SCB ยืนยันปล่อยกู้ทรู วงเงินกู้หลักหมื่นล้าน


SCB ยืนยันปล่อยกู้ทรู วงเงินกู้หลักหมื่นล้าน
ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559

          ไทยพาณิชย์ (SCB) ร่วมพันธมิตรแบงก์ 3-4 ราย ปล่อยกู้ TRUE ลงทุน 4G เผยเฉพาะ SCB มีวงเงินหลักหมื่นล้านบาท ด้าน BBL เผยปี 58 กำไรลดลง 5.9%, TMB กำไร 9.33 พันล้านบาท ลดลง 2% แต่เงินกองทุนแกร่งขึ้น ส่วน BAY เพิ่มกว่า 30% และ KTC กำไรเพิ่มขึ้น 18% เอ็นพีแอลลดลง

          นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ให้กับลูกค้าที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายรัฐ ล่าสุด คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ที่ได้เข้าร่วมประมูล 4G ที่ผ่านมา ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อให้กับทรูวงเงินอยู่ในหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการปล่อยร่วมกับธนาคารพาณิชย์อื่นรวมกันอีก 3–4 ราย

          การปล่อยสินเชื่อให้กับทรูในครั้งนี้ ธนาคารมั่นใจในศักยภาพในการชำระหนี้คืน เพราะภาพรวมของอุตสาหกรรม 4G มีแนวโน้มที่ดีและเป็นที่ต้องการของประชาชน ที่สำคัญตัวธุรกิจทรูในการเข้ามาประมูล 4G จนชนะการประมูล แสดงให้เห็นว่าเขามีความพร้อมและมีลู่ทางในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้

          นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนผลักดันอัตราส่วนวัดความสามารถในการชำระหนี้ (Coverage Ratio) ให้กลับมาอยู่ในระดับเดิมที่ 130% ภายในระยะ 2-3 ปีจากนี้ไป หลังจากอัตราส่วนฯดังกล่าวล่าสุดอยู่ที่ระดับ 109%

          การเพิ่มอัตราส่วนฯนี้แม้ว่าจะกระทบต่อการทำกำไรของธนาคารอยู่บ้าง แต่เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวธนาคารก็จำเป็นที่จะต้องผลักดัน แต่การขยับสัดส่วนขึ้นนั้นจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละไตรมาสว่าจะออกมาในทิศทางใดเป็นหลัก ดังนั้น จึงไม่สามารถระบุวงเงินตั้งรองหนี้เสียของแต่ละไตรมาสในขณะนี้ได้

          ธนาคารยังมีแผนที่จะปรับลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  (NPL) ปีนี้ให้ต่ำกว่าระดับ 2.8-2.9% ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะแผนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในปีนี้จะเป็นไปตามแผนการที่จะมีการช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ จากภาครัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งแผนการดังกล่าวจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อให้กับตัวธนาคารได้ในระดับหนึ่ง

          ทั้งนี้ แผนการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ของธนาคารปีนี้จะเน้นปล่อยตามโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐเป็นหลักเช่นเดิม แม้ว่าธนาคารจะไม่เน้นปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ในปีนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าธนาคารจะไม่ปล่อยสินเชื่อดังกล่าวเลย แต่การปล่อยสินเชื่อนี้จะเป็นไปตามนโยบายของภาครัฐเป็นหลัก ลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารมีอยู่จำนวนมาก เพียงแต่ธนาคารตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อกับลูกค้าที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายของรัฐเป็นหลัก โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

          นายอาทิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารมีแผนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนตราสารทุนช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา หลังจากช่วงปี 2558 ธนาคารได้มีการเทขายหุ้นบางส่วนออกไป

          สำหรับวงเงินลงทุนในตราสารหุ้นไทยตั้งไว้ที่ 5,000-7,000 ล้านบาท โดยกลุ่มหลักทรัพย์ที่ธนาคารสนใจ คือ กลุ่มพลังงานและกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการภาครัฐต่างๆ ล่าสุด ธนาคารได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯในการขอเข้าลงทุนในหุ้น GUNKUL วงเงิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติของผู้ถือหุ้นของ GUNKUL

          ด้านธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานว่า ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2558 จำนวน 34,181 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับปี 2557 โดยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 102,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1  และมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจำนวน 45,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5

          ด้านสภาพคล่อง ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 จำนวน 2,090,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32,186 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.6 จากสิ้นปี 2557 โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 89.4 ณ สิ้นปี 2558 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 86.6 ณ สิ้นปีก่อน เนื่องจากเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินรับฝาก ในขณะที่สัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินรับฝากรวมอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 43.4 ทั้งนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญเรื่องการบริหารสภาพคล่องควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

          ส่วนเงินกองทุน ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งสามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยหากนับรวมกำไรสุทธิสำหรับงวดเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2558 เข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 18.7 ร้อยละ 16.6 และร้อยละ 16.6 ตามลำดับ

          ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 มีจำนวน 361,832 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.7 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 189.56 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 20.09 บาท จากสิ้นปี 2557

          ด้าน นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีเอ็มบี กล่าวว่า ในปี 2558 ธนาคารตั้งสำรองฯจำนวน 5,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,042 ล้านบาท หรือ 59% เพื่อคงสัดส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ให้อยู่ในระดับสูงที่ 142% ในสถานการณ์ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง หลังตั้งสำรองฯ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 9,333 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2% จาก 9,539 ล้านบาทในปีก่อนหน้า

          ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III ที่อัตรา 16.7% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 11.3% ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ

          ทั้งนี้ สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวน 20,473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,380 ล้านบาท ทำให้สัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.99% เมื่อเทียบกับ 2.85% ณ สิ้นปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามที่ธนาคารคาดการณ์

          ส่วนบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC รายงานกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปี 2558 ของบริษัทมีทั้งสิ้นจำนวน 2,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% โดยมาจากจากความสามารถในการสร้างรายได้จากธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคลและการบริหารต้นทุนเงินทุนที่ยังคงต่ำอยู่อย่างต่อเนื่อง

          ส่วนการควบคุม NPL ของทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล บริษัทให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพหนี้อย่างต่อเนื่อง บริษัทยังคงมี NPL รวมอยู่ที่ 2.1% ลดลงหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่อยู่ที่ 2.4% โดย NPL ของบัตรเครดิต ลดลงจาก 1.7% เหลือ 1.3% และ NPL ของสินเชื่อบุคคล ลดลงจาก 1.2% เป็น 1.0%

          นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า กรุงศรีตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อรวมที่ 5-6% สำหรับปี 2559 โดยตั้งเป้าการขยายสินเชื่อครอบคลุมในทุกกลุ่มธุรกิจและสูงกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ดี ด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งภายในและภายนอกประเทศ กรุงศรีจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างรอบคอบระมัดระวัง

          และแม้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความผันผวน  กรุงศรีก็สามารถบริหารผลการดำเนินงานที่ดีในปี  2558  ทั้งนี้ หากไม่รวมผลจากการรับโอนสินเชื่อจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 4.7% ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.9 พันล้านบาท สะท้อนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิผลของทีมงานกรุงศรี และจากความสำเร็จในการควบรวมธุรกิจของ BTMU สาขากรุงเทพฯ ที่เสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นปี 2558

          การเติบโตของเงินรับฝาก เพิ่มขึ้น 24.9% หรือจำนวน 208.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 และเพิ่มขึ้น 3.3% หรือจำนวน 33.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558  ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.9 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.6% จากปี 2557

แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559 (หน้า 27)


แก้ไข : เพิ่มคลิปข่าวจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่