เปิดประวัติ ธนาคารกรุงเทพ 80 ปี แบงก์บัวหลวง เพื่อนคู่คิดคนไทย

เปิดประวัติ ธนาคารกรุงเทพ แบงก์บัวหลวง ผู้เป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ให้คนไทยมาถึง 8 ทศวรรษ

ธนาคารกรุงเทพ หนึ่งในธนาคารชั้นนำของไทย ที่ให้บริการมาอย่างยาวนาน ทั้งลูกค้าทั่วไป และภาคธุรกิจ ทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลง วิกฤตเศรษฐกิจ และเหตุการณ์สำคัญมากมาย จนวันนี้ (1 ธันวาคม 2567) ธนาคารกรุงเทพ ทำหน้าที่เป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ให้กับทุกคนมาถึง 80 ปี

“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนย้อนดูจุดเริ่มต้น ของธนาคาร 8 ทศวรรษแห่งนี้

ปฐมบท “แบงก์กรุงเทพ”
ธนาคารกรุงเทพ เริ่มต้นขึ้นจากการรวมตัวกันของอดีดขุนนาง ข้าราชการ พ่อค้า และคหบดี เพื่อเข้าหุ้นและยื่นขอจดทะเบียนบริษัทกับกระทรวงเศรษฐการ (ปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์) และยื่นขอดำเนินกิจการธนาคารกับกระทรวงการคลัง ทุนแรกเริ่มที่ 4 ล้านบาท ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการธนาคารตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2487
สำนักงานแห่งแรกสุด เป็นตึกแถว 2 ชั้น 2 คูหา ในพื้นที่ถนนราชวงศ์ โดยพลเอกเจ้าพระยารามราคพ เป็นประธานกรรมการคนแรก หลวงรอบรู้กิจ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนแรก และมีพนักงานแรกเริ่มอยู่ที่ 23 คน ขณะที่ตระกูลโสภณพนิช โดยนายชิน โสภณพนิช มีบทบาทในช่วงแรกเพียงแค่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ก่อนจะได้มีบทบาทในการทำงาน คือ การเป็น กัมประโค (Compradore) หรือเป็นนายหน้าที่ทำธุรกรรมกับชาวต่างชาติ
เมื่อกิจการของธนาคารเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ย้ายที่ทำการมาที่ฝั่งตรงข้ามสำนักงานเดิม เป็นอาคาร 2 ชั้น 4 คูหา บริเวณถนนราชวงศ์ เพื่อรองรับลูกค้า ขยายงานด้านต่างประเทศ และรองรับพนักงานที่เพิ่มขึ้นเป็น 40 คน
จากนั้น ปี 2493 เริ่มขยายสาขาไปที่ต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก โดยเริ่มจากจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนจะมีสาขาต่างจังหวัดตามมาอีกหลายแห่ง เช่น พื้นที่สันป่าข่อย จ.เชียงใหม่ และ 2 สาขาในพื้นที่ จ.ลำปาง (สาขาสำนักงานในเวียง, สาขาสำนักงานสบตุ๋ย)
นายห้างชิน และการฟื้นความน่าเชื่อถือ

ปลายปี 2494 เริ่มเกิดปัญหาใหญ่กับธนาคาร นั่นคือ การขาดสภาพคล่อง ทำให้คณะกรรมการและผู้ถือหุ้น มีความเห็นพ้องกันว่า ต้องเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่ และลงมติเอกฉันท์ให้ “นายชิน โสภณพนิช” ทำหน้าที่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (พ.ศ. 2495-2520)
โดยทันทีที่นายห้างชิน เข้ารับตำแหน่ง พบช่องโหว่ในด้านงานบริหารและงานบัญชีที่ไม่รัดกุมเพียงพอ จึงเริ่มต้นด้วยการปรับโครงสร้างการทำงาน หามืออาชีพเข้ามาร่วมแก้ปัญหาด้วย คือ นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ และนายบุญชู โรจนเสถียร แล้วเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นครั้งแรก จาก 4 ล้านบาท เป็น 20 ล้านบาท และเพิ่มทุนอีกครั้งเป็น 50 ล้านบาท ในปี 2496

ขณะเดียวกัน กระทรวงเศรษฐการ ได้เข้ามาถือหุ้นในธนาคารกรุงเทพ ด้วยสัดส่วน 60% ทำให้ธนาคารฯ ในขณะนั้น มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ก่อนจะออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ในปี 2500

อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยน พัฒนาอีกหลายด้าน เช่น การออกรายงานประจำปี เพื่อแสดงฐานะธนาคาร ออกงบทดลองประจำวัน และเริ่มใช้เครื่องจักรลงบัญชี เพื่อลงบัญชีเงินฝากแทนสมุดบัญชี การออก L/C ได้เองเป็นครั้งแรก รวมถึงการรุกสาขาในต่างประเทศ เริ่มจากที่ฮ่องกง ในปี 2497 และสาขาโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2498
ต่อมา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2498 ธนาคารฯ ย้ายที่ทำการอีกครั้งไปที่ถนนเสือป่า พลับพลาไชย เพื่อรองรับงานและลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และขยายพื้นที่ เปิดอาคารความสูง 6 ชั้นเพิ่มเติม ในปี 2502 (ปัจจุบัน เป็นอาคารพลับพลาไชย ให้เช่าพื้นที่สำนักงาน และยังมีสาขาของธนาคารกรุงเทพ สำนักพลับพลาไชย) ส่วนสำนักงานเดิมที่ถนนราชวงศ์ ปรับสถานะเป็นสาขานครหลวงแห่งแรก

