้เร็ว
◇ เรื่องเสื้อผ้ามีให้ส่งซักได้ แต่เฉพาะของรร.ที่มีชื่อปักอยู่เท่านั้น ไม่งั้นรับประกันว่าหายแน่นอน ส่วนชุดชั้นในต่างๆให้ซักเองนะ มีราวตากผ้าอยู่ที่หลังระเบียง มีกิ้บหนีบด้วยจะดีมาก กันลมพัดปริวไปก่อน
◇ ในห้องนอนจะมีพัดลมติดผนังอยู่ 3 ตัว ตั้วพื้นอีก 2 ตัว และ
ไม่มีแอร์ นะจ้ะ ต้องเอาพัดลมส่วนตัวมาเพื่มเอง แต่ตอนช่วงฤดูฝนจะเย็นสบายฉ่ำเลย หมายถึงตัวเปียกฉ่ำอะถ้าไม่ปิดหน้าต่าง(ฮา) หน้าต่างมีมุ้งลวดกั้นให้นะ ส่วนตอนฤดูหนาวไม่ต้องเปิดพัดลมก็ยังหนาวสะใจ เรียกได้ว่าเช้าตื่นมาคงไม่มีใครอยากอาบน้ำเลยทีเดียว(ฮา)
◇ ถ้าเราไปมอบตัวเราจะได้คู่มือมา มันจะมีบอกเกี่ยวกับตารางเวลาของหอพักอยู่ ทุกคนจะเห็นว่าเราต้องตื่นนอนตอนตี 5 ซึ่งมันไม่ยากหรอก หมายถึงในช่วงแรกๆอะนะ...ถ้าหลังจากที่เราใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ไปเรี่อยๆเนี่ย เราจะสังเกตได้ว่า งานต่างๆที่เราได้เนี่ยมันจะถ่าโถมเข้ามาราวกับคลื่นสึนามิ!!? พี่ไม่ได้เวอร์ อันนี้พี่พูดจริง คืองานมันเยอะมากๆ ไม่ว่าจะการบ้าน งานจด งานแก้ หรือแม้กระทั่งนัดเรียนเสริม พี่พูดจริง..ถ้าน้องไม่ตามเคลียร์งานให้ทันนะ เชื่อเถอะ เที่ยงคืนก็ยังไม่ได้นอนอะ ถ้าไม่รีบเคลียร์งานที่ดองไว้นะ มันจะมาหนักก็ตอนสอบปลายภาคเนี่ยแหละ เพราะมันป็นช่วงfinalที่เราจะเรียกเก็บคะแนนได้ แล้วถ้าเราต้องมานั่งเคลียร์งานให้เสร็จนะ ทั้งคืนก็คงไม่ได้นอน แล้วมันจะไม่มีแรงไปสอบปลายภาค เชื่อพี่เถอะ...พี่เคยหลับคาห้องสอบมาแล้ว โชคดีที่มันเป็นวิชาที่พี่เก็บคะแนนมาได้เยอะพอสมควรเลยยังรอดเก็บเกรด4มาได้ แต่ถ้าเราเก็บได้ไม่เยอะตั้งแต่แรกอะ ไม่รอดแน่...
