เล่าประสบการณ์และรีวิวการเรียกสินไหมทดแทน บริษัทธนชาตประกันภัย

**ยุ่งยาก งุนงง และลูกเล่นเยอะ**

เริ่มต้นที่ถูกรถชน
ปีที่แล้ว Mazda 2 เราถูกชนระหว่างจอดรอเลี้ยวที่เกาะกลางถนน รถเรากระเด้นเกาะกลางข้ามไปชนกับฟุตบาตอีกฝั่ง
สภาพการชนคือแรงมาก ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันไม่มีเบรกเลยแน่ๆ รถยุบตั้งแต่ประโปรงท้ายไปถึงล้อหลัง

ส่วนสภาพเราหลังชนคือเจ็บ ตอนที่ชนมันชนแรง และขาเรามันไปกระแทกกับคอนโซล และเข่าเราก็รับแรงกระแทกเต็มๆ
แต่ที่มากกว่าเจ็บคือช็อค ไม่รู้จะเอาไงต่อ ก็ได้แต่เรียกประกันมา ประกันเราคือกรุงเทพ ประกันคู่กรณีคือธนชาต
ซึ่งประกันทั้งสองฝ่ายก็ทำหน้าที่ ดูสภาพรถและก็ตกลงกันแบบงงๆ ไอ้เราก็ช็อคอยู่ เพิ่งเคยเจอชนหนักครั้งแรกก็ว่าตามประกันเราไป
สรุปวันนั้นคือก็เซ็นเอกสารเคลมไป รถเราก็ต้องให้รถมายก ไปเข้าอู่ตามที่ตกลงกัน ส่วนเราก็ถูกส่งไปเข้าโรงพยาบาล 2 คืน
ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งความใดๆ ทั้งสิ้น เพิ่งมารู้ภายหลังว่าจริงๆ ถ้าบาดเจ็บจะต้องแจ้งความไว้ จึงมาแจ้งภายหลัง

การตรวจสอบทรัพย์สินเสียหาย
หลังจากออกจาก รพ. เราก็ไปที่อู่เพื่อพูดคุยรายละเอียดการซ่อมกับอู่ และตรวจสอบทรัพย์สินที่เสียหายในรถ
ซึ่งความบัดสบก็เริ่มต้นขึ้นตอนนี้ ในวันนั้นคือ จนท.ธนชาต ไปตรวจสอบด้วย
เพราะก่อนหน้าที่จะไป เราก็โทรไปคุยกับธนชาตแบบตรงไปตรงมาก่อนแล้วว่าเราจะไปตรวจสอบทรัพย์สินนะ
คือเราก็อยากให้เขาชัดเจนว่าเรามีของเสียหายจริงๆ ในรถ และหลายๆ อย่างมันก็มีมูลค่าและคิดว่าทางธนชาตจะต้องชดเชยให้

ทีนี้ในวันที่ตรวจสอบทรัพย์สิน ด้วยสภาพเราก็คือยังเดี้ยงอยู่ คือยังเดินกะเผลก
แต่สภาพวันนั้นคือ เราต้องมุดเข้าไปเอาของในรถออกมาทีละชิ้นๆ เป็นสิบๆ ชิ้น
ในขณะที่ จนท.ธนชาต น่าจะยืนถ่ายรูปถ่ายดูเราอีกที และก็ถ่ายทรัพย์สินที่เราเอาออกมา แล้วก็ถามเราอยู่เรื่อยๆ ว่าหมดยัง
ไอ้ความที่เราก็ยังเจ็บอยู่ ก็เริ่มหงุดหงิดละ เหมือนเรามาทำอะไรก็ไม่รู้ โดยที่เราก็ไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย
กลับต้องมาโดนถ่ายรูปและถามเหมือนเป็นผู้ต้องหาอะไรสักอย่าง แต่อีกใจก็นะ เขาก็คงต้องทำตามขั้นตอนบริษัทเขา

