บรรยากาศหนาวเย็นในช่วงนี้ชวนให้นึกถึงความหนาวเย็นบนยอดดอยอินทนนท์ที่เพิ่งไปสัมผัสมาเมื่อเดือนที่แล้ว อากาศช่างหนาวเหน็บสุดใจ โดยกระทู้ในตอนนี้จะมาเล่าประสบการณ์เดินทางในทริปล่าสุดกันต่อที่ผมไปเที่ยวเชียงใหม่และเมืองลี้มา 8 วัน ซึ่งตอนนี้จะเป็นการไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวบนดอยอินทนนท์ ย่านแม่แจ่มและฮอดในวันที่ 4 - 5 ของทริปนี้ครับ ก่อนอื่นไปดูกำหนดการเที่ยวของผมในทริปนี้กันก่อนเลย
วันแรก : เดินทางไปเชียงใหม่ เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง
วันที่ 2 : เที่ยวย่านอำเภอแม่แตง
วันที่ 3 : เที่ยวขุนแปะ และน้ำตกบริเวณทางขึ้นดอยอินทนนท์
วันที่ 4 : เที่ยวดอยอินทนนท์
วันที่ 5 : เที่ยวย่านแม่แจ่มและฮอด
วันที่ 6 : เที่ยวย่านเมืองลี้
วันที่ 7 : เที่ยวย่านแม่ริม และเก็บตกขากลับ
วันที่ 8 : เที่ยวห้วยตึงเฒ่า และเดินทางกลับ
วันที่ 4 : เที่ยวดอยอินทนนท์
เช้านี้ตื่นตี 5 เพื่อขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากที่พักฝ่าความมืดและความหนาวเย็นไปบนยอดดอยอินทนนท์ เพื่อไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นตรงถนนหน้าทางเข้ากิ่วแม่ปาน จุดชมวิวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนมาเยือนกันแน่นถนัดตา

แม้วันที่ผมไปชมจะเป็นวันธรรมดา ไม่ใช่วันหยุดหรือเทศกาลอะไร แต่จุดชมวิวนี้ไม่เคยร้างราผู้คนเลย นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ขึ้นมาเที่ยวบนดอยอินทนนท์ต่างจับจองพื้นที่ถ่ายรูปวิวพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นอยู่ริมไหล่ทาง


บริเวณจุดชมวิวทางเข้ากิ่วแม่ปานนี้มีร้านค้าหลายร้านวางของขายมากมาย พวกซาลาเปา หมั่นโถว ข้าวต้ม อาหารตามสั่ง และเครื่องดื่มมากมายเรียกว่ามาถึงจุดนี้เลยไม่ต้องกลัวอดอาหารเช้า แต่ราคาก็จะสูงกว่าด้านล่างอยู่เป็นธรรมดานะครับ
ตอนแรกหลังชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเสร็จแล้วกะว่าจะเดินไปกิ่วแม่ปานสักหน่อย แต่เห็นปริมาณนักท่องเที่ยวที่ต่อแถวรอขึ้นแล้ว ขี้เกียจรอ กลับไปเติมพลังอาหารเช้าที่ที่พักของเราดีกว่า อากาศเย็นอย่างงี้ไม่อยากทำอะไรเลยอยากนอนสลบสักแป๊บในฐานที่ตื่นเช้าไป

หลังจากนอนกลิ้งจนเพลินบนเตียงแล้ว คนพร้อมคอสซูมพร้อมก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปนั่นคือ
สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไรนัก
การเข้าชมสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์สามารถนำรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ขี่ลัดเลาะเข้าไปชมแปลงเกษตรที่ปลูกผักและไม้ดอกเมืองหนาวได้เลย ซึ่งเราจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท สวนไม้ดอกเมืองหนาวที่นี่ผมว่ายังไม่อลังการและเด่นเท่าที่ดอยอ่างขางนะครับ ผมถ่ายรูปได้แป๊บ ๆ ก็ขี่รถออกมาแล้ว ดูไม่ค่อยมีอะไรดึงดูดใจให้น่าถ่ายรูปสักเท่าไหร่
จากสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์จะมีถนนไปยังน้ำตกสิริภูมิ น้ำตกที่ตกมาจากบนดอยที่เราเห็นเป็นฉากหลังของสถานีเกษตรหลวงนั่นแหละ แต่มุมที่ถ่ายน้ำตกนี้ได้สวยต้องเป็นมุมไกล มุมสนามหญ้าหน้าบ้านพักใกล้ ๆ สถานีเกษตรหลวงนั่นเลยงานดี
ถ่ายรูปมุมไกลของน้ำตกสิริภูมิแล้ว ผมก็ขี่รถไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านขุนกลาง
โดย
น้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือ
น้ำตกรักจัง เราจะต้องเดินทางด้วยเท้าเดินป่าเข้าไปยังน้ำตกระยะทางประมาณไปกลับก็ 3 กิโลเมตรได้ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมเดินเป็นวงรอบเริ่มจากทางเข้าน้ำตกบริเวณใกล้บ้านขุนกลางไปชมน้ำตกแล้วเดินลงต่อไปออกที่บ้านแม่กลางหลวงกันต่อ เพราะเส้นทางเดินลงเขาจากบ้านขุนกลางไปยังน้ำตกเป็นทางลงเขาตลอดและชัน ผมเดินย้อนกลับทางเดิมยังเหนื่อยเลยต้องแวะพักกันหลายรอบ
การเข้าชมน้ำตกแห่งนี้เราจำเป็นต้องมีไกด์ท้องถิ่นคือ พวกชาวเขานำทางนะครับ โดยบริเวณจุดทางเดินเข้าน้ำตกด้านหน้าใกล้กับบ้าน
ขุนกลางจะมีเต้นท์กางอยู่ชัดเจน มีรถนักท่องเที่ยวจอดเรียงรายกันอยู่มากมายเป็นจุดสังเกตได้ดี จากจุดนี้เราต้องลงทะเบียนเข้าชมและเสียค่าไกด์นำทางรู้สึกว่าจะคณะละ 400 บาทนะ พอดีผมลืมไปแล้วไม่แน่ใจใช่รึเปล่า
น้ำตกผาดอกเสี้ยวมีทั้งหมด 7 ชั้น จากจุดนี้เราจะไต่ความสูงจากชี้นบนสุดลงมาก่อน แล้วค่อย ๆ ลงมาทีละชั้น
น้ำตกตกลดหลั่นลงมาบนลานหิน ชั้นบน ๆ จะไม่ได้สูงเท่าชั้นล่าง ๆ นะครับ ทางเดินจะลัดเลาะริมน้ำตกลงไปทีละชั้น เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยวของที่นี่เป็นเส้นทางเดินชมป่าระยะสั้นที่ขายดีอีกเส้นทางหนึ่งไปแพ้ทางเดินไปกิ่วแม่ปาน ผมเห็นจะมีนักท่องเที่ยวฝรั่งและเกาหลีใต้ชอบมาเดินกันนะครับ บางส่วนมาเองบางส่วนมากับกรุ๊ปทัวร์ที่มาจากเชียงใหม่
ชั้นยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปน้ำตกจะเป็นชั้นล่างนะครับที่จะมีราวสะพานไม้ทอดพาดผ่านหน้าน้ำตกเลย จุดนี้เป็นมุมมหาชนที่เคยเป็นฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องรักจังมาแล้ว เป็นมุมที่สวยของน้ำตกเลยนะครับ ผมเองก็ไม่พลาดเช่นกันให้ไกด์ส่วนตัวเราเล็งถ่ายภาพให้ไปหลายแชะ รู้สึกไกด์ท้องถิ่นเราจะรู้มุมกล้องดีคงช่ำชองการถ่ายภาพจุดนี้แล้ว จึงรู้ว่าตัวเองต้องยืนถ่ายจุดไหน เราต้องยืนตรงไหนถ่ายจึงจะสวย
เสร็จจากการเที่ยวชมน้ำตกผาดอกเสี้ยวแล้ว ผมก็ขี่รถลงดอยไปเที่ยวชมน้ำตกรายทางต่อ น้ำตกต่อไปที่ขี่รถไปชมคือ