◇ สังคมในรั้ว/หอ ส่วนใหญ่ก็ถือว่าดีมากๆเลย แต่ส่วนตัวพี่ก็จะบอกไปอีกแบบ(หักมุมทุกกระทู้)คือถ้าน้องลองไปอ่านแต่ละกระทู้มามันจะบอกว่าสังคมที่นี่มันดีมากๆ พี่ก็บอกว่าใช่มันดี ถ้าเราปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นๆได้อะนะ อันนี้จากมุมมองของคนที่พยายามจะปรับตัวให้ได้กับเพื่อนๆในห้องแต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เอาจริงๆคือมันก็แล้วแต่รุ่น/ห้องด้วยแหละ เพราะอย่างบางคนมันก็จะมีพวกนินทาอะเนอะ มันเป็นกันทุกรร.อะแหละเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันจะมีอยู่น้อยมากๆ ประมาณ2-5%ของสายชั้นอะ เพราะงั้นให้น้องคิดไว้ก่อนว่า ทุกคนเป็นคนดี เปิดใจได้แต่อย่ามากเกินไป เพราะเดี๋ยวอยู่กันไปนานๆ นิสัยจริงๆของแต่ละคนมันจะเผยออกมาเอง
- ถ้าอยากอยู่ให้รอดในรั้วแห่งนี้ เทอมแรก น้องพยายามหาเพื่อนที่อยู่ในห้องให้ได้อย่างน้อย 3 คน หาได้มากเท่าไรยิ่งดี ถ้าจะให้ดีที่สุดคือทำให้ทั้งห้องอะ สนิทกันให้ได้ เพราะไม่ว่ามีงานกิจกรรมอะไรต่างๆ เราจะได้ปรึกษาได้สะดวกมากขึ้น หรือถ้าน้องเข้ากับเพื่อนในห้องไม่ได้จริงๆ น้องไปหาเพื่อนต่างห้องมา ไม่จำเป็นต้องเยอะ แต่พยายามให้มันครอบคลุมทุกห้อง แล้วมันจะสะดวกต่อการงานของเราได้มากแบบสุดๆ
- วิธีที่เราจะหาเพื่อนได้ง่ายสุดคือ หาจุดเด่นของตัวเอง น้องเก่งหรือถนัดวิชาไหน น้องเอาจุดแข็งตรงนั้นอะโปรโมทตัวเองได้ แต่ถ้าน้องไม่เก่งวิชาไหนเลย ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเป็นวิชาการ ทางด้านสังคม connection หรือแม้กระทั่งการpresentหรือการออกแบบ น้องก็จะยังรอดจากการถูกทิ้ง (พี่ใช้คำแรงไปรึเปล่า...) แต่ถ้าน้องเก่งด้านวิชาการแต่น้องไม่ช่วยงานหรือทำตัวไม่ดีใส่เพื่อนมากๆ น้องก็จะไม่รอดเหมือนกัน
**หากพี่เกิดพลาดใช้คำที่ไม่เหมาะสม พี่ขอกราบขออภัยไว้นะที่นี่ด้วยนะครับ**
♡ ใครอยากได้ประสบการณ์ 3 วันแรกหรือที่เรียกว่าปฐมนิเทศให้พิมพ์บอกได้ที่ใต้คอมเมนต์ได้เลย ♡
How to ใช้ชีวิตในรั้วจุฬาภรณ (จภ.)ให้รอด !!? [ฉบับเด็กติดเกม]
ปล.อันนี้จะเป็นเวอร์ชั่นของจภ.ชล/สระแก้ว แต่จภ.อื่นๆก็น่าจะคล้ายๆกันแหละ(มั้ง)
***หมายเหตุ ข้อมูลเหล่านี้มีเนื้อหาจากมุมมองของคนๆเดียว อาจมีความผิดพลาดหรือคาดเคลื่อนได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***
♤ เกี่ยวกับน้องใหม่จภ.สระแก้ว ♤
♤ อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าจภ.นั้นมีทั้งหมด12+6 เป็น18แห่ง ซึ่งในตอนนี้ทั้ง6แห่งใหม่นี้ มีการรับเด็กทั้งหมด 1 ห้องหรือ 24 คน(อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต) ซึ่งเด็กพวกนี้ก็จะถือเป็นรุ่นแรกๆของรร.เลย
