หลวง​พ่อ​ชา​สอน​ปล่อย​วาง​ในอายตนะ

# ปล่อยวางในอายตนะ
  
"อายตนะ คืออะไร ?
คือมีตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต  มีอยู่...อย่างเก่า 
หู ก็จะรับเสียง ฟังเสียง 
จมูก ก็มีหน้าที่รู้จักกลิ่นเหม็น หอม รส
ลิ้น ก็รู้จักรสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม 
โผฏฐัพพะ ก็รู้จักเย็น ร้อน อ่อน แข็ง 
จิต ก็รู้จักธรรมารมณ์ ที่บังเกิดขึ้นกับจิต อยู่...
อย่างเก่า เขาจะทํางานอยู่อย่างเก่า อย่างเดิม 
ที่เรียกว่าหูเคยได้ยินนี่  มันไม่ได้ยิน 
จมูกเคยได้กลิ่น  มันก็ไม่มีกลิ่น 
ลิ้นเคยมีรส มันก็ไม่มีรส 
ร่างกายถูกต้องโผฏฐัพพะ เคยมีแล้ว...
มันไม่มีอย่างนั้น อันนี้มันอยู่เสมอเก่ามัน
แต่ว่า...ความรู้สึกน่ะ มันจะสักแต่ว่า 
ไม่มี...ความสําคัญมั่นหมายในอายตนะต่าง ๆ เหล่านั้น...ปล่อย...
มันรู้ว่า...มันปล่อย รู้ในธรรมะที่แท้จริง 
รู้แล้ว...มันปล่อย รู้แล้วมันวาง 
รู้แล้ว...มันปล่อย รู้แล้วมันวาง 
ไม่ใช่...รู้แล้วมันยึด มันถือ รู้แล้ว...ทุกข์ 
ไม่ใช่...อย่างนั้น ความรู้ในธรรมะที่แท้จริงน่ะ
มันรู้ปล่อย...รู้วาง...
รู้แล้ว...มันก็ปล่อย มันวางลงไป 
ก็เรียกว่า...มันไม่ลูบคลํานั่นเอง 
ไม่ลูบคลํา ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส 
ในโผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ 
เมื่อหากว่า...ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต มันรู้อารมณ์ขึ้นมาเช่นนี้ ไอ้การที่เข้าไปช่วยมันซ้ำเติมมัน
ไม่มี...ไม่มี...
เมื่อมันกระทบกันแล้ว...มัน ก็ปล่อยไป 
มันจะวางของมันไป  คือหมายความว่า...
ถ้ามันรัก มันจะมีอาการรัก
แต่ไม่มี...อุปาทานยึดมั่นถือมั่น 
ถ้ามันเกลียด ก็เป็นสักแต่ว่า...เกลียด 
ไม่มี...ตัวประธานมั่นหมาย 
คือมันรู้ปล่อย...รู้วาง...
ทําไม ? มันได้ปล่อย ได้วาง 
เพราะมันเห็นว่า...
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ มันเป็นโทษ
  
เห็นแล้วมันก็เฉย ๆ ได้ยินแล้วมันก็เฉย ๆ 
ไม่เข้าข้างโน้น ไม่เข้าข้างนี้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต ก็เหมือนกัน คิดขึ้นมาแล้ว...ก็เฉย ๆ 
ปล่อยวาง...มันปล่อยวาง...เห็นว่าไอ้นั่นดี 
แต่ว่า...มันก็ไม่มีอุปาทานมั่นหมาย 
เป็นอาการของจิต เท่านั้น อันนี้ท่านเรียกว่า...
สักแต่ว่า อายตนะมีอยู่...
อายตนะ นั้น...มีอยู่ 
แต่ว่า...ไม่มีอาการไป อาการมา 
เหมือนไปจากบ้านนี้ ไปบ้านโน้น...
มาจากบ้านโน้น สู่...บ้านนี้...ไม่ใช่อย่างนั้น 
แต่อายตนะนั้น มีอยู่...แต่ว่าไม่เข้าข้างโน้น 
ไม่เข้าข้างนี้ รู้การปล่อยวาง 
รู้แล้ว...ก็ปล่อยวาง 
แล้วเสร็จแล้ว...รู้ในการปล่อยวาง เช่นนี้แหละ ทุกแง่ทุกมุม มันจะเป็นของมันอยู่...อย่างนี้..ฯ"
  
 

ที่มา​

มรดกธรรมเล่มที่ ๑๐ [ หลวงพ่อชา สุภัทโท]
“ภาวนาคือพิจารณาให้รู้ตามเป็นจริง” 
หน้า ๑๖-๑๗
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่