คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
คำตอบนะ อาจจะดูไม่หวานหอมตามหลักทั่วไป
1. เขาจะไม่ให้คุณปรับเงินเพิ่มทันทีจนกว่าคุณจะทำงานพ้นสภาพถ้าเข้าทำงานไปแล้ว ต้องผ่านเทรินโปร อาจจะมีสิทธิครับ หรือ 1 ปีจนกว่าจะครบแล้วได้โบนัส มันจะต้องดูภาพรวมที่ยาวนานครับ
การต่อรองจะจบที่ 30K คือ ได้ 30K ในการจะต่อรองเพิ่มทำได้ แต่อาจจะมีผลต่อการสัมภาษณ์ทั้งหมดเลยว่า เขาอาจจะไม่ไปต่อเพราะไม่สามารถจ้างในตัวเลขใหม่ได้ ถึงแม้คุณสมบัติทุกอย่างจะถึงแล้วก็ตามนะครับ แต่ปัญหามันแค่การเจรจาตัวเลขอีกครั้งนึงที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วมันเปลี่ยนแปลงไป
ทำได้ถ้าไม่กลัวมีการเปลี่ยนการตัดสินใจ หรือ เขามีคนที่แคนดิเดทอยู่แล้ว เช่น อีกคนเขาขอ 25000 เงี้ยคุณทำไงอะครับคุณจะต่อเหลือ 20000 หรอ ไม่ยอมหรอกครับแปลว่า เขาจะเอา min rate หรือ คนที่คิดว่าเขาโอเครเรทไม่สูงทักษะพอกันแต่ลด cost ได้มาแทนก็ได้ครับ ถ้าคุณไปขอเป็น 40K ต่างกันตั้ง 15000 จ้างพนักงานอีกคนเกือบจะได้เลยครับ จ้างได้ 2 คนทำงานย่อมดีกว่า 1 คนนะครับบางทีนั่นแหละมันเลยต้องเดาหรือเกร็งข้อสอบนิดนึง
2. การขอปรับเงินเดือนเพิ่มเอง โดยไม่ผ่านการปรับเงินเดือนของบริษัท มีได้ทั้งการลาออกแล้วได้ปรับเพื่อซื้อตัว หรือ ปีนั้นอยากคุยด้วยผลงานและขอปรับขึ้นเองโดยมีเหตุผลเป็น ค่าครองชีพ
ในกรณีนี้ได้ผลงานดี ก็จะไม่ได้ยุ่งยาก แต่มันจะขึ้นกับดุลพินิจและงบของบริษัท ถ้าค่าตัวคุณจริงๆ เงินเดือน 60000 บาทเลยสมมุติ การไปขอเริ่ม 30000 เขาโอเครเพราะว่าที่ขอกับที่พร้อมจ่าย มันต่างกันเยอะเลยเขา safe cost มานานแล้วเราก็ไม่รู้เลย บริษัทก็อาจจะไม่อยากให้รู้
แต่หลายคนอาจจะอยากเผือกเงินเดือนชาวบ้านเลยรู้มาว่า ตำแหน่งเดียวกับ งานแบบเดียวกัน แต่เงินเดือนไม่เท่ากัน ได้ยังไง ก็เพราะเราดันไม่รู้เรทเงินเดือนเฉลี่ย หรือ maximum ของมันครับ
คุณจะไปขอเพิ่มเขาบอกป๋าให้เลยอะ 40K คุณยิ้ม แต่ CEO ยังรู้ครับว่า เขาจ่ายกำไรลดลง แต่พนักงานยังอยู่กับเขารู้งี้อยากเรียกเงินเดือนสัก 60000 ไหมหละครับ
แต่ถ้าคุณไปขอเขาเกินกว่า 60K อาจจะ 70K อาจจะได้เหตุผลบริษัทไม่สามารถจ่ายไหว หรือ ได้แค่ไหน เพราะมันถือว่าเป็น overrate ไปแล้วครับ