♤ สำหรับเด็กๆจภ.สระแก้ว ปีนี้จะยังต้องมาเรียนที่สาขาชลบุรี เนื่องจากสาขาสระแก้วยังสร้างไม่เสร็จ(?) แต่ๆ ทางรร.มีการสร้างตึกให้ใหม่ เพื่อลองรับเด็กๆที่จะมีมาเพิ่มในปีนี้ ถ้าน้องๆเข้าไปสอบในรร.ตอนรอบสอง จะสังเกตเห็นว่ามันจะมีพื้นที่ตรงข้างทางเดินใหญ่ เขาจะเกลี่ยดินทิ้งไว้เตรียมก่อสร้าง คาดว่าน่าจะสร้างตอนช่วงปิดเทอมนี่แหละ ใครที่ไปรายงานตัวก็อย่าลืมไปมองๆตรงนั้นดูหน่อยก็ได้ จากที่พี่ทราบมาตัวตึกจะมีทั้งหมด 4 ชั้น 18 ห้องเรียน(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ส่วนตัวของหอพักอันนี้พี่ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีต่อเติมเพิ่มห้องยังไงหรือเปล่า แต่ยังไงก็ต้องมีที่นอนแน่ๆแหละ ไม่ต้องห่วงว่าเราจะต้องไปนอนข้างถนนหรือเปล่านะ(ฮา)
♧ เกี่ยวกับหลักสูตร ♧
♧ คงต้องบอกไว้ก่อนว่าปีที่แล้วหรือก็คือรุ่นพี่ๆนี่แหละ(หรืออาจจะปีก่อนหน้า) ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการเรียนการสอนให้ยกระดับขึ้นให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ง่ายๆก็คือทำให้มันยากมากขึ้นนั่นแหละ แต่ๆๆ ทุกคนไม่ต้องกลัวไปนะ ทุกหลักสูตรที่เขาปรับเราจะได้ใช้ในชีวิตประจำวันแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหาเรื่องสถิติที่เป็นหลักสูตรของม.6 ก็จะได้เรียนในม.4 แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะยากเกิน ถ้าเราเข้าใจเนื้อหา มันก็ไม่ยากเกินไปสำหรับเราแน่ๆ ง่ายๆก็คือพยายามตั้งใจฟังที่คุณครูเขาสอนให้ดี เพราะเนื้อหานี้จะต้องใช้ในโครงงานที่เราจะต้องทำแน่นอน
♧ เกรดที่เราจะต้องทำให้ได้จะเฉลี่ยแต่ละวิชาอยู่ที่ 3.00 และต้องได้เฉลี่ยรวมอยู่ที่ 3.50 ในแต่ละเทอม เทอมแรกจะเป็นช่วงปรับตัว ใครที่สอบตกบ่อยๆในช่วงนั้นก็ไม่ต้องตกใจหรือเสียใจไป มันเป็นเรื่องปกติ เพราะข้อสอบของที่นี่เป็นข้อเขียนทั้งหมด (ใครที่ผ่านนี่ให้เดาไว้ก่อนว่าเป็นเด็กเก่าไม่ก็อัจฉริยะชัดๆ) ส่วนในเทอมที่สองเราจะต้องดีดตัวเกรดขึ้นมาให้ได้ ส่วนใครที่ทำเกรดได้ไม่ถึงในคราวนี้แน่นอนว่ามีรางวัลใหญ่ให้....แน่นอนว่าให้ไปลุ้นเอาในเทอมสองในรั้วจภ.นะจ้ะ(ฮา) [น้องคงบอกว่ามันไม่ตลกแน่เลย...แฮร่] แต่ๆๆ หลักสูตรนี้รับประกันว่าน้องๆจะได้เกรดเฉลี่ยแต่ละวิชาถึง3.00แน่นอน ถ้าตามส่งงานครบและทันกำหนดอะนะ และอย่างที่รู้กันว่า กลางภาคแก้ได้ ส่วนปลายภาคได้แค่ไหนเอาแค่นั้นนะจ้ะ
จำคำพี่ไว้นะว่าที่นี่ "สอบผ่านเป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมดา" (แฮร่)
♧ เตือนสำหรับน้องๆเด็กใหม่ พี่แนะนำว่าน้องควรเสริมภาษาอังกฤษมาให้ดี เพราะมันจะยากมากๆสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานเลย เราจะมีคาบนึง มันจะเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันหรือก็คือ conversation นั่นเอง คนที่แน่นเนื้อหาGrammarก็ต้องระวังไว้ด้วย การใช้ในชีวิตจริงมันยากกว่าเยอะ...
