สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 53
อ่านความเห็นคุณเจ้าของกระทู้แล้วรู้สึกช็อกมาก
คุณเป็นคนมักง่ายอย่างไม่น่าเชื่อที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ดิฉันเคยพบ
ดิฉันผ่านการเลี้ยงลูกเล็ก ๆ มาแล้ว (ตอนนี้โตเข้ามหาวิทยาลัยกันหมด)
อย่าว่าแต่ทำ แค่คิดจินตนาการก็ไม่เคยอยู่ในหัวค่ะ
ที่จะปล่อยเด็กเล็กไว้ในรถตามลำพัง
แถมเป็นรถที่ไม่ล็อกประตู ใครจะแว้บเปิดเข้ามาคว้าเด็กออกไปก็ได้ (ไม่ต้องใช้เวลาถึงนาทีก็ทำได้)
ไม่สามารถจินตนาการได้จริง ๆ ค่ะ
คุณเจ้าของกระทู้ควรปรับปรุงทัศนคติของตัวเองให้มีความรับผิดชอบและให้ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบกว่านี้
ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตาย พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้
คุณเป็นคนมักง่ายอย่างไม่น่าเชื่อที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ดิฉันเคยพบ
ดิฉันผ่านการเลี้ยงลูกเล็ก ๆ มาแล้ว (ตอนนี้โตเข้ามหาวิทยาลัยกันหมด)
อย่าว่าแต่ทำ แค่คิดจินตนาการก็ไม่เคยอยู่ในหัวค่ะ
ที่จะปล่อยเด็กเล็กไว้ในรถตามลำพัง
แถมเป็นรถที่ไม่ล็อกประตู ใครจะแว้บเปิดเข้ามาคว้าเด็กออกไปก็ได้ (ไม่ต้องใช้เวลาถึงนาทีก็ทำได้)
ไม่สามารถจินตนาการได้จริง ๆ ค่ะ
คุณเจ้าของกระทู้ควรปรับปรุงทัศนคติของตัวเองให้มีความรับผิดชอบและให้ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบกว่านี้
ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตาย พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้
ความคิดเห็นที่ 5
ลองอ่านดูครับ
ป.พ.พ.มาตรา 879 วรรคหนึ่ง เป็นบทยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย จึงต้องตีความโดยเคร่งครัด เมื่อมิใช่ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยจะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้
ฎ.282/2567 : การที่โจทก์ขับรถยนต์ที่ทำประกันภัยไว้กับจำเลยไปจอดที่หน้าร้านค้าอื่นซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาธารณะขนาดใหญ่ มีร้านค้าตั้งอยู่ติด ๆ กัน สภาพที่เกิดเหตุเป็นตลาดย่านการค้า โดยห่างจากร้านค้าที่โจทก์ไปติดต่อประมาณ 5 ถึง 8 เมตร ไม่มีสิ่งใดปิดบังจุดที่จอดรถยนต์อันจะเป็นช่องทางให้คนร้ายสามารถลงมือกระทำความผิดได้โดยง่ายแต่อย่างใด แล้วลงไปติดต่อซื้อของประมาณ 6 นาที ขณะจอดรถเป็นเวลากลางวัน แม้โจทก์จะวางกุญแจไว้ที่เบาะข้างคนขับด้านหน้า และไม่ล็อกประตู ก็ยังอยู่ในวิสัยที่โจทก์สามารถดูแลรักษารถยนต์ได้ แม้จะพอถือได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ จึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์/ทนายดูโอ้
ป.พ.พ.มาตรา 879 วรรคหนึ่ง เป็นบทยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย จึงต้องตีความโดยเคร่งครัด เมื่อมิใช่ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยจะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้
ฎ.282/2567 : การที่โจทก์ขับรถยนต์ที่ทำประกันภัยไว้กับจำเลยไปจอดที่หน้าร้านค้าอื่นซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาธารณะขนาดใหญ่ มีร้านค้าตั้งอยู่ติด ๆ กัน สภาพที่เกิดเหตุเป็นตลาดย่านการค้า โดยห่างจากร้านค้าที่โจทก์ไปติดต่อประมาณ 5 ถึง 8 เมตร ไม่มีสิ่งใดปิดบังจุดที่จอดรถยนต์อันจะเป็นช่องทางให้คนร้ายสามารถลงมือกระทำความผิดได้โดยง่ายแต่อย่างใด แล้วลงไปติดต่อซื้อของประมาณ 6 นาที ขณะจอดรถเป็นเวลากลางวัน แม้โจทก์จะวางกุญแจไว้ที่เบาะข้างคนขับด้านหน้า และไม่ล็อกประตู ก็ยังอยู่ในวิสัยที่โจทก์สามารถดูแลรักษารถยนต์ได้ แม้จะพอถือได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ จึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์/ทนายดูโอ้
แสดงความคิดเห็น
รถสตาร์ทติดทิ้งไว้ลงไปทำธุระ โดนขโมย ประกันไม่รับผิดชอบทุกกรณี?
