JJNY : สอท.หั่นเป้า ผลิตรถยนต์│“พิธา” ยินดีเพื่อไทยชนะลือกตั้ง│"ทนายอั๋น"บุก กกต.ทวงคดี│ยูเครนศึกษาซาก ‘โอเรชนิค’

สอท.หั่นเป้า ผลิตรถยนต์ ลงอีก 2 แสนคัน ฉุดปี 67 เหลือ 1.5 ล้านคัน ต่ำสุดในรอบ 4 ปี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9520296

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หั่นเป้า ผลิตรถยนต์ ลงอีก 2 แสนคัน ฉุดปี 67 เหลือ 1.5 ล้านคัน ต่ำสุดในรอบ 4 ปี เผยสาเหตุปัจจัย
 
วันที่ 25 พ.ย.2567 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ปรับตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ปี 2567 ลดลง 200,000 คัน จาก 1,700,000 คัน เป็น 1,500,000 คัน ซึ่งเป็นเป้าหมายต่ำสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2564 อยู่ที่ 1.6 ล้านคัน

โดยครั้งนี้เป็นการปรับลดในส่วนของการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลงจาก 550,000 คัน เป็น 450,000 คัน และการผลิตเพื่อส่งออกลดลงจาก 1,150,000 คัน เป็น 1,050,000 คัน
 
โดยเป็นผลพวงจากยอดผลิตรถยนต์ในช่วง 10 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.2567) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,246,868 คัน ลดลงจากปีก่อน 19.28% โดยเป็นการลดลงของยอดผลิตเพื่อส่งออก 4.69% อยู่ที่ 861,916 คัน และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลง 39.89% อยู่ที่ 384,952 คัน
ส่วนยอดผลิตรถยนต์ในเดือนต.ค.2567 มีทั้งสิ้น 118,842 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25.13% เนื่องจากการผลิตเพื่อส่งออกลดลง 7% อยู่ที่ 87,741 คัน และการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง 51.70% อยู่ที่ 31,101 คัน

ทั้งนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 37,691 คัน ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 36.08% ต่ำสุดในรอบ 54 เดือนนับตั้งแต่ยกเลิกล็อกดาวน์จากการระบาดโรคโควิด-19 เดือน ปี 2563 เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการให้กู้ซื้อรถยนต์เป็นหลัก ส่งผลให้จำนวนบัญชีผู้กู้ซื้อรถยนต์ในไตรมาส 3 ของปีนี้มี 6,365,571 บัญชี ลดลงจากปีก่อน 199,655 บัญชี คิดเป็น 3.0%
 
และลดลงจากไตรมาสก่อน 75,377 บัญชี คิดเป็น 1.2% มีจำนวนเงินหนี้รถยนต์ 2,465,204 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 5.8% โดยเฉพาะรถบรรทุกลดลงจากเศรษฐกิจของประเทศที่ยังอ่อนแอเติบโตในอัตราต่ำ และหนี้ครัวเรือนสูง ดัชนีภาคอุตสาหกรรมขยายตัวต่ำที่ 0.1% ในไตรมาส 3
 
ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนต.ค.2567 ส่งออกได้ 84,334 คัน ลดลงจากปีก่อน 20.23% เพราะฐานสูงในเดือนเดียวกันของปี 2566 ที่ส่งออกถึง 105,726 คัน ส่งผลให้ส่งออกลดลงทุกตลาด ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ ตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและยุโรปที่สงครามอิสราเอลกับฮามาสขยายมากขึ้น
 
อาจส่งผลกระทบการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวน้อยลง อีกความขัดแย้งที่ต้องติดตามแบบไม่กระพริบตาที่จะกระทบเศรษฐกิจโลกคือ สงครามยูเครนกับรัสเซียที่อาจขยายไปประเทศอื่นซึ่งกระทบการส่งออกรถยนต์และสินค้าอื่นๆ



“พิธา” ยินดีเพื่อไทยชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี มองบวก แพ้แต่พัฒนา
https://www.thairath.co.th/news/politic/2827447

“พิธา” ยินดี “ศราวุธ” ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี มองบวก แพ้แต่พัฒนา ได้คะแนนมากขึ้น ขอบคุณชาวอุดรฯ ออกมาใช้สิทธิ ปลุกพรรคประชาชนสู้ต่อไป ก้าวสู่ปี 2570 พร้อมขอให้พิจารณา 3 ข้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเมื่อคืนวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ระบุว่า ขอแสดงความยินดีกับ นายศราวุธ เพชรพนมพร, นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และทีมงานพรรคเพื่อไทย กับความสำเร็จของผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีครั้งนี้
 