จุดเริ่มต้น “แบงก์บัวหลวง”
ปี 2514 ธนาคารกรุงเทพ เริ่มต้นใช้อัตลักษณ์ให้ของตัวเองเป็นครั้งแรก นั่นคือสัญลักษณ์บัวหลวง แบบอักษรธนาคารกรุงเทพ และคำขวัญที่ว่า “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” โดยกำหนดให้ทั้ง 3 สิ่งนี้ มองแล้วมีความมั่นคง ดูแล้วอ่านง่าย ชัดเจน ทันสมัย รวมถึงสื่อเป้าหมายของธนาคาร
ในช่วงเวลาใกล้กัน ธนาคารกรุงเทพ พัฒนาบริการหลาย ๆ อยางให้ทันสมัยขึ้น โดยเฉพาะการริเริ่มใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องจักรสมองกลขนาดใหญ่ โดยซื้อจากบริษัท IBM มูลค่า 40 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต และนำมาสู่การพัฒนาระบบอื่น ๆ เพิ่มเติม ให้บริการรับฝาก-ถอนลูกค้าบัญชีเงินฝากประเภทต่าง ๆ ที่สาขาสำนักงานใหญ่ และขยายเครือข่ายให้บริการต่างสำนักงานในพื้นที่นครหลวงในเวลาต่อมา จนให้บริการออนไลน์ครบทุกสาขาพื้นที่นครหลวง ในปี 2515

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธนาคารฯ มีพนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชายมาตลอด ในปี 2507 ธนาคารกรุงเทพ เปิดสาขาราชเทวี ซึ่งสาขาดังกล่าว มีพนักงานเป็นผู้หญิงทั้งหมด ตั้งแต่ รปภ. จนถึงผู้จัดการสาขา ก่อนจะเปิดสาขาสยามสแควร์ ซึ่งเป็นแห่งที่ 2 ที่มีพนักงานเป็นผู้หญิงทั้งหมด ในปี 2518
เติบโตที่ “สีลม”

ปี 2520 ธนาคารกรุงเทพ ได้ลงนามสัญญาว่าจ้าง บริษัท นันทวัน จำกัด ก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ที่ถนนสีลม พร้อมทั้งมีพิธีวางศิลาฤกษ์ในปีเดียวกัน โดยอาคารดังกล่าวมีความสูง 33 ชั้น ใช้งบประมาณก่อสร้าง 575 ล้านบาท ก่อนที่จะก่อสร้างเสร็จสิ้น และมีพิธีเปิดอาคารอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2525 ซึ่งเป็นปีที่มีพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี และธนาคารฯ ใช้อาคารดังกล่าวเป็นสำนักงานใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน
นับจากนั้นมา ธนาคารกรุงเทพ มีการเติบโตและพัฒนาหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเพิ่มทุน การได้รับจัดอันดับเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และใหญ่เป็นอันดับ 219 ของโลก เมื่อปี 2525 จดทะเบียนแปรสภาพเป็น บริษัทมหาชน ในปี 2536

พัฒนาบริการ-โปรดักต์ใหม่
ธนาคารกรุงเทพ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การให้บริการตู้ ATM (เริ่มให้บริการปี 2527 และเปิดบริการ 24 ชั่วโมงทุกตู้ ปี 2535) บัตรเครดิต (ปี 2531) การเปิดสาขานอกเวลาทำการ (ปี 2533) บริการบัตรบัวหลวงพรีเมียร์ รองรับการกดเงินที่ตู้ ATM ต่างประเทศ (ปี 2536) การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเช็ค (ปี 2539) บริการบัตรเดบิต บีเฟิสต์ (ปี 2543)

จนถึงช่องทางบริการ ทั้งเครื่องบริการอัตโนมัติ (ฝากเงิน-ปรับสมุด-แลกเปลี่ยนเงินตรา) จนถึงข่องทางธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ต บริการธนาคารทางโทรศัพท์ สาขารูปแบบไมโคร (Micro Branch) เปิดในพื้นที่ที่มีลูกค้าหนาแน่น ให้บริการทุกวัน แม้สาขาทั่วไปหมดเวลาทำการ และสำนักธุรกิจ
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป บริการต่าง ๆ ของธนาคารก็ถูกพัฒนาให้ทันสมัยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต-บัตรเดบิต ที่มีการฝังชิปอิเล็กทรอนิกส์ EMV บัตรเครดิตบลูเวฟ รองรับการชำระเงินแบบ Contactless บัตรบีเฟิสต์ แรบบิท รวมบัตรเดบิตและบัตรเติมเงิน Rabbit ไว้ในใบเดียว บริการโมบายแบงกิ้ง และบัตรบีเฟิสต์ ดิจิทัล บัตรเดบิตแบบ Numberless ได้รับรางวัลจากนิตยสารการเงินต่างประเทศ เมื่อปี 2565

