ยอดขายรถทั้งหมด ก.ย.67 ต่ำสุดในรอบ 53 เดือน ส.อ.ท.เล็งหั่นเป้าขาย -ส่งออก

ส.อ.ท.เล็งหั่นเป้าผลิตรถยนต์รวมหลังยอดขายในประเทศ -ส่งออกร่วง เฉพาะเดือนกันยายน 67 ขายรถลดฮวบในรอบ 53 เดือน

สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่มกราคม -กันยายน 2567 ยอดขาย -ยอดผลิตยังคงร่วงล่าสุด กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ได้เปิดเผยว่า จะมีการปรับเป้าหมายทั้งยอดผลิตรถยนต์รวม และยอดขายในประเทศ รวมถึงการส่งออกรถยนต์ เบื้องต้นคาดว่าจะปรับลดหลักหมื่นคันแต่ไม่ถึงหลักแสนคัน และจะประกาศเป้าหมายยอดผลิตใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 
สำหรับเป้าหมายยอดผลิตรถยนต์ไทยปี 2567 มีดังนี้

ผลิตเพื่อส่งออก 1,150,000 คัน 
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 550,000 คัน 
รวม 1,700,000 คัน 
 
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนนี้จะมีการหารือเรื่องปรับเป้าหมายยอดการผลิตรถยนต์ของปีนี้ โดยจะปรับทั้งยอดส่งออกและยอดขายในประเทศ เพราะในส่วนของส่งออกนั้นได้รับผลกระทบจากสงครามตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้าง ประกอบกับประเทศคู่ค้ามียอดขายลดลง มีความระมัดระวังในการใช้จ่าย ส่วนการขายในประเทศ หลักๆยังคงมาจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง และทำให้สถาบันการเงินหรือแบงก์ไม่ปล่อยกู้ 
   นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
 
 
ยอดผลิตรถยนต์เดือนกันยายน 67 ลดลง 25.48 %
รถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกันยายน 2567 มีทั้งสิ้น 122,277 คัน ลดลง 25.48 % โดยยอดผลิตรถยนต์ที่ลดลง เป็นผลมาจากผลิตเพื่อส่งออกลดลง 15.78 % และผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง 42.31 % ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - กันยายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,128,026 คัน ลดลง 18.61 %  
 
ยอดขายรถเดือนก.ย.67  ต่ำสุดในรอบ 53 เดือน 
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกันยายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 39,048 คันลดลง 37.11 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา  โดยตัวเลขการขายดังกล่าวถือว่าต่ำสุดในรอบ 53 เดือน หรือ 4 ปี 5 เดือน  ส่วนตัวเลขการขายรถยนต์ตั้งแต่มกราคม - กันยายน 2567 รถยนต์มียอดขาย 438,659 คัน ลดลง 25.25 %
 
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบยอดขายมาจาก ความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ซื้อรถยนต์เพราะหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) ยังอยู่ในระดับที่สูงที่ 208,575 ล้านบาท หนี้เสียรถยนต์อยู่ที่ 259.330 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2567 ประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไตรมาสสองปี 2567 ที่โตต่ำ 2.3 % และคาดว่า 2567 จะเติบโตเพียง 2.7 - 2.8 %เท่านั้นขณะที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม 2567 หดตัว 1.91 % แสดงถึงรายได้คนทำงานยังคงอ่อนแอ และส่งผลให้ยอดขายในเดือนกันยายน 2567 ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 37.11 
    
ตลาดรถกระบะซึมยาว ยอดขาย 8 เดือนลดฮวบ 39.3 %
สงครามตะวันออกกลาง -ศก.คู่ค้า กระทบยอดส่งออก
เดือนกันยายน 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้ 80,254 คัน ลดลง 17.67 % เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ จำนวนเที่ยวเรือลดลงและมีการใช้จ่ายลดลงในตลาดประเทศคู่ค้าหลายประเทศมียอดขายรถยนต์ลดลง จึงส่งออกลดลงทุกตลาดยกเว้นตลาดออสเตรเลียที่ยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ตัวเลขการส่งออกเดือนมกราคม – กันยายน 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 768,887 คัน ลดลง 6.45 %
 