ขอส่งกำลังใจให้ นายคณิศร พรรคประชาชนและทีมงานทุกคน ถึงเราแพ้แต่พัฒนา ได้คะแนนเยอะกว่าก้าวไกลอีกนะครับ ช่องว่างคะแนนก็แคบลง ทั้งๆ ที่ voting turnout ต่ำกว่า สู้ต่อไปนะครับ สักวันต้องถึงเป้าหมายของเรา
 
สำคัญที่สุด ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับพ่อแม่พี่น้องชาวอุดรธานีที่ออกมาใช้สิทธิ์ โดยเฉพาะทุกท่านที่ยอมเดินทาง นั่งรถไฟ รถทัวร์ ขึ้นเครื่องบินกลับมาอุดรธานี เพื่อเลือกตั้งท้องถิ่น เปรียบเป็นพาวเวอร์แบงก์ให้พวกเราเดินทางไกลต่อ ก้าวไปข้างหน้าและเคียงข้างกันไป
 
ต่อมาเมื่อเวลา 10.56 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 นายพิธา โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กอีกครั้งในเชิงวิเคราะห์ ว่า ปีที่แล้วเป็นการเลือกตั้งระดับประเทศ มีผู้มาใช้สิทธิ์ 800,000 คน (69%) และพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียง 220,000 คะแนน ปีนี้ (2567) เป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยมีผู้มาใช้สิทธิลดลงเหลือ 640,000 คน (52%) แต่พรรคประชาชนกลับได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 268,000 คะแนน นี่ถือเป็นคะแนนที่มากกว่าครั้งที่พรรคก้าวไกลเคยได้รับ แม้ว่าจะมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ลดลงก็ตาม
 
แม้เราจะไม่ได้ชัยชนะ แต่ก็ได้สร้างความก้าวหน้าสำคัญในหนึ่งในสมรภูมิที่ยากที่สุดนับตั้งแต่พรรคก้าวไกลก่อตั้งขึ้นมา อุดรธานีเคยเป็นฐานเสียงที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายมาโดยตลอด แต่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเรากำลังลดช่องว่างลงได้อย่างต่อเนื่อง
 
นายพิธา ระบุต่อไปว่า อีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อถึงรอบการเลือกตั้งระดับประเทศอีกครั้ง มันจะเป็นเกมที่แตกต่างออกไป การเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการเปิดให้ลงคะแนนเสียงจากต่างประเทศ (ซึ่งพี่น้องแรงงานจาก อ.หนองหาน, อ.เพ็ญ และ อ.บ้านผือ จำนวนมาก จะมีสิทธิ์ลงคะแนนจากต่างประเทศ) การลงคะแนนล่วงหน้า และการลงคะแนนนอกเขต ทำให้กระบวนการเลือกตั้งมีความครอบคลุมและเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับการมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น มุ่งหน้าสู่เป้าหมาย จุด tipping point (จุดพลิกผัน) พวกเราสามารถเพิ่มอัตราผู้มาใช้สิทธิ เปลี่ยนแปลงคะแนนเสียงในหน่วยเลือกตั้ง และสร้างอนาคตที่เสียงของทุกคนได้รับการได้ยินและนับอย่างแท้จริง
 
ก้าวสู่ปี 2570 ขอให้ทุกคนพิจารณา 3 ข้อดังต่อไปนี้
1. ลองเทียบคะแนนรายอำเภอ จะเห็นเลยว่ามีโอกาสได้ สส. มากกว่า เขต 1 แน่นอน
2. เกาะติดพื้นที่แบบไม่ใช่แค่ระดับอำเภอ แต่ระดับตำบล หรือหมู่บ้านในเขตนั้นๆ
3. ใช้ กมธ. ที่ดิน เกษตร แรงงาน ท่องเที่ยว ให้เป็นประโยชน์กับประชาชนในเขตนั้นๆ

https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/pfbid02ezfqvh5u7oz1NpHXsPoojY14WdYaQasYPeBfjBn4kspfDhTCMcfTq2DMe9Q2kHZFl

https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/pfbid031wJe3XcCc9peVKKMHxKfcAvLN6iKoBeemKTgFzA9GTqZubLrF9E35ui9rUUA8T5zl