ข้อ 3 ไม่ตอบเพราะน่าจะไม่ต่างจากรอบแรกครับ แค่เน้นย้ำหรือผ่านไปเลยเงินเดือนตามตกลงเลย หรือ เขาอาจจะให้คุณเป็น 40K เพราะว่าคุณดันต่อรองราคาต่ำเกินไปครับแล้วเขาเห็นใจคนไม่รู้ เขาเลยมองว่าอะถ้าเพิ่มให้ คุณก็ดีใจยิ้มแก้มปริใช่ไหมชั้นขอ 30K แต่เขาให้ตั้ง 40K เลยอะรักเลย แต่จริงๆ ก็คือ ได้ตั้ง 60K แหนะ
นี่คือจิตวิทยาในการสร้างมิตณภาพด้วยเม็ดเงิน และ การเพิ่มเงินให้ด้วยเหตุผลพิเศษ = เพิ่มแรงจูงใจได้เสมอครับ ถ้ามันอยู่ในขอบเขตที่ยังต่ำกว่าค่าจ้างที่คาดหวังอยู่ดี มุขนี้ใช้ได้เสมอแหละครับ
ไปถามพวกคนจัดหางานเขาบอกไหม เขาจะไม่บอกคุณตามความเป็นจริงครับถึงจะได้ตัวเลขว่าต่อรองได้ แต่อาจจะไม่เกินเท่าไหร่ สาเหตุมันเกิดจาก บริษัทที่เป็นประเภท รีคูท หรือ จัดหาคนให้พวกองค์กรณ์ที่ขี้เกียจจะมีคนเป็น HR ตัวเองเยอะๆ เขาลด cost ด้วยการจ้างคนอื่นแทนครับ แล้วแบ่งเงินค่าหาคนให้เป็นตามสัญญา หรือ แล้วแต่ตกลงครับ
เงินเดือนหรือสิ่งที่ทำได้ก็จะกลายมาเป็นผลงานของรีคูท เขา safe cost ได้เขาได้ผลงานจากการหาบุคคลได้และในเรทค้าจ้างที่ต่ำกว่าคาดหวัง แต่คนอื่นได้เงินเดือนลดลงจากที่คาดหวังก็จะแปลกๆ นิดนึง
แปลว่า ถ้าบริษัทใหญ่ request คนมาให้ budget 60K ไม่เกินตำแหน่งอะไรสายงานแบบไหน เวลาจัดหาคนเขาก็จะให้เรทกันแค่ 30-40K ไม่เกิน ส่วนต่าง 20K ก็เหมือนสิ่งที่ลด cost ให้บริษัทที่จ้างมาจัดหาคนที่เขาต้องการ รายได้ก็ดูจะกินหัวคิวกันไปครับเลยไม่ได้เรทเต็มตัวแต่แรกอะไรทำนองนี้ครับ
มันเลยเป็นเหตุผลที่ ทำไมการรู้เงินเดือนก็ดีเพื่อไม่ให้โดนกดเรทจนน่าเกลียดครับ แต่จะไปต่อรองเอาสะพวกบริษัทจัดหางานไม่เหลือเงินเดือนเลยก็ไม่ไหวเหมือนกัน เขาก็ต้องทำอาชีพเหมือนกันในการต่อรองเงินเดือน
แต่ถ้าเขาอยากได้เราจริงๆ แล้วเราเสนอสูงเขาก็จะเปิดเผยตัวเลขที่เขาไหว เขาจะต่อรองลดลงมาเองครับในเรทที่เขาสามารถจ้างไหวครับ แต่โดยส่วนมากก็ลดลงเสมอแหละครับ ก่อนที่จะปฏิเสธไปเลยเพื่อยังเปลี่ยนใจได้
เว้นแค่กรณีเดียว คือ การถูกซื้อตัว หรือ เงินเดือนที่มาก่อนหน้ามันสูง เช่น คุณเคยเงินเดือน 30K มาทำงานที่ใหม่เขาก็อาจจะให้คุณ 30% หรือ 50% ถ้ามันไม่เกินกว่าที่เขาตั้งไว้ แปลว่าเงินเดือนใหม่คุณอาจจะต่อรองได้ถึง 45K ประมาณนั้นครับ แต่มันได้แค่ในเงื่อนไขที่ เขาต้องการคุณและคุณเคยทำงานที่เงินเดือนสูงกว่าที่เขาคิดไว้มาแล้ว