น้ำตกวชิรธาร
น้ำตกวชิรธารเป็นอีกน้ำตกงามแห่งหนึ่งบนดอยอินทนนท์ที่ควรแวะมาชมนะครับ ทางเข้าน้ำตกเข้ามาจากถนนหลักไม่ลึกใกล้มาก โดยทางแยกเข้าจะอยู่ทางซ้ายมือถ้าเราขี่รถลงมาจากบนยอดดอย
ยิ่งมาชมน้ำตกในช่วงต้นฤดูหนาวยามนี้น้ำใสไหลแรงถูกใจผมจริง ๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่งก็มาชมน้ำตกแห่งนี้กันมาก แสดงให้เห็นว่าน้ำตกแห่งนี้มีชื่อเสียงได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติกันมากแล้ว น้ำตกแห่งนี้ครั้งก่อน ๆ ที่ผมเคยมาชม 2 ครั้งก็ 15 ปี และ 20 ปีที่แล้ว ยังไม่เคยเจอนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวกันเลย เจอแต่คนไทยนะครับ อย่างงี้ก็เป็นดัชนีชี้วัดว่า ดอยอินทนน์เป็นหนึ่งในแลนมาร์คที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มให้ความสนใจ เพราะความสวยงามของธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์และการเดินทางที่สะดวกสบายไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปเช้ากลับเย็นได้สบาย ๆ จึงตอบโจทย์การท่องเที่ยวอีกหนึ่งวันของเมืองเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี
ต่อมาผมขี่รถไปชม
น้ำตกสิริธาร อีกหนึ่งน้ำตกงามที่อยู่ใกล้กับน้ำตกวชิรธาร
จากจุดจอดรถริมถนนหลักเดินตามบันไดลงมาไม่ไกลก็จะถึงน้ำตกสิริธาร เป็นน้ำตกขนาดกลางที่ตกจากหน้าผาสูง แต่เราไม่สามารถเข้าไปน้ำตกใกล้ ๆ ได้นะครับ ทางอุทยานเค้าทำเป็นระเบียงยื่นไปในการชมวิวน้ำตก การชมน้ำตกได้มุมไกลเลยทำให้น้ำตกแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาชมกันน้อยกว่าน้ำตกวชิรธารเมื่อกี้นี้
ต่อมาผมขี่รถไปชม
นาข้าวที่บ้านแม่กลางหลวง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกสิริธาร
บ้านแม่กลางหลวงเป็นหมู่บ้านชุมชนชาวเขาอีกแห่งบนดอยอินทนนท์ ที่หมู่บ้านแห่งนี้นอกจากจะโด่งดังเรื่องนาข้าวแล้วยังมีที่พักให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วย
ผมมาชมนาข้าวที่บ้านแม่กลางหลวงในช่วงต้นพฤศจิกายน ข้าวในท้องนากำลังเก็บเกี่ยวแล้ว บางนาก็เกี่ยวข้าวไปแล้วเหลือแต่ตอข้าว ทำให้วิวที่เห็นกลายเป็นท้องนาสีเหลืองไปหมด ดูแล้วก็สวยไปอีกแบบแตกต่างจากนาข้าวสีเขียวชอุ่มช่วงฤดูฝนไปเลย
แม้นาข้าวจะได้รับการเก็บเกี่ยวจนเหลือเพียงตอข้าวสีเหลืองอร่ามทั่วท้องทุ่ง แต่ก็ยังมีกรุ๊ปทัวร์พานักท่องเที่ยวต่างชาติมาถ่ายรูปแวะชมที่นี่กันอยู่ ตอนผมไปชมก็เห็นกลุ่มนักท่องเทื่ยวชาวจีนแวะมาชมนาข้าวที่นี่กันโดยมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่พวกเค้าชอบแค่ประเดี๋ยวประด๋าวก็ออกไป
ตระเวนเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเชียงใหม่ต่อเมืองลี้ ตอนที่ 2
บรรยากาศหนาวเย็นในช่วงนี้ชวนให้นึกถึงความหนาวเย็นบนยอดดอยอินทนนท์ที่เพิ่งไปสัมผัสมาเมื่อเดือนที่แล้ว อากาศช่างหนาวเหน็บสุดใจ โดยกระทู้ในตอนนี้จะมาเล่าประสบการณ์เดินทางในทริปล่าสุดกันต่อที่ผมไปเที่ยวเชียงใหม่และเมืองลี้มา 8 วัน ซึ่งตอนนี้จะเป็นการไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวบนดอยอินทนนท์ ย่านแม่แจ่มและฮอดในวันที่ 4 - 5 ของทริปนี้ครับ ก่อนอื่นไปดูกำหนดการเที่ยวของผมในทริปนี้กันก่อนเลย
วันแรก : เดินทางไปเชียงใหม่ เที่ยวย่านตัวเมืองเชียงใหม่และสันกำแพง
วันที่ 2 : เที่ยวย่านอำเภอแม่แตง
วันที่ 3 : เที่ยวขุนแปะ และน้ำตกบริเวณทางขึ้นดอยอินทนนท์
วันที่ 4 : เที่ยวดอยอินทนนท์
วันที่ 5 : เที่ยวย่านแม่แจ่มและฮอด
วันที่ 6 : เที่ยวย่านเมืองลี้
วันที่ 7 : เที่ยวย่านแม่ริม และเก็บตกขากลับ
วันที่ 8 : เที่ยวห้วยตึงเฒ่า และเดินทางกลับ
วันที่ 4 : เที่ยวดอยอินทนนท์
เช้านี้ตื่นตี 5 เพื่อขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากที่พักฝ่าความมืดและความหนาวเย็นไปบนยอดดอยอินทนนท์ เพื่อไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นตรงถนนหน้าทางเข้ากิ่วแม่ปาน จุดชมวิวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนมาเยือนกันแน่นถนัดตา
แม้วันที่ผมไปชมจะเป็นวันธรรมดา ไม่ใช่วันหยุดหรือเทศกาลอะไร แต่จุดชมวิวนี้ไม่เคยร้างราผู้คนเลย นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ขึ้นมาเที่ยวบนดอยอินทนนท์ต่างจับจองพื้นที่ถ่ายรูปวิวพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นอยู่ริมไหล่ทาง
บริเวณจุดชมวิวทางเข้ากิ่วแม่ปานนี้มีร้านค้าหลายร้านวางของขายมากมาย พวกซาลาเปา หมั่นโถว ข้าวต้ม อาหารตามสั่ง และเครื่องดื่มมากมายเรียกว่ามาถึงจุดนี้เลยไม่ต้องกลัวอดอาหารเช้า แต่ราคาก็จะสูงกว่าด้านล่างอยู่เป็นธรรมดานะครับ
ตอนแรกหลังชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเสร็จแล้วกะว่าจะเดินไปกิ่วแม่ปานสักหน่อย แต่เห็นปริมาณนักท่องเที่ยวที่ต่อแถวรอขึ้นแล้ว ขี้เกียจรอ กลับไปเติมพลังอาหารเช้าที่ที่พักของเราดีกว่า อากาศเย็นอย่างงี้ไม่อยากทำอะไรเลยอยากนอนสลบสักแป๊บในฐานที่ตื่นเช้าไป
หลังจากนอนกลิ้งจนเพลินบนเตียงแล้ว คนพร้อมคอสซูมพร้อมก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปนั่นคือ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไรนัก
การเข้าชมสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์สามารถนำรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ขี่ลัดเลาะเข้าไปชมแปลงเกษตรที่ปลูกผักและไม้ดอกเมืองหนาวได้เลย ซึ่งเราจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท สวนไม้ดอกเมืองหนาวที่นี่ผมว่ายังไม่อลังการและเด่นเท่าที่ดอยอ่างขางนะครับ ผมถ่ายรูปได้แป๊บ ๆ ก็ขี่รถออกมาแล้ว ดูไม่ค่อยมีอะไรดึงดูดใจให้น่าถ่ายรูปสักเท่าไหร่
จากสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์จะมีถนนไปยังน้ำตกสิริภูมิ น้ำตกที่ตกมาจากบนดอยที่เราเห็นเป็นฉากหลังของสถานีเกษตรหลวงนั่นแหละ แต่มุมที่ถ่ายน้ำตกนี้ได้สวยต้องเป็นมุมไกล มุมสนามหญ้าหน้าบ้านพักใกล้ ๆ สถานีเกษตรหลวงนั่นเลยงานดี
ถ่ายรูปมุมไกลของน้ำตกสิริภูมิแล้ว ผมก็ขี่รถไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านขุนกลาง
โดย น้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือ น้ำตกรักจัง เราจะต้องเดินทางด้วยเท้าเดินป่าเข้าไปยังน้ำตกระยะทางประมาณไปกลับก็ 3 กิโลเมตรได้ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมเดินเป็นวงรอบเริ่มจากทางเข้าน้ำตกบริเวณใกล้บ้านขุนกลางไปชมน้ำตกแล้วเดินลงต่อไปออกที่บ้านแม่กลางหลวงกันต่อ เพราะเส้นทางเดินลงเขาจากบ้านขุนกลางไปยังน้ำตกเป็นทางลงเขาตลอดและชัน ผมเดินย้อนกลับทางเดิมยังเหนื่อยเลยต้องแวะพักกันหลายรอบ
การเข้าชมน้ำตกแห่งนี้เราจำเป็นต้องมีไกด์ท้องถิ่นคือ พวกชาวเขานำทางนะครับ โดยบริเวณจุดทางเดินเข้าน้ำตกด้านหน้าใกล้กับบ้าน
ขุนกลางจะมีเต้นท์กางอยู่ชัดเจน มีรถนักท่องเที่ยวจอดเรียงรายกันอยู่มากมายเป็นจุดสังเกตได้ดี จากจุดนี้เราต้องลงทะเบียนเข้าชมและเสียค่าไกด์นำทางรู้สึกว่าจะคณะละ 400 บาทนะ พอดีผมลืมไปแล้วไม่แน่ใจใช่รึเปล่า
น้ำตกผาดอกเสี้ยวมีทั้งหมด 7 ชั้น จากจุดนี้เราจะไต่ความสูงจากชี้นบนสุดลงมาก่อน แล้วค่อย ๆ ลงมาทีละชั้น
น้ำตกตกลดหลั่นลงมาบนลานหิน ชั้นบน ๆ จะไม่ได้สูงเท่าชั้นล่าง ๆ นะครับ ทางเดินจะลัดเลาะริมน้ำตกลงไปทีละชั้น เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยวของที่นี่เป็นเส้นทางเดินชมป่าระยะสั้นที่ขายดีอีกเส้นทางหนึ่งไปแพ้ทางเดินไปกิ่วแม่ปาน ผมเห็นจะมีนักท่องเที่ยวฝรั่งและเกาหลีใต้ชอบมาเดินกันนะครับ บางส่วนมาเองบางส่วนมากับกรุ๊ปทัวร์ที่มาจากเชียงใหม่
ชั้นยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปน้ำตกจะเป็นชั้นล่างนะครับที่จะมีราวสะพานไม้ทอดพาดผ่านหน้าน้ำตกเลย จุดนี้เป็นมุมมหาชนที่เคยเป็นฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องรักจังมาแล้ว เป็นมุมที่สวยของน้ำตกเลยนะครับ ผมเองก็ไม่พลาดเช่นกันให้ไกด์ส่วนตัวเราเล็งถ่ายภาพให้ไปหลายแชะ รู้สึกไกด์ท้องถิ่นเราจะรู้มุมกล้องดีคงช่ำชองการถ่ายภาพจุดนี้แล้ว จึงรู้ว่าตัวเองต้องยืนถ่ายจุดไหน เราต้องยืนตรงไหนถ่ายจึงจะสวย