"ทนายอั๋น" พร้อมผู้สมัคร สว. หอบกล้วยบุก กกต. ทวงคดีฮั้วเลือก สว.-หมอเกศ
https://ch3plus.com/news/political/morning/425951

25 พ.ย. 2567 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ พร้อมผู้สมัคร สว.ทั่วประเทศ เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าการฮั้วเลือกตั้ง สว. โดยแต่ละคนถือกล้วยมาหลายตะกร้า เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
 
โดย นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า คนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า แม้ไม่ได้เป็น สว. แต่หลายคนมีศักยภาพมากกว่าหลายตัวที่อยู่ในวุฒิสภาอีก ผ่านมาแล้ว 4 เดือน ย่างเข้าสู่เดือนที่ 5 ไม่มีอะไรคืบหน้า มีแค่ให้ตื่นเต้นนิดหน่อยกรณีคดี พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. หรือแม้กระทั่งคดีที่มีคำพิพากษาศาลสูงสุดว่าไม่สามารถลง สว.ได้ ก็ยังไม่ได้เอาออกหรือถีบไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ
 
นายภัทรพงศ์ กล่าวต่อว่า นายแสวง บุญมี เลขา กกต. เลื่อนกรณีของบุคคลทั้งสองคน หรือกรณีการดำเนินการตามปกติหน้าที่ กกต.ก็ยังไม่ทำ ดึงเชงกันไปมา หรือเอาป้าเชงเป็นสรณะ ดึงเชงกันตลอด วันนี้เลยเอาป้าเชงมาคล้องคอนายแสวง ซึ่งสว.ที่มากับตนวันนี้ ล้วนมีเกียรติมากกว่าคนที่อยู่ในวุฒิสภาหลายคน ทั้งนี้ตนมีคลิปเสียงของ สว.คนหนึ่ง ที่อยู่ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) วุฒิสภา แต่ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งระดับประเทศ เป็นนักวิ่งที่วิ่งไปหาโหวตเตอร์ ไปเสนอเงินให้เขาจำนวน 1 แสนบาท โดยให้เขาไปก่อน 5 หมื่น แต่เมื่อเข้ามากรุงเทพฯ จะให้อีก 5 หมื่น คนแบบนี้หรือที่อยู่ในกมธ.ป.ป.ช. ซึ่งวันนี้ตนจะส่งคลิปเสียงให้กับ กกต.ด้วย คนแบบนี้ทาง กกต.จะเอาอย่างไร
 
นายภัทรพงศ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ วันนี้ตนได้นำกล้วย หีบบัตรเลือกตั้ง ซึ่งที่ต้องมีหีบบัตรเลือกตั้งนั้น เพราะหลายการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นสังคม ผู้สมัคร สว. มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการฮั้วกัน วันนี้เรามาท้า กกต.ทั้งหมดให้ลงมาว่าใครที่จะสามารถกาเหมือนกันได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เขาขอให้เปิดหีบ นายแสวงก็ไม่ให้เปิด ในหีบนั้นมีอะไร ทั้งนี้ พวกตนเคยไปที่ศาลรัฐธรรมนูญมา ศาลรัฐธรรมนูญก็ปัดตกคำร้อง ไปศาลฎีกาและศาลปกครอง ก็ไม่รับคำร้อง แต่ก็ได้ยื่นที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว ต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร
 
ว่ากันแล้วแสวง บุญมี กับพวกอีก 7 คน ตอนนี้รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 คดี เตรียมไปขึ้นศาลหลังเกษียณ แต่ตอนนี้เท่าที่ทราบคือนายแสวง ยังวาดฝันภาพหลังเกษียณไว้อย่างสวยงาม คือเข้ามาเป็น 1 ใน 7 กกต. และมีว่ากันว่าเตรียมชงให้เป็นประธาน กกต.คนถัดไป แต่พวกเราไม่ยอม และให้โอกาสนายแสวงเรื่องคดีหมอเกศ กับสว.อีกท่าน ที่มีการเลื่อนมาแล้วหลายครั้ง ที่จะมีการประชุมกันวันพฤหัสหรือศุกร์นี้ หากวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์นี้ หมอเกศไม่กระเด็นไปศาลรัฐธรรมนูญ เจอกันลอตใหญ่ จะดึงเชงไปถึงไหน เขาบอกว่าสีน้ำเงินนั้น ไม่เอาเจ้าตัวแล้ว มีการวิ่งเอากล้วยไปให้คนนั้นคนนี้ แล้วพี่แหวงจะเอาอยู่หรือไม่” นายภัทรพงศ์ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่