หลังจากใช้เวลาไปนานพอสมควร ก็เอาของออกมาหมด และก็มายืนคุยเกี่ยวกับทรัพย์สินกัน
จนท.ธนชาต ก็ให้เราแยกทรัพย์สิน อันไหนจะขอชดเชยก็ให้แยกออกมา
ไอ้เราก็แบบใจดี อันไหนที่เสียหายและมีมูลค่าหน่อยก็แยกออกไปให้เขาชดเชย อันไหนที่มันไม่ค่อยมีมูลค่าก็แยกออกมาไม่เรียก
แต่พอแยกไปเสร็จ สรุปว่า จนท.ธนชาต ไม่ให้เคลมเพียบ บางอย่างบอกว่า "ดูแล้วไม่ได้เป็นเพราะสาเหตุจากรถชน"
น่าจะมีรองเท้า 3 คู่ ที่ตอนแรกไม่ให้ เป็นรองเท้าบอล 1 รองเท้าวิ่ง 1 รองเท้าบูธ 1
และบางอันก็บอกว่ายังใช้ได้ เช่น เก้าอี้เต้นท์ ไม้แบต อะไรทำนองนี้ ยอมรับว่าตอนนี้คือโมโหมาก
คือเราไม่ได้เรียกอะไรเยอะเลย ของที่แยกออกไปจากกองเรียกค่าชดเชยมันเยอะยิบย่อยกว่านี้ด้วยซ้ำ
แต่กลับโดนเล่นแง่อะไรแบบนี้ ก็ยืนเถียงกันพักนึง เราก็ชี้ให้เห็นลอยชัดๆ ว่ามันเสียหายจริงๆ
สุดท้ายก็ได้มาบางส่วน จนเราที่แบบร่างกายก็ยังไม่โอเค ต้องมาเจอโมเม้นท์เสียสุขภาพจิตแบบนี้อีก ก็คือพอกันที ได้เท่าที่ได้

การซ่อมรถ
ทีนี้มาดูที่เรื่องซ่อมรถกันบ้าง โดยสรุปคือรถเราต้องถูกผ่าตัดต่อตัวรถ เชื่อมตัวถังให้กลับมาวิ่งได้ 
อู่บอกว่าด้วยความที่มันยุบไปเยอะ ดึงออกมาไม่ได้ก็ไม่แข็งไม่เหมือนเดิม สู่ตัดต่อใหม่ไปเลยดีกว่า
ตอนนั้นคือใจสลายแล้ว ใช้รถมา 7 ปี ไม่เคยชนหนักเลยสักครั้ง มาเจอรอบนี้คือตัดต่อตัวรถเลย ก็คือหนักมาก!
รถใช้เวลาซ่อม 59 วัน ระหว่างซ่อมก็มีแวะเข้าไปดูเรื่อยๆ ถ่ายรูปมาเป็นหลักฐานในการยืนเรียกสินไหม

การยื่นเรียกสินไหม
หลังจากได้รับรถกลับมา จากข้อมูลที่หามาได้คือ การจะยื่นเรียกสินไหมกับธนชาต
ถ้าเราจะยื่นและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราต้องไปยื่นที่สำนักงานใหญ่ ในเวลาทำการ จ-ศ เท่านั้น (ก็คือต้องลางานไป)
เราก็...เอาวะ เอาให้จบๆ ไป เราก็เตรียมเอกสารทุกอย่างไป ทั้งเอกสารการซ่อม ภาพถ่ายการซ่อม เอกสารชดเชยทรัพย์สิน
และใบรับรองแพทย์อีกราวๆ 18 ใบ ย้อนความนิดนึงว่าแม้จะออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว
เราก็ต้องไปรักษากายภาพและพอหมออยู่เรื่อยๆ เพราะอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุมันยังคงมีอยู่

การเข้าไปยื่นที่ธนชาตนี่คือ งงมาก คือเขาจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน 1) สินไหมทดแทนที่เกี่ยวกับตัวคน กับ 2) เกี่ยวกับรถ
แต่ประเด็นคือมันไม่มีป้ายบอกอะไรเลยว่าอันนี้เคาน์เตอร์นี้ยื่นอะไร แถม จนท.ธนชาต ก็ทำเหมือนว่าเราต้องรู้ระบบเขาซะอย่างนั้น
แถมวิธีการพูดจาของสินไหมฝั่งเกี่ยวกับรถนี่คืออิหยังวะมากๆ คือห้วนๆ เหมือนเรามาขอเงินมันฟรีๆ อ่ะ ทั้งๆ ที่เราคือคู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูกนะ
และที่สำคัญที่สุดคือ การให้ค่าสินไหมที่เล่นแง่ทุกข้อ ลดทุกอย่าง อ้างโน่นอ้างนี่ เหมือนกับว่าเป็นความผิดเรา เป็นความผิดอู่

