JJNY : อิ๊งค์นำทัพ บุกอุดรฯ│“พิธา”นำทีมผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลฝั่งธนฯ│'สมชัย'ซัด 'ฉลาดหรือโง่'│ขนส่งจี้ขยายลดภาษีดีเซล

อิ๊งค์ นำทัพ บุกอุดรฯ มวลชนแห่รับแน่นสนามบิน ไร้เงา ‘เศรษฐา’ ร่วมปราศรัยใหญ่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7460089
 
 
อุ๊งอิ๊ง นำทัพเพื่อไทย บุกอุดรธานี มวลชนแห่รับแน่นสนามบิน มอบกุหลาบแดง-ผูกผ้าขาวม้า ก่อนลงพื้นที่พบชาวบ้าน ไร้เงา “เศรษฐา” ไม่มาร่วมปราศรัยใหญ่
 
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2566 ที่ จ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ “ครอบครัวเพื่อไทย : อีสานยามใด๋ เพื่อไทยทอนั่น” พร้อมลงพื้นที่พบปะประชาชน โดยทันทีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และคณะ เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี มีมวลชนมารอต้อนรับและให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร กันอย่างคึกคัก โดยได้มอบดอกกุหลาบสีแดงและผูกผ้าขาวม้าที่เอวด้วย
 
สำหรับกำหนดการครอบครัวเพื่อไทย จ.อุดรธานี ในวันนี้ น.ส.แพทองธาร และคณะ อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย จะลงพื้นที่ อ.เพ็ญ พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และเกษตรกรชาวสวนยาง จากนั้น น.ส.แพทองธาร และคณะ จะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมืองอุดรธานี และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ทุ่งศรีเมือง อ.เมืองอุดรธานี ในช่วงเย็นวันนี้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการปราศรัยใหญ่ครั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้มาร่วมเวทีด้วย ภายหลังมีกระแสข่าวว่าอาจจะมาปราศรัยร่วมกับ น.ส.แพทองธาร และคณะ


 
“พิธา” นำทีมผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลฝั่งธนฯ ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลกับ พปชร.-รทสช.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_482356/

“พิธา” นำทีมผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลฝั่งธนฯ ประกาศความพร้อมสะบัดธงส้มทั้งธนบุรี มั่นใจประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลกับ พปชร.-รทสช.เด็ดขาด
 
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมนำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ในฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร ร่วมเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวผู้สมัคร ทั้ง 9 คนใน 10 เขต และแสดงความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ พร้อมมั่นใจว่าชาวฝั่งธนบุรีมีความต้องการเปลี่ยนแปลง และพร้อมสนับสนุนว่าที่ผู้สมัครทั้ง 9 คนของพรรคก้าวไกลให้เข้าไปเป็นผู้แทนของทุกคน
 
โดยนายพิธา ระบุว่า พรรคก้าวไกลมีความมั่นใจต่อผลการเลือกตั้งในฝั่งธนบุรีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อดูจากผลการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา คือในปี 2562 เมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ที่พรรคก้าวไกลได้ ส.ส. 6 จาก 9 เขต ส่วนในการเลือกตั้ง สก. พรรคก้าวไกลก็ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งไม่ก็อันดับสองอยู่หลายเขต ซึ่งทำให้เห็นว่า ธนบุรีเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีความต้องการเปลี่ยนแปลงสูง
 
ซึ่งขณะนี้พรรคก้าวไกลได้ตัวว่าที่ ส.ส. ครบทั้ง 10 เขตแล้ว และเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม โดยมีทั้งอดีต ส.ส. ที่ทำงานได้ดีทั้งในพื้นที่และในประเด็นระดับชาติและยังมีผู้สมัครหน้าใหม่จากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคสังคม การเมืองภาคประชาชน อดีตผู้บริหาร ผู้ประกอบธุรกิจส่งออก ผู้จัดการธนาคาร อดีตพนักงานสายการบิน และอดีตบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจว่าจะผู้สมัครทั้ง 10 คนนี้ จะเป็นผู้แทนที่มีคุณภาพและสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ฝั่งธนบุรีในอนาคตได้
 
ด้วยศักยภาพและความหลากหลานของทั้งตัวผู้สมัคร วิสัยทัศน์ในการพัฒนา และความต้องการเปลี่ยนแปลงของประชาชนชาวฝั่งธนบุรี ทำให้พรรคก้าวไกลมีความมั่นใจว่า จะสามารถสะบัดธงสีส้มให้ครบในทุกพื้นที่ฝั่งธนบุรี และกรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
 
ทั้งนี้ แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานครของพรรคก้าวไกลส่วนใหญ่จะเป็นคนหน้าใหม่ก็จริง แต่พรรคก้าวไกลก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถแข่งกับ ส.ส. เก่าได้ เพราะในสมัยที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ ก็ได้ ส.ส. ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาหลายคน
 
สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกลทั้ง 9 คนในพื้นที่ฝั่งธนบุรีนั้น ประกอบด้วย
1) สิริน สงวนสิน (เขตทวีวัฒนา)
2) พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ (เขตบางพลัด-บางกอกน้อย)
3) เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร (เขตธนบุรี)
4) ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ (เขตจอมทอง)
5) แอนศิริ วลัยกนก (เขตทุ่งครุ)
6) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ (เขตบางขุนเทียน)
7) รัชนก ศรีนอก (เขตบางบอน)
8) ทิสรัตน์ เลาหพล (เขตตลิ่งชัน)
9) ปวิตรา จิตตกิจ (เขตภาษีเจริญ)
10) ธัญธร ธนินวัฒนาธร (เขตบางแค)
 
กล่าวถึงประเด็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองในปัจจุบัน โดยมีการถามถึงข้อวิเคราะห์สูตรการจัดตั้งรัฐบาลและการเปิดตัวเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งกระแสข่าวความพยายามของ ส.ว. บางกลุ่มในการแก้ไขเกณฑ์การดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปีติดต่อกันของนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ในเวลาที่ประชาชนเดือดร้อนที่สุด กลุ่มการเมืองหลายกลุ่มกลีบเอาแต่คิดเรื่องการดึงตัวนักการเมืองมาให้ได้ถึงเกณฑ์ 25 ที่นั่ง เพื่อให้สามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ การเปิดตัวย้ายพรรคย้ายขั้วต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ หากสังเกตก็จะเห็นได้ว่าล้วนแต่เป็นคนของอดีตทั้งหมด
 
ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันนี้ สิ่งที่พรรคก้าวไกลทำได้ก็คือการประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีการร่วมรัฐบาลกับทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งทำงานในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ให้เต็มที่ และให้ประชาชนเป็นผู้ต้ดสินเมื่อเวลามาถึง ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยที่จะให้วิถีการเมืองเก่าเช่นนี้ดำรงอยู่ต่อไป รวมทั้งไม่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นยาหมดอายุมานานแล้วได้บริหารอำนาจต่อไป รวมทั้งไม่อยากเห็นการแก้เกณฑ์ 8 ปีเป็นผลสำเร็จ ก็อย่าเลือกพรรคที่มีความคิดเช่นนี้หรือแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และเครือข่าย
 
ส่วนกรณีกระแสข่าวเรื่องการเปิดตัวแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้น นายพิธา ระบุว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับทุกคน ทางพรรคก้าวไกลพร้อมที่แข่งขันรวมถึงร่วมทำงานกันในอนาคตกับทุกแคนดิเดทของพรรคเพื่อไทยที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือการจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันนั้น
 
พรรคก้าวไกลเห็นว่าสูตรที่ดีที่สุดควรจะเป็นการร่วมกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านในปัจจุบันทั้งหมด โดยเอาภาพใหญ่ของประเทศและประโยชน์ของประชาชนมาเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ด้วยเก้าอี้รัฐมนตรี ส่วนจะคาดการณ์ให้เป็นอย่างไรนั้นคงไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นเรื่องของประชาชน ที่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้วสูตรการจัดตั้งรัฐบาลจะถูกถอดออกมาเองโดยอัตโนมัติ
 

 
'สมชัย' ซัด 'ฉลาดหรือโง่' เปิดประเด็นแก้รัฐธรรมนูญให้นายกเกิน 8 ปี
https://siamrath.co.th/n/415052

15 มกราคม 2566 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก "สมชัย ศรีสุทธิยากร" ระบุข้อความว่า ...

ฉลาดหรือโง่

เปิดประเด็น แก้รัฐธรรมนูญให้นายกเกิน 8 ปี
 
การเปิดประเด็นแก้รัฐธรรมนูญให้นายกอยู่เกิน 8 ปีได้ ทั้งๆ ที่เวลาที่เหลืออยู่ของสภาผู้แทนไม่น่าจะเพียงพอสำหรับการพิจารณา
1. ใครๆ ก็รู้ว่า สภาผู้แทนฯ จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 หลังจากนั้น แม้มีวุฒิสภา แต่ก็ไม่สามารถประชุมใด ๆได้จนมีสภาผู้แทนชุดใหม่

2. การแก้รัฐธรรมนูญ ต้องทำในที่ประชุมรัฐสภาเท่านั้น ส.ว.ไม่มีสิทธิกระทำตามลำพัง

3. การเปิดประเด็นในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่า ทำไม่ได้ จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมกระแส นายประยุทธ์ ในการเลือกตั้งว่า เลือกฉันสิ ฉันไม่ได้อยู่แค่สองปีนะ เดี๋ยวก็แก้ให้ฉันอยู่ไม่มีกำหนดได้ เพราะฉันเป็นคนดี
 
4. แต่คนจุดประเด็นสร้างกระแส อาจลืมไปว่า จะมีผลในทางลบ สร้างความไม่พอใจแก่คนอีกจำนวนมาก ว่า แค่นี้เอ็งยังไม่พออีกหรือ 8 ปีที่แปดเปื้อนยังไม่พอ ยังจะแก้กติกาเพื่อตัวบุคคลโดยเอาหน้ากากคนดีมาใส่อีก และจะทำให้การตัดสินใจเลือกตั้งเป็นไปในทางตรงข้าม ยิ่งถล่มทลายมากขึ้น
เชิญชวน ส.ว. ทั้งหลายออกมาพูดสนับสนุนกันเยอะๆ เลยครับ พ่อคนฉลาด 

https://www.facebook.com/somchaivision/posts/721883569504264
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่