พิ ม า ย บ้ า น ฉั น
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ปีนี้ผมไม่ค่อยได้เดินทางมากนัก เพราะมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องดูแล แต่เมื่อวัยใกล้ 40 ผมได้เรียนรู้ว่า บางครั้งการเดินทางไม่จำเป็นต้องค้นหาสถานที่อันซีน ลึกลับ หรือพิสูจน์ความสามารถอะไรให้ใครเห็นทั้งนั้น เพียงแค่ได้ไปในที่ที่เป็นตัวเอง รู้สึกอิสระ ปล่อยชีวิตให้ลื่นไหลไปตามสายลมและแสงแดด แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เรามีความสุขแล้วครับ
ครั้งนี้ ผมกลับมาเยือนเมืองที่ผมรักอีกครั้ง "พิมาย" จังหวัดนครราชสีมา ผมเลือกมาในช่วงวันที่ 6-10 พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับเทศกาล "เที่ยวพิมาย" พอดี ผมตั้งใจมาสัมผัสมุมมองใหม่ของพิมายที่ผมยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน
"เทศกาลเที่ยวพิมาย" เป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองพิมาย ย่านเมืองเก่าถูกเนรมิตด้วยแสงสี การแสดง ดนตรี และศิลปะ บรรยากาศเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง ตลาดของกิน ความสนุกสนาน และความสุข ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองเก่า วัฒนธรรมท้องถิ่น และวิถีชีวิตที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน
ไฮไลท์ของงานคือ การแสดงแสง สี เสียง ถ่ายทอดเรื่องราวการสร้างเมือง ความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวพิมาย นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันเรือยาวสุดโด่งดัง จัดขึ้นในลำน้ำจักราช ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสนามแข่งเรือที่สวยที่สุดของประเทศไทย เสียงพากย์เรือที่เป็นเอกลักษณ์ ฟังไม่ค่อยออกแต่ปลุกเร้าและสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม จนตัวผมอดไม่ได้ที่จะไปร่วมเชียร์ด้วย ใจกลางเมืองเต็มไปด้วยตลาดนัดที่ครอบคลุมแทบทุกมุมถนน ทั้งของกินทั่วไปและของกินโบราณที่หาทานได้ยาก ถูกนำมาให้ลิ้มลองในงานนี้
สิ่งที่ทำให้ผมหลงรักพิมาย คือเมืองนี้ได้ทรานส์ฟอร์มจากเมืองเก่า เมืองท่องเที่ยว กลายเป็น "เมืองแห่งศิลปะ" ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความคิดสร้างสรรค์ ทั่วทั้งพิมายถูกประดับประดาด้วยแสงไฟระยิบระยับ มีงานศิลปะจากแสงที่เล่นกับบรรยากาศยามค่ำคืน เสียงดนตรีขับกล่อมให้ผู้คนหลงไหล และกราฟฟิตี้สุดเจ๋ง ๆ จากศิลปินชื่อดังที่มารังสรรค์ผลงานตามกำแพงตรอกซอกซอย พิมายจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา และความสนุกสนาน
ผมมีความเชื่อว่า เทศกาล วัฒนธรรม และประเพณี คือกุศโลบายที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ทำให้เรารู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์วิถีชีวิตและสืบทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แต่สำหรับผม ศิลปะมีความหมายมากกว่านั้นมาก มันเชื่อมโยงผู้คนหลายยุคสมัย หลายเจเนอเรชัน และความหลากหลายเพศเข้าด้วยกัน ศิลปะทำให้เราเห็นอดีต รากเหง้า และวิถีชีวิตดั้งเดิม ดั่งเห็นได้จากการสร้างปราสาทหิน การแกะสลักหิน และเครื่องประดับต่าง ๆ ที่สถิตอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย
