หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] ขี่รถเที่ยวเชียงใหม่ "นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง"
กระทู้รีวิว
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
ขี่รถเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน "นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง"
>> สวัสดีขอรับ ทริปนี้ก็มาพบกับ หยุดแล้วเที่ยวได้ กันอีกแล้วครับทุก ทริปนี้ผมจะมารีวิว ทริปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่รถเที่ยวเชียงใหม่กับคุณแม่ พร้อมกับกางนอนเต็นท์ แบบ 3 วัน 2 คืน กัน ทริปนี้บอกเลยว่าคุณแม่ลุยมากๆ จัดทริปเที่ยวแบบเช้ายันเย็นทุกวัน บางวันเข้าที่พักคือมืดเลยละ แต่ผมจะทยอยรีวิวเป็นจุดๆ ที่แวะเที่ยวไปนะครับ ไม่รีวิวรวดเดียว อยากให้ได้รับรายละเอียดที่ละที่เยอะๆ ครับ มาเริ่มกับที่แรกแต่ไม่ใช่ที่แรกของทริปนะครับ กับ "นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง"
>> "นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง" อยู่ที่ กม.26 ก่อนทางขึ้นดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่นี่บอกเลยว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สำหรับคนที่มาเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝนที่ต้องการบรรยากาศท้องทุ่ง สัมผัสวิถีชนบท และความสโลไลฟ์เงียบสงบ และอีกทั้งยังเป็นย่านรวมบ้านพักที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งบนดอยอินทนนท์ มีทั้งร้านกาแฟ โฮมสเตย์ มีบริการร้านอาหาร ลานจอดรถ มีวิวสวยๆ หลากหลายมุม โดยเฉพาะวิวของนาข้าวแบบขั้นบันไดลดหลั่นกันสวยงามมากๆ ที่มีแต่ความเขียวขจีสดชื่นสบายตาเมื่อได้มอง
>> ช่วงที่เรามานั้นเป็นช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งข้าวจะอยู่ในช่วงการออกรวงแล้ว แต่ยังมีความเขียวอยู่ โดยเราแวะมาเที่ยวก่อนที่จะขึ้นดอยอินทนนท์ และจบวันด้วยกางกางเต็นท์นอนที่นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง ซึ่งเราเดินทางมาจาก อช.ขุนขาน อ.สะเมิง เป็นวันที่ 2 ของการเดินทาง
>> ผมมาถึงก็จอดรถมอเตอร์ไซค์ WAVE 125i ที่ค่อนข้างปีเก่าๆ ที่ผมเช่ามา ไว้ที่ศาลาข้างทาง ตรงทางลงไปหมู่บ้าน เนื่องจากทางลงเข้าหมู่บ้านจากถนนหลักมีความชัน รถเราก็มีเบรคมืออันเดียว เบรคเท้าก็ใช้ไม่ได้ รถเบรคก็ไม่ค่อยอยู่ เกียร์ต่ำก็หน่วงไม่ดี (เร่งก็ไม่ค่อยขึ้น) สรุปรถควรปลดระวางไม่ให้เช่าได้แล้วละคันนี้ เลยกลัวว่าจะเอารถไม่อยู่พาคุณแม่ล้ม เดินเข้าหมู่บ้านแค่นิดเดียวเองปลอดภัยกว่า
>> ก่อนเข้าหมู่บ้านเราก็ไม่ลืมที่จะเช็คอินกับป้ายทางเข้ากันก่อนนะ คุณแม่
>> พอเดินลงมาจากถนนหมายเลข 1009 ก็มีสะพานข้ามลำธาร ( แม่กลาง) ที่ไหลมาจากน้ำตกด้านบน ที่น้ำแบบไหลแรง และสีค่อนข้างเข้ม แล้วเราก็มาพบกับน้องหมาน้อย 2 ตัว ตรงทางเข้าหมู่บ้าน แต่ไม่เห็นแม่หมานะ ซึ่งน้องก็วิ่งมาหาเราเลย ก่อนที่จะตามเราไปทุกทีเลย
