"ประจำเดือน" เป็นเรื่องปกติในชีวิตของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ แต่ถ้ามันมาไม่ปกติ นั่นอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือโรค PCOS ที่พบได้บ่อย และอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว

ประจำเดือนมาไม่ปกติคืออะไร?
ตามปกติแล้ว รอบเดือนของผู้หญิงจะอยู่ที่ประมาณ 28 วัน (อาจเร็วหรือช้ากว่านี้เล็กน้อย) หากมีความผิดปกติ เช่น ประจำเดือนขาด ห่าง มามาก มาน้อย หรือมาแบบไม่สม่ำเสมอ นั่นถือว่าผิดปกติ และควรสังเกตสัญญาณเหล่านี้อย่างใกล้ชิด

สาเหตุของประจำเดือนมาไม่ปกติ
ความเครียด: ส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายเสียสมดุล
การใช้ยาคุมกำเนิด: โดยเฉพาะชนิดฮอร์โมนเดี่ยว
ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล: เช่น โรค PCOS หรือปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์
น้ำหนักตัวผิดปกติ: ทั้งน้ำหนักน้อยเกินไปหรือมากเกินไป
เนื้องอกในมดลูก: อาจทำให้ประจำเดือนมามากกว่าปกติ
พฤติกรรมการใช้ชีวิต: เช่น การออกกำลังกายหนักเกินไป หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ

แบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์?
- ประจำเดือนขาดติดต่อกัน 3 รอบเดือน
- มีเลือดออกผิดปกติ เช่น มามากเกิน 7 วัน หรือมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่
- รอบเดือนห่างกันเกิน 35 วัน หรือใกล้กันน้อยกว่า 21 วัน
- มีเลือดออกหลังเข้าสู่วัยทอง

การตรวจและรักษา
หากประจำเดือนมาไม่ปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ เช่น การอัลตราซาวด์ หรือการตรวจภายใน เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม เช่น
- การปรับสมดุลฮอร์โมน
- การใช้ยาคุมกำเนิด
- การผ่าตัดในกรณีที่มีเนื้องอก
- การดูแลตัวเองและป้องกัน
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ออกกำลังกายอย่างพอดี
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อความมั่นใจ

อย่ามองข้ามประจำเดือนที่มาไม่ปกติ เพราะมันอาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นสัญญาณเตือนของสุขภาพที่ควรใส่ใจ หากมีข้อสงสัยหรือพบความผิดปกติ 
ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต!

อ่านเพิ่มเติม ที่ HDcare blog