   ยอดส่งออกรถยนต์เดือนกันยายน 2567
 นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่ายอดส่งออกในเดือนกันยายน 2567 เมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆก่อนหน้านั้นถือว่าไม่ดี ซึ่งปัจจัยที่เข้ามากระทบกับการส่งออกมาจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ที่มีความระมัดระวังการใช้จ่าย โดยตัวเลขการขายในประเทศเหล่านั้นก็ลดลง ประกอบกับสงครามตะวันออกกลาง อิสราเอล ฮามาส ที่ขยายวงกว้าง และยังประเมินไม่ได้ว่าจะส่งผลกระทบกับการค้าโลกหรือเป่า ก็คงต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด
 
"เป้าหมายยอดส่งออกที่จะปรับใหม่นั้น เบื้องต้นยังยืนยันว่าจะเกิน 1 ล้านคันอยู่ ส่วนยอดขายในประเทศ บริษัทฯรถยนต์ก็คาดว่าปีนี้อาจจะอยู่ที่ 6-6.2 แสนคัน ตรงนี้ก็ต้องประเมินกันอีกครั้ง เพราะยอดขาย 9 เดือนตอนนี้ทำได้ 438,659 คัน"
 

เดือน 9 ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า EV ร่วง
เดือนกันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่ มีจำนวน 6,606 คัน ลดลง 25.81 % โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 4,666 คัน ลดลง 32.08 % 
รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 18 คัน ลดลง 41.94 % 
รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 6 คัน ลดลง 79.31% 
รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 1,817 คัน ลดลง 6.53 % 
รถโดยสารมีทั้งสิ้น 44 คัน เพิ่มขึ้น 340 % 
รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 55 คัน เพิ่มขึ้น 175 % 
เดือนมกราคม - กันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  75,653 คัน เพิ่มขึ้น11.67 % โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 54,308 คัน  8.14 % 
รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 509 คัน เพิ่มขึ้น  317.21% 
รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 141 คัน ลดลง 46.79 % 
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 20,054 คัน เพิ่มขึ้น  25.85 % 
รถโดยสารมีทั้งสิ้น 281 คัน ลดลง 75.46 % 
รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 360 คัน เพิ่มขึ้น  490.16 % 

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม เมื่อมาดูตัวเลขยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าเดือนกันยายน 2567 มีจำนวน  4,490 คัน ลดลง 34.35 % แต่ยอด 9 เดือนตั้งแต่มกราคม -กันยายน 2567 มีการจดทะเบียนทั้งสิ้น  52,443 คัน เพิ่มขึ้น 4.89 % คาดว่าตัวเลขในปีนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ขณะเดียวกันผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ยังคงผลิตรถในประเทศไม่เต็มที่ เนื่องจากเพิ่งเข้ามาตั้งโรงงาน 
 
"ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ายังมีอยู่ แต่โดนปฏิเสธสินเชื่อ นอกจากนั้นแล้วก็รอดูราคาของรถว่าจะลดลงอีกไหม ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามียอดขายที่ชะลอตัวลง"
 
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนกันยายน 2567 
เดือนกันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 9,403 คัน เพิ่มขึ้น 51 %ส่วนตัวเลขตั้งแต่เดือนมกราคม - กันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  104,197 คัน เพิ่มขึ้น  59.27 %
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกันยายน 2567 

เดือนกันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 734 คัน ลดลง 27.76 % ขณะที่ตัวเลขเดือนมกราคม - กันยายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  7,310 คัน ลดลง 23.33 %

ดูตารางรายละเอียดได้ที่ https://www.thansettakij.com/motor/motor/610143


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่