♧ เกี่ยวกับโครงงาน ♧
♧ เราทุกคนที่เป็นเด็กจุฬาภรณจะต้องมีโครงงานกันทุกคน และแน่นอนว่ารุ่นน้องๆม.ต้นก็คงไม่รอดพ้นจากชะตากรรมนี้เช่นกัน โดยโครงงานจะเริ่มทำในภาคเรียนที่สอง ซึ่งเราจะต้องจับคู่/กลุ่มในการทำโครงงานและคิดหัวข้อออกมา...
เอ๊ะ? แล้วทำไมเขาให้เวลาตั้งภาคเรียนนึงในการคิดหัวข้อเลยล่ะ? นั่นก็เพราะเพื่อให้เราสามารถปรับแก้ตัวของเนื้อหาโครงงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดให้ทันในปีถัดไปนั่นเอง ของม.ต้นพี่ไม่ค่อยรู้รายละเอียด แต่ที่แน่ๆม.ปลายน่ะเรียกว่า"ใครเด่นใครได้" ซึ่งเราจะต้องทำการเลือกสาขาวิชาโครงงาน จะมีอยู่ทั้งหมด 5 ตัวก็คือ คณิต เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ และ คอมพิวเตอร์ ซึ่งเราจะต้องทำการส่งทั้งหมด 3 บท แต่จะมีตัวที่พิเศษสุดๆอยู่ตัวนึง นั่นก็คือ GLOBE ซึ่งตัวนี้จะเป็นโครงงานเกี่ยวกับการสำรวจ มันจะมีให้เราสมัครได้ระหว่างสัปดาห์ที่เขายังแนะแนวเกี่ยวกับสาขาต่างๆ ซึ่งเราต้องรีบคิดและทำหัวข้อและ3บทนั้นให้เสร็จแล้วส่งเพราะมันเข้าได้ยากอยู่พอตัวเลยทีเดียว แต่ถ้าเราเข้าตัวนี้ได้ เราก็ไม่ต้องไปแย่งสาขาโครงงานกับคนอื่นๆแล้ว
...และพี่ขออย่างนึงคือ อย่าลงเสนอหัวข้อไว้มากกว่า1สาขา เพราะถ้าเราผ่านขึ้นมาทั้งคู่มันจะกลายเป็นว่า เราไปตัดสิทธิของคนอื่นที่เขาพยายามจะเสนอสาขานั้น และมันจะทำให้ครูในสาขานั้นต้องแก้รายชื่อเด็กในสาขาแล้วมันจะทำให้เกิดความสับสนได้ ถ้าเราไม่ผ่านจริงๆก็ยังมีรอบเก็บตกอยู่...
- แนะนำเกี่ยวกับหัวข้อโครงงาน : พี่แนะนำว่าหัวข้อนั้น อย่าเอาเกี่ยวกับ "การศึกษาประสิทธิภาพ..." เด็ดขาด เพราะมีโอกาสน้อยมากๆที่เราจะเสนอผ่านแน่ๆ ควรเอาเป็นสิ่งที่เป็นproduceแบบเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาจริงๆ หรือถ้ายืนยันอยากจะทำเกี่ยวกับการศึกษาประสิทธิภาพ จะต้องเป็นสิ่งที่เราคิดว่า มันแปลกใหม่จริงๆ หรือยังไม่เคยมีใครทำแน่ๆ
-แนะนำเกี่ยวกับสาขา : พี่แนะนำว่าสาขาคณิตเข้าง่ายสุด เพราะสาขานี้โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่คิดทฤษฏีหรือสูตรใหม่ๆขึ้นมา(ส่วนใหญ่จะเป็นพวกอัจฉริยะ/ท๊อปคลาสทำ) ก็จะเป็นเกี่ยวกับการสำรวจจำนวนประชากรที่...อะไรประมาณนี้ อีกอย่างคือคนเขาเข้าน้อยด้วยแหละ(ฮา) ส่วนสาขาโครงงานที่เข้ายากที่สุด โดยส่วนตัวที่พี่ฟังจะเพื่อนๆมาก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า..คอม ใช่แล้ว นอกจากจะต้องเขียนโค้ด สร้างตัวชิ้นงานให้เป็นรูปเป็นร่าง ยังจะต้องทำให้เห็นด้วยว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้ มันมีประโยชน์มากพอที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตเราได้จริงๆ แต่ถึงแม้ว่าสาขานี้จะเข้ายาก แต่กว่า80%ที่เข้าไปนั้นรับประกันได้ว่า คุณมีความสามารถมากพอที่จะนำส่งประกวดผลงานในเวทีต่างๆได้ ส่วนอีก20%ก็จะเป็นพวกที่ไม่ผ่านสาขาที่เลือกอะนะ....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