สิ่งที่เรายื่นมีดังนี้
1) ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ 59 วัน พิจารณาให้ 45 วัน บอกสูงสุดแค่นี้ ที่เหลือเป็นเพราะขั้นตอนที่ล่าช้า ไม่อยู่ในเงื่อนไขการจ่าย
2) ค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน 14,000 พิจารณาให้ 10,000
3) ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ 18 วัน พิจารณาให้ 1 ใน 3
4) ค่าเสื่อราคารถ จากการตัดต่อตัวรถ 100,000 พิจารณาให้า 10,000
5) ค่าพลานามัยที่เราต้องรักษาตัวต่อเนื่อง 100,000 บอกว่าพิจารณาร่วมกับข้อ 3 แล้ว จึงไม่ให้

โดยสรุปวันนั้นก็คือ ถ้าเรารับก็น่าจะได้ราว 50,000 ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับราคาเสื่อมของรถที่ตกลงไป
คือก่อนหน้านี้เราเช็คมาแล้วว่าราคาตลาดรถเรามันอยู่ที่เราไร Mazda 2 Diesel ปีเดียวกัน ไมล์เท่ากัน มันอยู่ที่ราวๆ 350,000
แต่ตอนที่เราให้เต็นท์มาดู 3 เจ้า บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่รับ" และเจ้าที่ 4 ให้ราคาเต็มที่ที่ 170,000
คือจะขายให้ออกยังยากเลย แถมถ้าจะขายก็ลดไปเกินครึ่ง คือเรื่องนี้เรายิ้มเสียทุกอย่างอ่ะ ตอนนั้นคือโคตรจิตตกเลย
ใจนึงก็อยากให้เรื่องมันจบๆ ไปสักที Move on แต่อีกใจนึงก็คือแบบ มันไม่ได้อ่ะ เราไม่ผิดเลยนะเรื่องนี้ ก็เลยไปร้องต่อ คปภ.
ซึ่งตอนนี้เราก็ได้ไปไกล่เกลี่ยที่ คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) มาแล้ว 2 ครั้ง

การไกล่เกลี่ย ครั้งที่ 1
โดยสรุปในครั้งนี้เรายุติ 2 ข้อ
1) ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ได้มาเพิ่มอีก 5 วัน เป็น 50 วัน
2) ค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน ก็ตกลงที่ 10,000
คือมันอาจจะไม่ได้เท่า fact ที่มันเกิดขึ้น แต่เพราะมันใช้พลังในการไกล่เกลี่ยเยอะ
เราก็รู้สึกว่าเสียเวลาชีวิตกับตรงนี้มากแล้ว ก็เลยยุติ 2 ข้อนี้ไป ทีนี้เหลืออีก 3 ข้อที่จะไปต่อรอบที่ 2

การไกล่เกลี่ย ครั้งที่ 2
คราวนี้ก็ยุติอีก 2 ข้อ เหลือ 1 ข้อ
3, 5) ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ ที่พิจารณาเพิ่มขึ้นมาเป็นราวๆ 2 ใน 3 (เรายุติให้ว่าพิจารณาร่วมกัน)

ทีนี้มันเหลือข้อที่ 4) เรื่องค่าเสื่อมราคารถ ที่เขาไม่ยอมทำอะไรให้เลย ไม่คุยกับผู้บริหารให้ เอาแต่ยืนว่าได้ตัวเลขเท่าเดิม
ซึ่งถ้าจำกันได้เรื่องที่ธนชาตเขาแบ่งสินไหมเป็น 2 ส่วนอ่ะ คือตอนนี้ส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนมันจบหมดละ เหลือที่เกี่ยวกับรถ
และถ้าทุกคนเห็นจากเรื่องนี้ คือเราไม่ได้เรียกร้องอะไรเวอร์วังเลย และก็ยินดีไกล่เกลี่ยเสมอ
แม้ว่าตัวเลขมันจะไม่ได้ขยับขึ้นมามากมาย เราก็ยุติให้ แต่ขอให้ตัวเลขมัน make sense ขึ้นมาหน่อย

เพราะใจจริงแล้วเราอยากจบเรื่องนี้ ซึ่งเราก็เปิดธงกับ จนท.ธนชาต ตั้งแต่แรกเลย ว่าเราอยากจบ 
ไม่ได้อยากมาเปลืองเวลาเพิ่มเติม ไม่ได้ต้องการไปศาล เพราะมันเปลืองเวลาชีวิต
ซึ่งทาง จนท.ธนชาต ฝั่งสินไหมเรื่องคน เขาก็รับฟังและคุยกับผู้บริหารให้ คุยดีด้วย
เอาจริงๆ ถ้า จนท.ธนชาต คุยดีแบบนี้ทุกคนนะ เราคงเบนเข็มไปใช้ประกันธนชาตแล้ว