>> นาข้าวตอนนี้ยังมีความเขียว ตัดกับสีท้องฟ้าที่มีเมฆสวยงามมากๆ บวกกับรวงข้าวเมล็ดเล็กๆ ที่ไม่เหมือนที่บ้านผมเลยออกรวงแต่ทุ่งสวยงามมากๆ
>> ถึงแม้จะเป็นแค่วิวนาข้าวทั่วไป แต่ก็ทำให้ผมกับแม่ประทับใจมาก อาจเพราะที่บ้านไม่มีนาข้าวแบบขั้นบันไดให้เห็น และต้นข้าวงามๆ แบบนี้ เพราะที่บ้านผมบอกได้ว่า "ในน้ำก็แทบไม่มีปลา ในนามีแต่หญ้า" 555 ผมกับแม่นี่ถ่ายภาพกันเพลินเลย
>> อันที่จริงพอข้ามลำธารมาเลี้ยวตามถนนไปทางขวามือก็เป็นถนนเข้าไปโฮมสเตรย์ และที่พัก แต่ผมกับแม่เดินลุยตัดผ่านทุ่งนากันเลย จนเข้ามาถึงโฮสเตรย์ที่อยู่ตัดทุ่งนาเลย แบบโฮมสเตรย์จุดนี้น่ามาพักมาก เพราะอยู่ไกลจากที่อื่นที่ค่อนข้างหนาแน่น ให้ความเงียบสงบ นอนฟังเสียงกบเสียงเขียดได้เลย แต่ถนนเข้ามาก็ออกจะเละๆ แฉะๆ หน่อย
>> อารมณ์ดีเลยนะคุณแม่ ได้มาเห็นนาข้าวงามๆ
>> บ้านหลังสุดท้ายคือ บรรยากาศดีสุด มีที่นั่งหน้าบ้านดีเลย ถ้าได้นั่งกินหมูกระทะฟังตอนเย็นๆ คงได้ฟิวมากๆ ไม่รู้กลางคืนมียุงไหมนะ
>> มาเดินตามถนนขึ้นไปดูด้านบนๆ กัน จะว่าไปก็มีบ้านพักหลายหลังเลยนะ แต่ด้านบนก็จะดูหนาแน่นหน่อย มีแปลงดอกไม้ด้วย หน้าหนาวคงมีดอกไม้สวยๆ ให้ดูเต็มเลย
>> ไหนดีใจหน่อยครับคุณแม่ สดชื่นๆๆๆๆๆ
>> เจ้าหมาน้อย 2 ตัวก็ยังตามเราอย่างไม่ลดละเช่นเคย อ้าวทำไหมอีกตัวเปลี่ยนไป นี่ไม่ใช่ตัวเดิมนี่นา น้องตัวสีเข้มหน้ามอมมาจากไหน แล้วตัวเดิมหายไปไหนละเนี้ย
>> เราต้องจากกันแล้วนะเจ้าหมาน้อย ขอบคุณที่เป็นไกด์พาเดินเที่ยวทุ่งนา น้องหมายังจะตามผมไปอีก ผมเลยต้องรีบวิ่งหนีจากจุดที่เจอน้องตอนแรก เพราะถ้าตามไปเดี๋ยวรถชน ไม่รู้บ้านหลังไหนที่เป็นเจ้าของหมา ชอบความน่ารักของเหล่าน้องหมาทั้ง 3 ตัวเลย ถ้าเอารถยนต์มา หรือบ้านเราอยู่แถวนั่นจะขอไปเลี้ยงเลย ทุกวันนี้พอนึกถึงบ้านแม่กลางหลวงสิ่งแรกที่ผมนึกถึงก็คือ น้องหมา 3 ตัว แต่ตอนนี้คงตัวโต และจำผมไม่ได้แล้วละ
>> เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับบรรยากาศแม่กลางหลวง สำหรับใครที่ชมบรรยากาศท้องทุ่ง วิถีสโลไลฟ์ ที่นี่ผมก็ว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมาใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุด สำหรับช่วงเวลาของนาข้าวก็จะประมาณนี้นะครับ
>> เริ่มทำนา ดำนา ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม, ข้าวออกรวง ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม, ข้าวรวงเหลือง และเกี่ยวข้าว ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม อันนี้ก็ขึ้นว่าชอบแบบไหนนะครับ
>> การเดินทาง: ขับรถตามถนนหมายเลข 108 ที่มาจากตัวเมืองเชียงใหม่ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 1009 เส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ ระยะทางประมาณ 33 กิโลเมตร ก็จะเป็นป้ายทางเข้าหมู่บ้านทางซ้ายมือ
>> The End <<