อ่านข่าวตอนแรกก็คิดว่าคอนเทน ข่าวที่คนลงไปทำธุระแล้วรถป้ายแดงโดนขโมย ไม่ได้ดับรถเพราะมีแมวอยู่ในรถ มีคลิป มีหลักฐาน ยาม รปภ.ก็สกัดไว้ไม่ได้ แต่พอไปอ่านเม้นถึงกับห๊ะ!!!! เพราะเสียงส่วนใหญ่ออกเป็น2เสียง บางคนเห็นด้วยเพราะประมาทเอง งั้นคนก็จัดฉากกันทั่วบ้านสิ… บางคนบอกว่าไม่เห็นด้วยเพราะบางทีลงไปทำธุระ มีลูกมีสัตว์อยู่ในรถดับเครื่องไม่ได้ เพราะลงไปแปปเดียว
อย่างแบบกรณีเรายอมรับเลยนะว่าไม่เคยล็อครถตอนลงจากเครื่อง เพราะรู้สึกอยากขึ้นรถแล้วแอร์เย็นๆ เวลาไปปั้ม หรือแวะซื้อน้ำตามปั้มต่างๆ เราไม่เคยดับเครื่องเลย รวมถึงยิ่งถ้ามีคนอยู่ในรถ มีสัตว์หมาแมวมาด้วย เราก็ยิ่งไม่ดับรถ ให้เขารออยู่ในรถ ส่วนตัวคิดว่าแบบนี้ประกันเอาเปรียบไปไปไหม? ใครจะอยากให้รถโดนขโมย ต้องเสียเวลา เสียความรู้สึก เสียหลายอย่าง ยิ่งถ้ามีของรักอยู่ในรถ คิดว่ามันคุ้มหรอ?? หรือถ้าใครจะจัดฉากจริงๆ คือมันทำได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรอ? ยิ่งสมัยนี้ กล้องวงจร ตำรวจเก่ง ตามจับได้ไม่ยาก ดูอย่างปล้นทองหนีออกไปไกลขนาดไหน หนีไปต่างจังหวัดก็ยังจับได้
นี่รถเป็นคัน คันก็ตั้งใหญ่ คือจะไม่จ่ายจริงๆหรอ ทุกคนคิดเห็นกันอย่างไรกับเรื่องนี้ ประกันควรจ่ายหรือไม่ควรจ่ายกรณีรถโดนขโมยไปขณะเครื่องยังติดอยู่เพราะลงไปทำธุระ!!! ส่วนตัวไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าประกันชั้น1นะ
ขอเพิ่มเติมและชี้แจงในนี้อีกทีนะครับ
1.ส่วนตัวเห็นด้วยกับทุกคนว่าถ้าประมาทเอง ประกันก็ไม่ควรรับผิดชอบ ประเด็นปัดตกไป
2.แต่แค่อยากให้เพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอย่างถ้าลงรถไปแปปเดียว หรือห่างไม่ไกลรถมาก ที่มันไม่ดูเป็นการละเลยรถหรือประมาทเกินไป ประกันควรจ่าย ควรรับผิดชอบไหม?
ยกตัวอย่างเช่นอย่างลงไปซื้อน้ำเปล่า สแกนจ่ายเงิน ไม่ถึง2นาที แต่โจรขี่มอไซมาดัน2คน ขโมยรถไปเฉย? แบบนี้ประกันก็ควรรับผิดชอบไหม?
คือเข้าใจประกันนะแต่ประกันก็ต้องเข้าใจเจ้าของรถด้วยเหมือนกัน เพราะอะไรงั้นหรอ เพราะเรื่องแบบนี้มันไม่มีใครอยากให้เกิด ถ้าจะอ้างจัดฉากขโมยรถเพราะไม่มีเงินจ่ายค่างวด คือคุณเข้าใจไหม สมัยนี้มันสมัยไหนแล้วมันปีไหนแล้ว เมืองไทยไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน ขนาดทองเส้น หนีไปไกลแค่ไหนตำรวจยังตามจับได้ แล้วอันนี้รถเป็นคันไม่ใช่คันเล็กๆ ตำรวจจะตามจับไม่ได้หรอ?????
เข้าใจว่าประมาทแต่ถ้าจะบอกว่าประมาทแล้วไม่จ่าย ลองคิดกลับนะ คนขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ประกันยังจ่าย!!!! แล้วนี่ประมาทเหมือนกัน ทำไมถึงจ่ายไม่ได้??? คิดสิ อันนี้ประมาทแบบตั้งใจด้วยซ้ำชนคนอื่นแถมเรื่องเกิดแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ต้องรับผิดชอบอย่างเดียวมีแต่ต้องเสียกับเสีย แต่กรณีรถหายตามจับได้คือจบใช่ไหม? ถึงตามจับไม่ได้ก็แสดงว่าตำรวจไม่มีประสิทธิภาพมากพอหรือไม่ตาม?
ตอนนี้เข้าใจที่เราต้องการจะสื่อรึยัง คำว่าทุกกรณีมันไม่สมควร แต่มันควรแบบเพิ่มเงื่อนไขไปด้วย เพราะบางทีเอาจริงๆไปซื้อกาแฟสักแก้ว ต้องมาดับรถ เปิดรถ เผลอเด็กอยู่ในรถ สัตว์อยู่ใน จะบอกให้เขาตามมาด้วย เดียวไปซื้อกาแฟ คือคุณเข้าใจไหมในความเป็นจริงคือมันก็ไม่มีใครอยากลงไป หรือจะเอาสัตว์ไปด้วยอะ มันแบบเรื่องแบบนี้มันไม่มีใครอยากให้เกิดอยู่ จะบอกว่าประมาทงั้นขับรถประมาทก็ต้องไม่ครอบคลุมด้วยจริงไหม????