ถ้าเขาต่อรองเงินเดือนแล้ว มันย้ายงานมาแล้วยังเงินเดือน 30K เหมือนเดิม ใครจะอยากทำงานหละก็เลยต้องเพิ่มให้พิเศษ
จะตัดสินใจอะไรก็ต้องหาข้อมูลตัวเลขให้ดีครับ ควรจะได้ตัวเลขที่พอดีๆ
1. เขาจะไม่ให้คุณปรับเงินเพิ่มทันทีจนกว่าคุณจะทำงานพ้นสภาพถ้าเข้าทำงานไปแล้ว ต้องผ่านเทรินโปร อาจจะมีสิทธิครับ หรือ 1 ปีจนกว่าจะครบแล้วได้โบนัส มันจะต้องดูภาพรวมที่ยาวนานครับ
การต่อรองจะจบที่ 30K คือ ได้ 30K ในการจะต่อรองเพิ่มทำได้ แต่อาจจะมีผลต่อการสัมภาษณ์ทั้งหมดเลยว่า เขาอาจจะไม่ไปต่อเพราะไม่สามารถจ้างในตัวเลขใหม่ได้ ถึงแม้คุณสมบัติทุกอย่างจะถึงแล้วก็ตามนะครับ แต่ปัญหามันแค่การเจรจาตัวเลขอีกครั้งนึงที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วมันเปลี่ยนแปลงไป
ทำได้ถ้าไม่กลัวมีการเปลี่ยนการตัดสินใจ หรือ เขามีคนที่แคนดิเดทอยู่แล้ว เช่น อีกคนเขาขอ 25000 เงี้ยคุณทำไงอะครับคุณจะต่อเหลือ 20000 หรอ ไม่ยอมหรอกครับแปลว่า เขาจะเอา min rate หรือ คนที่คิดว่าเขาโอเครเรทไม่สูงทักษะพอกันแต่ลด cost ได้มาแทนก็ได้ครับ ถ้าคุณไปขอเป็น 40K ต่างกันตั้ง 15000 จ้างพนักงานอีกคนเกือบจะได้เลยครับ จ้างได้ 2 คนทำงานย่อมดีกว่า 1 คนนะครับบางทีนั่นแหละมันเลยต้องเดาหรือเกร็งข้อสอบนิดนึง
2. การขอปรับเงินเดือนเพิ่มเอง โดยไม่ผ่านการปรับเงินเดือนของบริษัท มีได้ทั้งการลาออกแล้วได้ปรับเพื่อซื้อตัว หรือ ปีนั้นอยากคุยด้วยผลงานและขอปรับขึ้นเองโดยมีเหตุผลเป็น ค่าครองชีพ
ในกรณีนี้ได้ผลงานดี ก็จะไม่ได้ยุ่งยาก แต่มันจะขึ้นกับดุลพินิจและงบของบริษัท ถ้าค่าตัวคุณจริงๆ เงินเดือน 60000 บาทเลยสมมุติ การไปขอเริ่ม 30000 เขาโอเครเพราะว่าที่ขอกับที่พร้อมจ่าย มันต่างกันเยอะเลยเขา safe cost มานานแล้วเราก็ไม่รู้เลย บริษัทก็อาจจะไม่อยากให้รู้
แต่หลายคนอาจจะอยากเผือกเงินเดือนชาวบ้านเลยรู้มาว่า ตำแหน่งเดียวกับ งานแบบเดียวกัน แต่เงินเดือนไม่เท่ากัน ได้ยังไง ก็เพราะเราดันไม่รู้เรทเงินเดือนเฉลี่ย หรือ maximum ของมันครับ
คุณจะไปขอเพิ่มเขาบอกป๋าให้เลยอะ 40K คุณยิ้ม แต่ CEO ยังรู้ครับว่า เขาจ่ายกำไรลดลง แต่พนักงานยังอยู่กับเขารู้งี้อยากเรียกเงินเดือนสัก 60000 ไหมหละครับ
แต่ถ้าคุณไปขอเขาเกินกว่า 60K อาจจะ 70K อาจจะได้เหตุผลบริษัทไม่สามารถจ่ายไหว หรือ ได้แค่ไหน เพราะมันถือว่าเป็น overrate ไปแล้วครับ