ผมเห็นพ่อแม่พาลูกมาเดินชมศิลปะจากแสงไฟ ปู่ย่านั่งรอซื้อของกินที่คุ้นเคย และกลุ่มเพื่อนถ่ายรูปกับกราฟฟิตี้ อัปลงโซเชียล หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เป็นบรรยากาศที่ทุกช่วงวัยจอยกัน และเชื่อมโยงกันอย่างอบอุ่น โดยเนื้อแท้ของศิลปะ คือเป็นวิถีที่เปิดกว้าง ไร้ข้อจำกัด และไร้อคติ นี่แหละครับ คือความหมายของคำว่า "ชีวิตสร้างศิลปะ ศิลปะให้ชีวิต"
พิมายบ้านฉัน
ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้ และได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของความงดงามในเทศกาลครั้งนี้ สำหรับผมแล้ว พิมายเป็นสถานที่พิเศษที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ทุกครั้งที่นึกถึงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะปนความคิดถึง เมื่อได้กลับมาที่นี่ ผมรู้สึกเหมือนได้หลบหนีจากความวุ่นวายของเมืองหลวง ราวกับได้พบกับหลุมหลบภัยที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก
ความรู้สึกนี้ทำให้ผมเข้าใจคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ เมื่อถึงวันหยุดหรือเทศกาล พวกเขามักจะเลือกกลับบ้าน ไปยังที่ที่เติบโตมา ได้พบเจอเพื่อนเก่าและครอบครัว เป็นความสุขที่หาไม่ได้จากที่ไหน นอกจาก "บ้าน" ของเรา
ผมเป็นคนกรุงเทพ แต่สำหรับผม
พิมายก็คือ "บ้าน" เช่นกันครับ
ไอกรีม ซิกเนเจอร์รูปปราสาทหินพิมาย หาซื้อได้บริเวรทางเข้าเข้าปราสาท มีให้เลือกหลายรสชาติ ถ้าอยากถ่ายรูปสวย ๆ แนะนำให้รีบเดินไปยังโซนปราสาทด้านใน จะได้ภาพสวย ก่อนที่ไอกรีมจะละลาย
ปราสาทหินพิมายวันนี้
พวงมาลัยถูกนำมาวางเรียงรายตรงทางเดินสะพานนาคราช เป็นสัญลักษณ์ของความเคารพ และอวยพรแก่ผู้มาเยือนปราสาทหิน
น้องนักแสดงกำลังเดินผ่าน ผมเลยขอถ่ายรูป น้องน่ารักโพสต์ท่ารำวง 1 แชะ
มาพิมายต้องไม่พลาด ผัดหมี่พิมาย รสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่น
เที่ยว"เทศกาลเที่ยวพิมาย" เดินชมศิลปะแสงสีและวิถีชีวิต จ.นครราชสีมา
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ปีนี้ผมไม่ค่อยได้เดินทางมากนัก เพราะมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องดูแล แต่เมื่อวัยใกล้ 40 ผมได้เรียนรู้ว่า บางครั้งการเดินทางไม่จำเป็นต้องค้นหาสถานที่อันซีน ลึกลับ หรือพิสูจน์ความสามารถอะไรให้ใครเห็นทั้งนั้น เพียงแค่ได้ไปในที่ที่เป็นตัวเอง รู้สึกอิสระ ปล่อยชีวิตให้ลื่นไหลไปตามสายลมและแสงแดด แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เรามีความสุขแล้วครับ
ครั้งนี้ ผมกลับมาเยือนเมืองที่ผมรักอีกครั้ง "พิมาย" จังหวัดนครราชสีมา ผมเลือกมาในช่วงวันที่ 6-10 พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับเทศกาล "เที่ยวพิมาย" พอดี ผมตั้งใจมาสัมผัสมุมมองใหม่ของพิมายที่ผมยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน
"เทศกาลเที่ยวพิมาย" เป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองพิมาย ย่านเมืองเก่าถูกเนรมิตด้วยแสงสี การแสดง ดนตรี และศิลปะ บรรยากาศเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง ตลาดของกิน ความสนุกสนาน และความสุข ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองเก่า วัฒนธรรมท้องถิ่น และวิถีชีวิตที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน
ไฮไลท์ของงานคือ การแสดงแสง สี เสียง ถ่ายทอดเรื่องราวการสร้างเมือง ความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวพิมาย นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันเรือยาวสุดโด่งดัง จัดขึ้นในลำน้ำจักราช ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสนามแข่งเรือที่สวยที่สุดของประเทศไทย เสียงพากย์เรือที่เป็นเอกลักษณ์ ฟังไม่ค่อยออกแต่ปลุกเร้าและสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม จนตัวผมอดไม่ได้ที่จะไปร่วมเชียร์ด้วย ใจกลางเมืองเต็มไปด้วยตลาดนัดที่ครอบคลุมแทบทุกมุมถนน ทั้งของกินทั่วไปและของกินโบราณที่หาทานได้ยาก ถูกนำมาให้ลิ้มลองในงานนี้