ชื่อสินค้า:
รีวิวทริปขี่รถเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน "นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง"
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] ขี่รถเที่ยวเชียงใหม่ "นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง"
>> สวัสดีขอรับ ทริปนี้ก็มาพบกับ หยุดแล้วเที่ยวได้ กันอีกแล้วครับทุก ทริปนี้ผมจะมารีวิว ทริปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่รถเที่ยวเชียงใหม่กับคุณแม่ พร้อมกับกางนอนเต็นท์ แบบ 3 วัน 2 คืน กัน ทริปนี้บอกเลยว่าคุณแม่ลุยมากๆ จัดทริปเที่ยวแบบเช้ายันเย็นทุกวัน บางวันเข้าที่พักคือมืดเลยละ แต่ผมจะทยอยรีวิวเป็นจุดๆ ที่แวะเที่ยวไปนะครับ ไม่รีวิวรวดเดียว อยากให้ได้รับรายละเอียดที่ละที่เยอะๆ ครับ มาเริ่มกับที่แรกแต่ไม่ใช่ที่แรกของทริปนะครับ กับ "นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง"
>> "นาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง" อยู่ที่ กม.26 ก่อนทางขึ้นดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่นี่บอกเลยว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สำหรับคนที่มาเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝนที่ต้องการบรรยากาศท้องทุ่ง สัมผัสวิถีชนบท และความสโลไลฟ์เงียบสงบ และอีกทั้งยังเป็นย่านรวมบ้านพักที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งบนดอยอินทนนท์ มีทั้งร้านกาแฟ โฮมสเตย์ มีบริการร้านอาหาร ลานจอดรถ มีวิวสวยๆ หลากหลายมุม โดยเฉพาะวิวของนาข้าวแบบขั้นบันไดลดหลั่นกันสวยงามมากๆ ที่มีแต่ความเขียวขจีสดชื่นสบายตาเมื่อได้มอง
>> ช่วงที่เรามานั้นเป็นช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งข้าวจะอยู่ในช่วงการออกรวงแล้ว แต่ยังมีความเขียวอยู่ โดยเราแวะมาเที่ยวก่อนที่จะขึ้นดอยอินทนนท์ และจบวันด้วยกางกางเต็นท์นอนที่นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง ซึ่งเราเดินทางมาจาก อช.ขุนขาน อ.สะเมิง เป็นวันที่ 2 ของการเดินทาง
>> ผมมาถึงก็จอดรถมอเตอร์ไซค์ WAVE 125i ที่ค่อนข้างปีเก่าๆ ที่ผมเช่ามา ไว้ที่ศาลาข้างทาง ตรงทางลงไปหมู่บ้าน เนื่องจากทางลงเข้าหมู่บ้านจากถนนหลักมีความชัน รถเราก็มีเบรคมืออันเดียว เบรคเท้าก็ใช้ไม่ได้ รถเบรคก็ไม่ค่อยอยู่ เกียร์ต่ำก็หน่วงไม่ดี (เร่งก็ไม่ค่อยขึ้น) สรุปรถควรปลดระวางไม่ให้เช่าได้แล้วละคันนี้ เลยกลัวว่าจะเอารถไม่อยู่พาคุณแม่ล้ม เดินเข้าหมู่บ้านแค่นิดเดียวเองปลอดภัยกว่า
>> ก่อนเข้าหมู่บ้านเราก็ไม่ลืมที่จะเช็คอินกับป้ายทางเข้ากันก่อนนะ คุณแม่
>> พอเดินลงมาจากถนนหมายเลข 1009 ก็มีสะพานข้ามลำธาร ( แม่กลาง) ที่ไหลมาจากน้ำตกด้านบน ที่น้ำแบบไหลแรง และสีค่อนข้างเข้ม แล้วเราก็มาพบกับน้องหมาน้อย 2 ตัว ตรงทางเข้าหมู่บ้าน แต่ไม่เห็นแม่หมานะ ซึ่งน้องก็วิ่งมาหาเราเลย ก่อนที่จะตามเราไปทุกทีเลย