◇ เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน/หอพัก ◇
◇ หอพักแน่นอนว่าต้องแบ่งชาย/หญิง ส่วนเรื่องการแบ่งห้องเขาจะแบ่งให้ตามจำนวนของนักเรียนในแต่ละปี โดยจะอยู่ที่ 5-8 คนต่อห้อง สูงสุดที่รับได้จะอยู่ที่ 10 คน ส่วนรูมเมทก็ให้มั่นใจได้เลยว่ามี3-4คนแน่ๆที่อยู่ห้องเรียนเดียวกันกับเรา หรือไม่ก็ทั้งห้องนอนนั้นเป็นคนในห้องเรียนด้วยกันทั้งหมดเลย แต่นอนคละห้องเรียนได้จะดีที่สุด...ถามว่าทำไมเดียวพี่จะอธิบายให้ทีหลัง
◇ แต่ละหอพักจะมีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นนึงจะแบ่งเป็น 2 ฟลอร์(ซ้าย/ขวา) 1 ฟลอร์จะมี 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องน้ำจะมี 2 น้องอาบน้ำต่อ 1 ห้องนอน ถ้าคนในห้องเยอะมากๆแนะนำว่าต้องตื่นเช้าๆไม่ก็อาบน้ำให้เร็ว
◇ เรื่องเสื้อผ้ามีให้ส่งซักได้ แต่เฉพาะของรร.ที่มีชื่อปักอยู่เท่านั้น ไม่งั้นรับประกันว่าหายแน่นอน ส่วนชุดชั้นในต่างๆให้ซักเองนะ มีราวตากผ้าอยู่ที่หลังระเบียง มีกิ้บหนีบด้วยจะดีมาก กันลมพัดปริวไปก่อน
◇ ในห้องนอนจะมีพัดลมติดผนังอยู่ 3 ตัว ตั้วพื้นอีก 2 ตัว และ ไม่มีแอร์ นะจ้ะ ต้องเอาพัดลมส่วนตัวมาเพื่มเอง แต่ตอนช่วงฤดูฝนจะเย็นสบายฉ่ำเลย หมายถึงตัวเปียกฉ่ำอะถ้าไม่ปิดหน้าต่าง(ฮา) หน้าต่างมีมุ้งลวดกั้นให้นะ ส่วนตอนฤดูหนาวไม่ต้องเปิดพัดลมก็ยังหนาวสะใจ เรียกได้ว่าเช้าตื่นมาคงไม่มีใครอยากอาบน้ำเลยทีเดียว(ฮา)
◇ ถ้าเราไปมอบตัวเราจะได้คู่มือมา มันจะมีบอกเกี่ยวกับตารางเวลาของหอพักอยู่ ทุกคนจะเห็นว่าเราต้องตื่นนอนตอนตี 5 ซึ่งมันไม่ยากหรอก หมายถึงในช่วงแรกๆอะนะ...ถ้าหลังจากที่เราใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ไปเรี่อยๆเนี่ย เราจะสังเกตได้ว่า งานต่างๆที่เราได้เนี่ยมันจะถ่าโถมเข้ามาราวกับคลื่นสึนามิ!!? พี่ไม่ได้เวอร์ อันนี้พี่พูดจริง คืองานมันเยอะมากๆ ไม่ว่าจะการบ้าน งานจด งานแก้ หรือแม้กระทั่งนัดเรียนเสริม พี่พูดจริง..ถ้าน้องไม่ตามเคลียร์งานให้ทันนะ เชื่อเถอะ เที่ยงคืนก็ยังไม่ได้นอนอะ ถ้าไม่รีบเคลียร์งานที่ดองไว้นะ มันจะมาหนักก็ตอนสอบปลายภาคเนี่ยแหละ เพราะมันป็นช่วงfinalที่เราจะเรียกเก็บคะแนนได้ แล้วถ้าเราต้องมานั่งเคลียร์งานให้เสร็จนะ ทั้งคืนก็คงไม่ได้นอน แล้วมันจะไม่มีแรงไปสอบปลายภาค เชื่อพี่เถอะ...พี่เคยหลับคาห้องสอบมาแล้ว โชคดีที่มันเป็นวิชาที่พี่เก็บคะแนนมาได้เยอะพอสมควรเลยยังรอดเก็บเกรด4มาได้ แต่ถ้าเราเก็บได้ไม่เยอะตั้งแต่แรกอะ ไม่รอดแน่...