สิ่งที่ทำให้ผมหลงรักพิมาย คือเมืองนี้ได้ทรานส์ฟอร์มจากเมืองเก่า เมืองท่องเที่ยว กลายเป็น "เมืองแห่งศิลปะ" ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความคิดสร้างสรรค์ ทั่วทั้งพิมายถูกประดับประดาด้วยแสงไฟระยิบระยับ มีงานศิลปะจากแสงที่เล่นกับบรรยากาศยามค่ำคืน เสียงดนตรีขับกล่อมให้ผู้คนหลงไหล และกราฟฟิตี้สุดเจ๋ง ๆ จากศิลปินชื่อดังที่มารังสรรค์ผลงานตามกำแพงตรอกซอกซอย พิมายจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา และความสนุกสนาน
ผมมีความเชื่อว่า เทศกาล วัฒนธรรม และประเพณี คือกุศโลบายที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ทำให้เรารู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์วิถีชีวิตและสืบทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แต่สำหรับผม ศิลปะมีความหมายมากกว่านั้นมาก มันเชื่อมโยงผู้คนหลายยุคสมัย หลายเจเนอเรชัน และความหลากหลายเพศเข้าด้วยกัน ศิลปะทำให้เราเห็นอดีต รากเหง้า และวิถีชีวิตดั้งเดิม ดั่งเห็นได้จากการสร้างปราสาทหิน การแกะสลักหิน และเครื่องประดับต่าง ๆ ที่สถิตอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย
ผมเห็นพ่อแม่พาลูกมาเดินชมศิลปะจากแสงไฟ ปู่ย่านั่งรอซื้อของกินที่คุ้นเคย และกลุ่มเพื่อนถ่ายรูปกับกราฟฟิตี้ อัปลงโซเชียล หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เป็นบรรยากาศที่ทุกช่วงวัยจอยกัน และเชื่อมโยงกันอย่างอบอุ่น โดยเนื้อแท้ของศิลปะ คือเป็นวิถีที่เปิดกว้าง ไร้ข้อจำกัด และไร้อคติ นี่แหละครับ คือความหมายของคำว่า "ชีวิตสร้างศิลปะ ศิลปะให้ชีวิต"
พิมายบ้านฉัน
ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้ และได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของความงดงามในเทศกาลครั้งนี้ สำหรับผมแล้ว พิมายเป็นสถานที่พิเศษที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ทุกครั้งที่นึกถึงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะปนความคิดถึง เมื่อได้กลับมาที่นี่ ผมรู้สึกเหมือนได้หลบหนีจากความวุ่นวายของเมืองหลวง ราวกับได้พบกับหลุมหลบภัยที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก
ความรู้สึกนี้ทำให้ผมเข้าใจคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ เมื่อถึงวันหยุดหรือเทศกาล พวกเขามักจะเลือกกลับบ้าน ไปยังที่ที่เติบโตมา ได้พบเจอเพื่อนเก่าและครอบครัว เป็นความสุขที่หาไม่ได้จากที่ไหน นอกจาก "บ้าน" ของเรา
ผมเป็นคนกรุงเทพ แต่สำหรับผม พิมายก็คือ "บ้าน" เช่นกันครับ
ไอกรีม ซิกเนเจอร์รูปปราสาทหินพิมาย หาซื้อได้บริเวรทางเข้าเข้าปราสาท มีให้เลือกหลายรสชาติ ถ้าอยากถ่ายรูปสวย ๆ แนะนำให้รีบเดินไปยังโซนปราสาทด้านใน จะได้ภาพสวย ก่อนที่ไอกรีมจะละลาย
ปราสาทหินพิมายวันนี้
พวงมาลัยถูกนำมาวางเรียงรายตรงทางเดินสะพานนาคราช เป็นสัญลักษณ์ของความเคารพ และอวยพรแก่ผู้มาเยือนปราสาทหิน
น้องนักแสดงกำลังเดินผ่าน ผมเลยขอถ่ายรูป น้องน่ารักโพสต์ท่ารำวง 1 แชะ
มาพิมายต้องไม่พลาด ผัดหมี่พิมาย รสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่น