ซื้อกิจการ แบงก์อินโดนีเซีย
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญซึ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตือ การเข้าซื้อกิจการ ธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค (PT Bank Permata Tbk) โดยธนาคารได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นโดยมีเงื่อนไขกับ Standard Chartered Bank และ พีที แอสทร่า อินเตอร์เนชั่นแนล ทีบีเค (PT Astra International Tbk) เพื่อเสนอซื้อหุ้นกลุ่ม ข. จำนวนทั้งหมด 24,991,429,332 หุ้น  คิดเป็นสัดส่วน 89.12% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของเพอร์มาตา มูลค่ารวม 81,017 ล้านบาท ตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 12/2562 เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2562

จากนั้น ปี 2563 ธนาคารได้รับความเห็นชอบในหลักการจากหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจการเงินของอินโดนีเซีย Otoritas Jasa Keuangan หรือ OJK อนุมัติในการดำเนินการรวมธนาคารกรุงเทพ 3 สาขาในประเทศอินโดนีเซีย ประกอบด้วย สาขาจาการ์ตา สาขาสุราบายา และสาขาเมดาน เข้ากับธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค (เพอร์มาตา) บริษัทย่อยของธนาคารกรุงเทพ ที่มีสาขาประมาณ 300 แห่ง ใน 62 เมืองทั่วประเทศอินโดนีเซีย

ส่งผลให้ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารไทยที่มีเครือข่ายต่างประเทศมากที่สุดครอบคลุมเขตเศรษฐกิจทั่วโลก และสัดส่วนของสินเชื่อจากกิจการธนาคารต่างประเทศต่อสินเชื่อรวมของธนาคารกรุงเทพเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 17 เป็นร้อยละ 25

ปรับโฉมรูปลักษณ์ครั้งใหญ่
ประชาชาติธุรกิจ เคยรายงานเมื่อปี 2566 พบการเปลี่ยนแปลง ปรับโฉมอัตลักษณ์ หรือ Corporate Identity (CI) ใหม่ เริ่มจากการปรับโลโก้ใหม่ครั้งแรกหลังใช้โลโก้เดิมมาตั้งแต่ปี 2515 โดยปรับอักษรบนโลโก้ของธนาคารให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงสัญลักษณ์ดอกบัวที่เป็นภาพจำสำคัญของแบงก์มาตลอด พร้อมทั้งมีการปรับโฉม เว็บไซต์ และแบบอักษร ตาม CI ใหม่ของธนาคาร
อีกทั้งสาขาที่มีการเปิดใหม่ และปรับปรุงตั้งแต่ปี 2567 มีการปรับการออกแบบ และเริ่มใช้โลโก้ใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว

อย่างไรก็ดี เรื่องราวทั้งหมดที่นำเสนอในบทความนี้ อาจไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวที่ครบถ้วน ตลอด 80 ปีของธนาคารแห่งนี้อยู่คู่กับคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ธนาคารกรุงเทพ ถือโอกาสครบรอบ 80 ปีของการดำเนินกิจการ วันที่ 1 ธันวาคม 2567 จัดทำเว็บไซต์พิเศษที่ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมด ตลอดการดำเนินกิจการ 8 ทศวรรษ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ผู้บริหาร การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ จนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขนานกับการเติบโตของธนาคารแห่งนี้ โดยสามารถอ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่ https://bangkokbank80years.com/

เปิดผลประกอบการล่าสุด แบงก์กรุงเทพ
กำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนปี 2567 ของธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงาน อยู่ที่ 34,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4.4% จากการบริหารจัดการสภาพคล่องของธนาคารและอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้นตามภาวะอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3.05%

สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการลงทุนตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมที่ยังคงเติบโตดี

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายทางการตลาด โดยที่ธนาคารยังคงรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 46.3%
ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 3 ปี 2567 ธนาคารจึงตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง ส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับ 9 เดือนปี 2567 มีจำนวน 27,204 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,638,697 ล้านบาท ลดลง 1.2% จากสิ้นปีก่อน โดยสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ยังคงมีการเติบโต สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.4% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 266.6% เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 จำนวน 3,109,982 ล้านบาท ลดลง 2.3% จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.8% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 20.8% โดยอยู่ที่ 17.4% และ 16.6% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ขณะที่ธุรกิจในเครือธนาคารกรุงเทพ มีทั้งหมด 9 บริษัท ดังนี้
1. บางกอก แบงค์ เบอร์ฮาด
บริษัทในเครือ ธนาคารกรุงเทพถือหุ้น 100%
มีสำนักงานอยู่ในก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่