มีดหมุดรถไฟ

หมุดรถไฟ หมุดตอกรางรถไฟ

เหล็กคาร์บอนต่ำ Low carbon steel

ปรกติแล้วเราจะคุยกันถึงเรื่องเหล็กกล้าคาร์บอนสูงหรือเหล็กผสมสูง ( ไฮคาร์บอน , ไฮอัลลอยด์ ) ไม่ค่อยจะมีใครคุยถึงเรื่องเหล็กคาร์บอนต่ำซักเท่าไหร่
ท่านที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องโลหะวิทยาอาจจะนึกไม่ออกว่าไอ้ต่ำๆสูงๆไฮๆโลวๆนี่มันเท่าไหร่กันแน่ จริงๆแล้วมันไม่มีตัวเลขชี้วัดที่แน่นอนนะครับมันมีเพียงค่าประมาณหรือความเคยชินของนักโลหะวิทยา นักวิจัย หรือช่างทำมีดโดยทั่วๆไป

วางหลักการง่ายๆคือ เหล็กกล้าที่มีปริมาณคาร์บอนใกล้เคียง 1% หรือ 100 ป็อยท์ ถือเป็นไฮคาร์บอน อย่างเช่นเหล็ก W1 , 1095 , SK4 , SK5 , 52100 , O1 toolsteel ก็จะนับเป็นไฮคาร์บอนได้ เพราะเหล็กกล้าเหล่านี้มีปริมาณคาร์บอนระหว่าง 80 - 120 ป็อยท์ ใครจะนับ 1075 เข้าไปด้วยก็ยังพอไหว

เหล็กกล้าคาร์บอนกลางก็ให้เอา 5160 หรือ SUP9 นี่แหละครับเป็นเกณฑ์ คือมีปริมาณคาร์บอนผสมอยู่ราวๆ 50 -60 ป็อยท์ จะเป็น 1065 ที่มี 65 ป็อยท์ก็ได้ หรือ S50C หรือ 1050 ที่มี 50 ป็อยท์ หรือ S45C ที่มี 45 ป็อยท์ หรือเหล็กกล้าแม่พิมพ์งานร้อนส่วนมากก็มีคาร์บอนผสมอยู่ราวๆนี้ครับ
ไอ้เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำหรือเหล็กคาร์บอนต่ำนี่ซิที่เป็นปัญหา คือผมนึกไม่ออก ตามข้อมูลที่ศึกษามาหลายปีเหล็กเพลนคาร์บอนที่เป็นคาร์บอนต่ำที่ผมรู้จักมีแค่ 1030 เพียงเบอร์เดียว นอกนั้นก็เป็นสแตนเลสที่ใช้ในการทำมีดง่ายๆ มีดอุตสาหกรรมราคาถูกๆที่ใช้สแตนเลสหรือเหล็กกล้าโครเมียมที่ผสมคาร์บอนไม่เกิน 0.3%

เป็นช่องว่างทางการศึกษาที่เต็มไปด้วยข้อคิดเห็นเชิงลบที่บางทีก็ตรงกับข้อเท็จจริงแต่บางทีก็ไม่ตรง คือไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกับมันจนถึงขนาดว่าทุ่มเทศึกษามันอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนเหล็กกล้าชั้นดีชนิดอื่นๆ

คือมักจะตั้งท่าว่ามันไม่ดีเอาไว้ก่อน ผมเองก็คิดอย่างนั้นแหละ

วันนี้มีมีดให้ชมเล่มนึง เล่มที่สร้างขึ้นมาจากเหล็กอย่างที่ว่าคือเหล็กโลวคาร์บอน มันทำจากเหล็กใช้แล้วหรือเรียกกันทั่วๆไปว่าเศษเหล็ก เหล็กหมุดตอกรางรถไฟหรือสไปก์ railroad spike เรียลโรดสไปก์