ข้อ 3 ไม่ตอบเพราะน่าจะไม่ต่างจากรอบแรกครับ แค่เน้นย้ำหรือผ่านไปเลยเงินเดือนตามตกลงเลย หรือ เขาอาจจะให้คุณเป็น 40K เพราะว่าคุณดันต่อรองราคาต่ำเกินไปครับแล้วเขาเห็นใจคนไม่รู้ เขาเลยมองว่าอะถ้าเพิ่มให้ คุณก็ดีใจยิ้มแก้มปริใช่ไหมชั้นขอ 30K แต่เขาให้ตั้ง 40K เลยอะรักเลย แต่จริงๆ ก็คือ ได้ตั้ง 60K แหนะ
นี่คือจิตวิทยาในการสร้างมิตณภาพด้วยเม็ดเงิน และ การเพิ่มเงินให้ด้วยเหตุผลพิเศษ = เพิ่มแรงจูงใจได้เสมอครับ ถ้ามันอยู่ในขอบเขตที่ยังต่ำกว่าค่าจ้างที่คาดหวังอยู่ดี มุขนี้ใช้ได้เสมอแหละครับ
ไปถามพวกคนจัดหางานเขาบอกไหม เขาจะไม่บอกคุณตามความเป็นจริงครับถึงจะได้ตัวเลขว่าต่อรองได้ แต่อาจจะไม่เกินเท่าไหร่ สาเหตุมันเกิดจาก บริษัทที่เป็นประเภท รีคูท หรือ จัดหาคนให้พวกองค์กรณ์ที่ขี้เกียจจะมีคนเป็น HR ตัวเองเยอะๆ เขาลด cost ด้วยการจ้างคนอื่นแทนครับ แล้วแบ่งเงินค่าหาคนให้เป็นตามสัญญา หรือ แล้วแต่ตกลงครับ
เงินเดือนหรือสิ่งที่ทำได้ก็จะกลายมาเป็นผลงานของรีคูท เขา safe cost ได้เขาได้ผลงานจากการหาบุคคลได้และในเรทค้าจ้างที่ต่ำกว่าคาดหวัง แต่คนอื่นได้เงินเดือนลดลงจากที่คาดหวังก็จะแปลกๆ นิดนึง
แปลว่า ถ้าบริษัทใหญ่ request คนมาให้ budget 60K ไม่เกินตำแหน่งอะไรสายงานแบบไหน เวลาจัดหาคนเขาก็จะให้เรทกันแค่ 30-40K ไม่เกิน ส่วนต่าง 20K ก็เหมือนสิ่งที่ลด cost ให้บริษัทที่จ้างมาจัดหาคนที่เขาต้องการ รายได้ก็ดูจะกินหัวคิวกันไปครับเลยไม่ได้เรทเต็มตัวแต่แรกอะไรทำนองนี้ครับ
มันเลยเป็นเหตุผลที่ ทำไมการรู้เงินเดือนก็ดีเพื่อไม่ให้โดนกดเรทจนน่าเกลียดครับ แต่จะไปต่อรองเอาสะพวกบริษัทจัดหางานไม่เหลือเงินเดือนเลยก็ไม่ไหวเหมือนกัน เขาก็ต้องทำอาชีพเหมือนกันในการต่อรองเงินเดือน
แต่ถ้าเขาอยากได้เราจริงๆ แล้วเราเสนอสูงเขาก็จะเปิดเผยตัวเลขที่เขาไหว เขาจะต่อรองลดลงมาเองครับในเรทที่เขาสามารถจ้างไหวครับ แต่โดยส่วนมากก็ลดลงเสมอแหละครับ ก่อนที่จะปฏิเสธไปเลยเพื่อยังเปลี่ยนใจได้
เว้นแค่กรณีเดียว คือ การถูกซื้อตัว หรือ เงินเดือนที่มาก่อนหน้ามันสูง เช่น คุณเคยเงินเดือน 30K มาทำงานที่ใหม่เขาก็อาจจะให้คุณ 30% หรือ 50% ถ้ามันไม่เกินกว่าที่เขาตั้งไว้ แปลว่าเงินเดือนใหม่คุณอาจจะต่อรองได้ถึง 45K ประมาณนั้นครับ แต่มันได้แค่ในเงื่อนไขที่ เขาต้องการคุณและคุณเคยทำงานที่เงินเดือนสูงกว่าที่เขาคิดไว้มาแล้ว