เสร็จจากการเที่ยวชมน้ำตกผาดอกเสี้ยวแล้ว ผมก็ขี่รถลงดอยไปเที่ยวชมน้ำตกรายทางต่อ น้ำตกต่อไปที่ขี่รถไปชมคือ น้ำตกวชิรธาร
น้ำตกวชิรธารเป็นอีกน้ำตกงามแห่งหนึ่งบนดอยอินทนนท์ที่ควรแวะมาชมนะครับ ทางเข้าน้ำตกเข้ามาจากถนนหลักไม่ลึกใกล้มาก โดยทางแยกเข้าจะอยู่ทางซ้ายมือถ้าเราขี่รถลงมาจากบนยอดดอย
ยิ่งมาชมน้ำตกในช่วงต้นฤดูหนาวยามนี้น้ำใสไหลแรงถูกใจผมจริง ๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่งก็มาชมน้ำตกแห่งนี้กันมาก แสดงให้เห็นว่าน้ำตกแห่งนี้มีชื่อเสียงได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติกันมากแล้ว น้ำตกแห่งนี้ครั้งก่อน ๆ ที่ผมเคยมาชม 2 ครั้งก็ 15 ปี และ 20 ปีที่แล้ว ยังไม่เคยเจอนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวกันเลย เจอแต่คนไทยนะครับ อย่างงี้ก็เป็นดัชนีชี้วัดว่า ดอยอินทนน์เป็นหนึ่งในแลนมาร์คที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มให้ความสนใจ เพราะความสวยงามของธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์และการเดินทางที่สะดวกสบายไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปเช้ากลับเย็นได้สบาย ๆ จึงตอบโจทย์การท่องเที่ยวอีกหนึ่งวันของเมืองเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี
ต่อมาผมขี่รถไปชม น้ำตกสิริธาร อีกหนึ่งน้ำตกงามที่อยู่ใกล้กับน้ำตกวชิรธาร
จากจุดจอดรถริมถนนหลักเดินตามบันไดลงมาไม่ไกลก็จะถึงน้ำตกสิริธาร เป็นน้ำตกขนาดกลางที่ตกจากหน้าผาสูง แต่เราไม่สามารถเข้าไปน้ำตกใกล้ ๆ ได้นะครับ ทางอุทยานเค้าทำเป็นระเบียงยื่นไปในการชมวิวน้ำตก การชมน้ำตกได้มุมไกลเลยทำให้น้ำตกแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาชมกันน้อยกว่าน้ำตกวชิรธารเมื่อกี้นี้
ต่อมาผมขี่รถไปชม นาข้าวที่บ้านแม่กลางหลวง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกสิริธาร
บ้านแม่กลางหลวงเป็นหมู่บ้านชุมชนชาวเขาอีกแห่งบนดอยอินทนนท์ ที่หมู่บ้านแห่งนี้นอกจากจะโด่งดังเรื่องนาข้าวแล้วยังมีที่พักให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วย
ผมมาชมนาข้าวที่บ้านแม่กลางหลวงในช่วงต้นพฤศจิกายน ข้าวในท้องนากำลังเก็บเกี่ยวแล้ว บางนาก็เกี่ยวข้าวไปแล้วเหลือแต่ตอข้าว ทำให้วิวที่เห็นกลายเป็นท้องนาสีเหลืองไปหมด ดูแล้วก็สวยไปอีกแบบแตกต่างจากนาข้าวสีเขียวชอุ่มช่วงฤดูฝนไปเลย
แม้นาข้าวจะได้รับการเก็บเกี่ยวจนเหลือเพียงตอข้าวสีเหลืองอร่ามทั่วท้องทุ่ง แต่ก็ยังมีกรุ๊ปทัวร์พานักท่องเที่ยวต่างชาติมาถ่ายรูปแวะชมที่นี่กันอยู่ ตอนผมไปชมก็เห็นกลุ่มนักท่องเทื่ยวชาวจีนแวะมาชมนาข้าวที่นี่กันโดยมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่พวกเค้าชอบแค่ประเดี๋ยวประด๋าวก็ออกไป