◇ สังคมในรั้ว/หอ ส่วนใหญ่ก็ถือว่าดีมากๆเลย แต่ส่วนตัวพี่ก็จะบอกไปอีกแบบ(หักมุมทุกกระทู้)คือถ้าน้องลองไปอ่านแต่ละกระทู้มามันจะบอกว่าสังคมที่นี่มันดีมากๆ พี่ก็บอกว่าใช่มันดี ถ้าเราปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นๆได้อะนะ อันนี้จากมุมมองของคนที่พยายามจะปรับตัวให้ได้กับเพื่อนๆในห้องแต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เอาจริงๆคือมันก็แล้วแต่รุ่น/ห้องด้วยแหละ เพราะอย่างบางคนมันก็จะมีพวกนินทาอะเนอะ มันเป็นกันทุกรร.อะแหละเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันจะมีอยู่น้อยมากๆ ประมาณ2-5%ของสายชั้นอะ เพราะงั้นให้น้องคิดไว้ก่อนว่า ทุกคนเป็นคนดี เปิดใจได้แต่อย่ามากเกินไป เพราะเดี๋ยวอยู่กันไปนานๆ นิสัยจริงๆของแต่ละคนมันจะเผยออกมาเอง
- ถ้าอยากอยู่ให้รอดในรั้วแห่งนี้ เทอมแรก น้องพยายามหาเพื่อนที่อยู่ในห้องให้ได้อย่างน้อย 3 คน หาได้มากเท่าไรยิ่งดี ถ้าจะให้ดีที่สุดคือทำให้ทั้งห้องอะ สนิทกันให้ได้ เพราะไม่ว่ามีงานกิจกรรมอะไรต่างๆ เราจะได้ปรึกษาได้สะดวกมากขึ้น หรือถ้าน้องเข้ากับเพื่อนในห้องไม่ได้จริงๆ น้องไปหาเพื่อนต่างห้องมา ไม่จำเป็นต้องเยอะ แต่พยายามให้มันครอบคลุมทุกห้อง แล้วมันจะสะดวกต่อการงานของเราได้มากแบบสุดๆ
- วิธีที่เราจะหาเพื่อนได้ง่ายสุดคือ หาจุดเด่นของตัวเอง น้องเก่งหรือถนัดวิชาไหน น้องเอาจุดแข็งตรงนั้นอะโปรโมทตัวเองได้ แต่ถ้าน้องไม่เก่งวิชาไหนเลย ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเป็นวิชาการ ทางด้านสังคม connection หรือแม้กระทั่งการpresentหรือการออกแบบ น้องก็จะยังรอดจากการถูกทิ้ง (พี่ใช้คำแรงไปรึเปล่า...) แต่ถ้าน้องเก่งด้านวิชาการแต่น้องไม่ช่วยงานหรือทำตัวไม่ดีใส่เพื่อนมากๆ น้องก็จะไม่รอดเหมือนกัน
**หากพี่เกิดพลาดใช้คำที่ไม่เหมาะสม พี่ขอกราบขออภัยไว้นะที่นี่ด้วยนะครับ**
♡ ใครอยากได้ประสบการณ์ 3 วันแรกหรือที่เรียกว่าปฐมนิเทศให้พิมพ์บอกได้ที่ใต้คอมเมนต์ได้เลย ♡