ถ้าเขาต่อรองเงินเดือนแล้ว มันย้ายงานมาแล้วยังเงินเดือน 30K เหมือนเดิม ใครจะอยากทำงานหละก็เลยต้องเพิ่มให้พิเศษ
จะตัดสินใจอะไรก็ต้องหาข้อมูลตัวเลขให้ดีครับ ควรจะได้ตัวเลขที่พอดีๆ
แสดงความคิดเห็น
ขอถามผู้มีประสบการณ์ การสมัครงาน, เกี่ยวกับเรื่องเงินเดือน, การต่อรองเงินเดือน
จากนั้นบริษัทจัดหางานได้ดำเนินการติดต่อกับ บริษัทโดยตรง และฉันได้รับโอกาสเข้าสัมภาษณ์รอบที่ 1 กับ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ของบริษัท การสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่น และในระหว่างการพูดคุย HR ได้สอบถามถึงเงินเดือนที่ต้องการอีกครั้ง ซึ่งฉันก็ได้ยืนยันจำนวนเดิมที่ 30,000 บาท
หลังจากผ่านรอบแรก ฉันได้รับการเชิญเข้าสู่ การสัมภาษณ์รอบที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นที่สถานที่ทำงานจริง ครั้งนี้ทำให้ฉันได้เห็นบรรยากาศ สถานที่ทำงาน เส้นทางการเดินทาง และสิ่งแวดล้อมโดยรวม
ในรอบนี้ ฉันได้สัมภาษณ์กับ HR จำนวน 2 คน และหัวหน้างานโดยตรงอีก 3 ท่าน การพูดคุยครอบคลุมหลายแง่มุมเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่สมัคร หลังจากตอบคำถามทั้งหมดเสร็จสิ้น หนึ่งใน HR ได้สอบถาม HR อีกคนว่า "คุยเรื่องตัวเลขเงินเดือนแล้วหรือยัง?" ซึ่งอีกฝ่ายตอบกลับว่า "คุยแล้ว" ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อหน้าฉัน ซึ่งในขณะนั้นฉันรู้สึก ตื่นเต้นมาก และรู้สึกกดดันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจากการสัมภาษณ์จบลง ฉันมีคำถามในใจว่า
1. หากฉันเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเลือกเข้าทำงาน ฉันสามารถขอเพิ่มเงินเดือนได้หรือไม่?
2. เนื่องจากหลังจากที่ได้เห็นสถานที่จริง ค่าครองชีพ ค่าเดินทาง และค่าอาหารดูเหมือนจะสูงกว่าที่คาดไว้ ฉันสามารถเจรจาขอปรับเงินเดือนให้เหมาะสมขึ้นได้หรือไม่?
3. กรณีที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว การต่อรองเงินเดือนในช่วงสุดท้ายจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน?
ฉันควรคุยกับบริษัทจัดหางานโดยตรงดีไหม หรือ บริษัทโดยตรง