เหล็กชนิดนี้ คาร์บอนไม่สูงนักเรียกว่าต่ำเลยแหละ ของมีมาเป็นร้อยๆปี จากไม่รู้กี่แหล่งต่อกี่แหล่ง ถ้าทางรถไฟยังใช้ระบบไม้หมอน หมุดตัวที่ตอกอยู่ข้างกันอายุมันอาจจะต่างกันเป็นร้อยปีก็ได้ ไม่รู้แน่ชัดว่ามีปริมาณคาร์บอนเท่าไหร่ แต่ว่ากันว่าสิบกว่าถึงสามสิบป็อยท์ เพราะไอ้ตัวที่ตีตราว่า HC หรือหมุดไฮคาร์บอนมันมีคาร์บอนแค่ 40 ป็อยท์เท่านั้น ไอ้ตัวที่ต่ำกว่านั้นแทบไม่ต้องพูดถึง

แต่ถ้าเราไม่มีทางเลือกหรือเรามีทางเลือกซึ่งจำเพาะเจาะจงที่จะต้องใช้เหล็กตัวนี้ มันก็เอามาทำมีดได้นะครับ ถ้าอบชุบถูกต้องให้ความร้อนเหมาะสมถูกวิธีมันสามารถตั้งคมตัดใช้งานได้เหมือนมีดมาตรฐานทั่วๆไป จะเอาทำอะไรล่ะครับ เหลาไม้ ผ่าฟืน ทำกับข้าว แล่เนื้อแล่ปลา หรือจะเหลาตะปูก็ยังได้ เพียงแต่ว่ามันทำได้ไม่นานนักคือค่าความแข็งพอได้ แต่ค่าการรักษาคมก็จะต่ำกว่าเหล็กกล้าที่ปริมาณคาร์บอนสูงกว่าซึ่งบางตัวอาจจะสูงกว่ากันหลายเท่า

เหล็กชนิดนี้ทำมีดได้ด้วยวิธีการตี คือขึ้นรูปร้อน ตีให้แน่นๆ ทำแพ็กเอจก์หรือตีอัดคมให้มากๆ ทำนอมอลไลซ์คลายเครียดให้ดีๆ และชุบแข็งด้วยน้ำ เพราะแน่นอนว่ามันไม่แข็งตัวในอากาศ และชุบแข็งในน้ำมันบางตัวช่วงหน่วงเวลาอาจจะยาวนานเกินกว่าที่เหล็กจะเปลี่ยนสภาพหรือฟอร์มตัวเป็นมาร์เทนไซต์
ลองดูแนวชุบแข็งของใบมีดจะเห็นว่ามันเป็นมีดสองคมหรือเดกเกอร์ และมีแนวชุบแข็งสองข้าง ถ้าท่านที่คุ้นเคยกับเรื่องมีดหรือการชุบแข็งจะดูออกทันทีว่าใบมีดเล่มนี้มีแนวชุบแข็งตรงไหนหรือมันแข็งตัวถึงไหน

เนื้อเหล็กแข็งตัวได้ดี ถึงจะเข้าไปไม่ลึกนักแต่ก็มากพอสำหรับการใช้งานในหลายๆปี ใบมีดชุบแข็งแบบแข็งตัวบางส่วนหรือดิฟเฟอเรนเชี่ยลฮาร์ดเดนนิ่ง คือมีส่วนที่แข็งและมีส่วนเหนียวบริเวณกลางใบหรือช่วงสันมะเฟืองสันแมงดา

ถึงเหล็กมันจะไม่ค่อยดีนัก ถ้าเราดูแลกระบวนการจัดสร้างอย่างดีเราก็พอจะได้มีดดีๆ คือดีไม่เท่าเล่มอื่นๆก็จริงแต่มันก็ยังห่างจากคำว่ามีดไม่ดี คือถ้าออกแบบดี ตั้งแนวคมเฉียบขาดและให้ความร้อนอย่างปราณีต มันก็จะพอได้มีดดีๆเท่าที่เหล็กหรือส่วนผสมในเนื้อเหล็กมันจะให้เราได้ มันเป็นมีดออกมาและใช้งานแบบมีดได้จริงๆ มันไม่ใช่เศษเหล็ก มันไม่ใช่ของเล่น แต่มันคือของจริง และมันคือมีด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่