ทีนี้ฝั่ง จนท.ธนชาต ส่วนเรื่องรถนี่แหละที่ยังมีปัญหาอยู่ คือเนื่องจากการไกล่เกลี่ยครั้งที่ 2 เนี่ย เขาไม่ได้มาด้วย
เราก็ขอเบอร์ติดต่อโทรไปคุยกับเรา บอกธงเขาเหมือนกันกับบอก จนท. อีกคน 
เราอยากจบที่วันนี้ ไม่ได้อยากไปศาล เพราะมัน lose - lose บริษัทก็เสียเงิน ส่วนเราก็เสียเวลาเสียพลังงาน
และเราก็บอกว่า แทนที่จะไปทำอย่างนั้น ก็แค่เพิ่มเงินให้แค่ 20,000 ยังไงก็น้อยกว่าค่าธรรมเนียมและค่าชดเชยที่บริษัทต้องเสียแน่ๆ อยู่แล้ว
สรุป จนท.ธนชาต คนนี้ก็ยังยืน ไม่ไกล่เกลี่ย และบอกว่า "เรื่องที่ศาลเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับผม"

เอาตามตรงนะ ถึงจุดนี้เรานี่อึ้งไปเลย เราว่าข้อเสนอที่เรายื่นไปมันดีมากๆ แล้วนะ ถ้าคิดในมุมบริษัทธนชาตประกันภัย
แต่เรากลับคิดผิดไป เพราะ จนท.ธนชาต คนนี้เขาไม่ได้คิดในมุมบริษัทฯ เหมือนกับที่เราคิด
คิดแค่เรื่องของตัวเอง มุมของตัวเอง และอาจจะเป็นแค่เรื่องยอดตัวเลขของตัวเอง 
มันก็เลยไกล่เกลี่ยกันไม่จบ ซึ่งเราก็ยังยื่นที่ไกล่เกลี่ยอยู่นะ เลยยื่นให้บริษัทฯ ทบทวนผ่าน คปภ. แทน
แต่เราก็ไม่รู้ว่า จนท.คนนี้เขาจะเก็บเรื่องไม่เสนออีกหรือเปล่า (คือได้ยินว่า จนท.คนนี้เคยมีเคสแบบนี้มาก่อน)
และสุดท้ายอาจจะต้องไปต่อกันที่ศาลจริงๆ ในประเด็นนี้

และนี่ก็เป็นสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการเรียกสินไหมทดแทนในครั้งนี้ ที่ดำเนินมาและกำลังจะดำเนินต่อไป
คือเรามองว่ามันก็มีทั้งจุดที่โอเค และจุดที่ไม่โอเค (ซึ่งมีเยอะกว่า) ถือว่าเป็นประสบการณ์และบทเรียนชีวิตอย่างหนึ่ง
สิ่งที่เราทำมาทั้งหมด อาจไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราได้ประโยชน์ในด้านตัวเงินมากที่สุด
มันมีวิธีที่ดีกว่านี้แน่นอน แต่ก็ย้อนกลับไปเงื่อนไขนึงว่า มันจะเปลืองเวลาชีวิตมากๆ

อีกด้านนึงสำหรับใครที่กำลังเผชิญเรื่องคล้ายๆ กันนี้ ก็อยากให้หาข้อมูลกับเก็บหลักฐานไว้เยอะๆ คุณต้องใช้มันแน่นอน
ยิ่งถ้าคุณมีทนายเป็นคนรู้จักจะดีมาก เพราะเรื่องนี้มันใช้แค่ common sense ไม่ได้ ต้องใช้หลักกฎหมายเยอะ
ต่อมาคือไม่อยากให้เสียสุขภาพจิตกับเรื่องพวกนี้เยอะนัก คือเข้าใจว่ามันรู้สึกแย่มาก แต่ถ้าเราลดความคาดหวังได้ ทุกอย่างมันจะเบาลง
และหากไม่รู้จะไปไหน ที่ คปภ. ช่วยคุณได้ เป็นผู้ให้คำปรึกษา ผู้ให้กำลังใจ และผู้ไกล่เกลี่ยที่ดี

ขอให้ทุกคนที่เจอเรื่องราวคล้ายๆ กันนี้ ผ่านพ้นมันไปด้วยดี
หากใครมีแนวทางอะไรแนะนำเพิ่มเติม หรืออยากแชร์เรื่องของตัวเอง ก็บอกได้เลยครับ ยินดีมากๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่