>> นาข้าวตอนนี้ยังมีความเขียว ตัดกับสีท้องฟ้าที่มีเมฆสวยงามมากๆ บวกกับรวงข้าวเมล็ดเล็กๆ ที่ไม่เหมือนที่บ้านผมเลยออกรวงแต่ทุ่งสวยงามมากๆ
>> ถึงแม้จะเป็นแค่วิวนาข้าวทั่วไป แต่ก็ทำให้ผมกับแม่ประทับใจมาก อาจเพราะที่บ้านไม่มีนาข้าวแบบขั้นบันไดให้เห็น และต้นข้าวงามๆ แบบนี้ เพราะที่บ้านผมบอกได้ว่า "ในน้ำก็แทบไม่มีปลา ในนามีแต่หญ้า" 555 ผมกับแม่นี่ถ่ายภาพกันเพลินเลย
>> อันที่จริงพอข้ามลำธารมาเลี้ยวตามถนนไปทางขวามือก็เป็นถนนเข้าไปโฮมสเตรย์ และที่พัก แต่ผมกับแม่เดินลุยตัดผ่านทุ่งนากันเลย จนเข้ามาถึงโฮสเตรย์ที่อยู่ตัดทุ่งนาเลย แบบโฮมสเตรย์จุดนี้น่ามาพักมาก เพราะอยู่ไกลจากที่อื่นที่ค่อนข้างหนาแน่น ให้ความเงียบสงบ นอนฟังเสียงกบเสียงเขียดได้เลย แต่ถนนเข้ามาก็ออกจะเละๆ แฉะๆ หน่อย
>> อารมณ์ดีเลยนะคุณแม่ ได้มาเห็นนาข้าวงามๆ
>> บ้านหลังสุดท้ายคือ บรรยากาศดีสุด มีที่นั่งหน้าบ้านดีเลย ถ้าได้นั่งกินหมูกระทะฟังตอนเย็นๆ คงได้ฟิวมากๆ ไม่รู้กลางคืนมียุงไหมนะ
>> มาเดินตามถนนขึ้นไปดูด้านบนๆ กัน จะว่าไปก็มีบ้านพักหลายหลังเลยนะ แต่ด้านบนก็จะดูหนาแน่นหน่อย มีแปลงดอกไม้ด้วย หน้าหนาวคงมีดอกไม้สวยๆ ให้ดูเต็มเลย
>> ไหนดีใจหน่อยครับคุณแม่ สดชื่นๆๆๆๆๆ
>> เจ้าหมาน้อย 2 ตัวก็ยังตามเราอย่างไม่ลดละเช่นเคย อ้าวทำไหมอีกตัวเปลี่ยนไป นี่ไม่ใช่ตัวเดิมนี่นา น้องตัวสีเข้มหน้ามอมมาจากไหน แล้วตัวเดิมหายไปไหนละเนี้ย
>> เราต้องจากกันแล้วนะเจ้าหมาน้อย ขอบคุณที่เป็นไกด์พาเดินเที่ยวทุ่งนา น้องหมายังจะตามผมไปอีก ผมเลยต้องรีบวิ่งหนีจากจุดที่เจอน้องตอนแรก เพราะถ้าตามไปเดี๋ยวรถชน ไม่รู้บ้านหลังไหนที่เป็นเจ้าของหมา ชอบความน่ารักของเหล่าน้องหมาทั้ง 3 ตัวเลย ถ้าเอารถยนต์มา หรือบ้านเราอยู่แถวนั่นจะขอไปเลี้ยงเลย ทุกวันนี้พอนึกถึงบ้านแม่กลางหลวงสิ่งแรกที่ผมนึกถึงก็คือ น้องหมา 3 ตัว แต่ตอนนี้คงตัวโต และจำผมไม่ได้แล้วละ
>> เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับบรรยากาศแม่กลางหลวง สำหรับใครที่ชมบรรยากาศท้องทุ่ง วิถีสโลไลฟ์ ที่นี่ผมก็ว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมาใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุด สำหรับช่วงเวลาของนาข้าวก็จะประมาณนี้นะครับ
>> เริ่มทำนา ดำนา ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม, ข้าวออกรวง ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม, ข้าวรวงเหลือง และเกี่ยวข้าว ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม อันนี้ก็ขึ้นว่าชอบแบบไหนนะครับ
>> การเดินทาง: ขับรถตามถนนหมายเลข 108 ที่มาจากตัวเมืองเชียงใหม่ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 1009 เส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ ระยะทางประมาณ 33 กิโลเมตร ก็จะเป็นป้ายทางเข้าหมู่บ้านทางซ้ายมือ
>> The End <<
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้