“วิโรจน์”ซัด รัฐประหารเงียบ หลังเลขาฯ กกต.สั่งตั้งกก.สอบยุบเพื่อไทย เคลิ้มง่ายตามบัตรสนเท่ห์คนร้องนิรนาม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4854720
“วิโรจน์”ซัด รัฐประหารเงียบ หลังเลขาฯ กกต.สั่งตั้งกก.สอบยุบเพื่อไทย เคลิ้มง่ายตามบัตรสนเท่ห์คนร้องนิรนาม
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีรายงานข่าวเรื่องคำร้องนิรนาม เป็นหนึ่งในคำร้องที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง นำไปพิจารณาสั่งสอบ นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทย
นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า ทางนาย
แสวงจะต้องพูดให้ชัด ว่า คำร้องนิรนามหรือคำร้องที่ภาษาชาวบ้านเรียกบัตรสนเท่ห์ เป็นหนึ่งในคำร้องที่คิดว่ามีมูลในการตั้งแท่นสอบตามรายงานข่าวจริงหรือไม่ ถ้าใช่ก็ไปกันใหญ่ คือนั่นเริ่มมีอำนาจมืดลึกลับแล้วมันอันตราย แสดงว่าเป็นระบอบที่เอื้อให้เกิดรัฐประหารเงียบได้ตลอดเวลา มีแค่บัตรสนเท่ห์ 1 ใบ นอกจากนี้ บรรดานักร้อง ถูกตั้งคำถามจากสังคมเรื่อยมา เรื่องมีใบสั่งหรือไม่ หรือ เทียบเคียงกับคดีดังแชร์ลูกโซ่ก็พัวพันคลิปนักร้องเรื่องตบทรัพย์ หรือไม่ อย่างไรบัตรสนเท่ห์ไร้ตัวตนคนร้องยิ่งมาตรฐานต่ำกว่านักร้องอีก ถ้าสมมติมีบัตรสนเท่ห์มาแบบเดียวกัน ท่านจะหยิบขึ้นมาตั้งแท่นสอบตัวเองหรือเปล่า บัตรสนเท่ห์จะเต็มบ้านเต็มเมือง รู้ทัน สร้างชนักปักหลัง บีบอำนาจบริหาร
เมื่อถามว่า การยุบพรรคก้าวไกลหลายคนเรียกยุบแบบขึ้นทางด่วนติดเทอร์โบ ยังมีตัวตนคนร้องเรียน ถ้าพรรคเพื่อไทยโดนยุบจากหนึ่งในคำร้องนิรนามไม่มีตัวตนจะเรียกว่าอะไร นาย
วิโรจน์ กล่าวอีกว่า ก็อาจจะไม่ได้ขึ้นทางด่วนทุกครั้ง แต่มันจะมีระบบชนักปักหลัง เพื่อไปบีบไปต่อรองหรือไม่ แทนที่ผู้ที่ถูกเลือกมาจะมาทำงานรับใช้ประชาชน กลับถูกบัตรสนเท่ห์ นักร้อง และเทวดาที่อยู่หลังม่าน หยิบยกกลไกต่างๆมาบีบให้อำนาจฝ่ายบริหารทำงานไม่ได้ แบบนี้ไม่ต้องตอบโจทย์ประชาชนแล้ว ไปตอบโจทย์พวกเทวดาที่ใช้นักร้องมาเป็นเครื่องมือทำลายอำนาจประชาชน ประชดลั่น เทวดาธิปไตย
นันทนา ข้องใจไร้ชื่อ กมธ.ร่วม ทั้งๆที่เคยอยู่ ในชุดกม.ประชามติ ย้ำเกมยื้อเวลาแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4854552
“นันทนา” ข้องใจ ไม่มีชื่อนั่ง กมธ.ร่วม พ.ร.บ.ประชามติ แม้เคยอยู่ในชุดวิสามัญ ชี้ ควรแบ่งสัดส่วนให้ ส.ว.เสียงข้างน้อยด้วย มองทั้ง 14 รายชื่อ ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น เชื่อ เป็นเกมยื้อเวลา
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเปิดเผยรายชื่อ 14 ส.ว. เป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกับ กมธ.ของสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หลังจากทั้ง 2 สภาเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งรายชื่อออกมา ไม่มีรายชื่อของ ส.ว.เสียงข้างน้อยเลย ว่า เป็นข้อเสนอที่ทางวิปวุฒิสภาได้แจ้งออกมา แต่ทั้งนี้ ต้องนำเสนอในที่ประชุมวุฒิสภา วันที่ 21 ตุลาคมนี้ก่อน ซึ่งในส่วนของ ส.ว.เสียงข้างน้อย ไม่เห็นด้วย แต่เราจะเสนอชื่อของ กมธ.ร่วมฯ เข้าไปด้วย เพื่อที่จะให้ที่ประชุมลงมติ
เมื่อถามว่า มีการชี้แจงหรือไม่ว่าทำไมถึงไม่มีรายชื่อของ ส.ว.เสียงข้างน้อยเข้าไปร่วมด้วย น.ส.นันทนา กล่าวว่า เป็นเรื่องของวิปวุฒิสภา ตนไม่ได้อยู่ จึงไม่ทราบว่าวิปวุฒิฯ ให้เหตุผลว่าอย่างไร ก็ได้เห็นข่าวรายชื่อที่ออกมา 14 คน ซึ่งไม่มีเสียงข้างน้อยเลย แม้ตนจะเคยเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.ประชามติ ก็ไม่ได้รับการทาบทาม และไม่มีการเสนอชื่อกลับเข้าไปเป็น กมธ.ร่วมฯ ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติ คิดว่าควรป็นสัดส่วนระหว่างเสียงข้างมากกับเสียงข้างน้อย อย่างน้อยที่สุด คือได้เข้าไปอยู่ใน กมธ. เพื่อที่จะได้แสดงความคิดเห็น และนำเสนอข้อมูลที่เป็นฝ่ายตัวเอง เพื่อสนับสนุนแนวคิด
เมื่อถามว่า มองว่าจะเป็นการยื้อให้การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่สามารถดำเนินการพร้อมกับการเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 68 ใช่หรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า ถูกต้อง เพราะตั้งแต่การกลับมติใน กมธ.วิสามัญ ก็ทำให้เสียเวลาไปค่อนข้างมากแล้ว และการตั้ง กมธ.ร่วม ก็เสียเวลาไปอีกขั้นตอนหนึ่ง ทำให้กระบวนการยืดเยื้อไปเกือบปี ในการให้พ.ร.บ.ประชามตินี้ออกมา แม้ว่าทางสภาผู้แทนราษฎร จะยืนยันเสียง 1 ชั้น แต่ก็ไม่ทันการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี 68 การทําพ่วงก็ไม่สามารถทำได้
เมื่อถามว่า มองรายชื่อ 14 คนใน กมธ.ร่วม เป็นอย่างไรบ้าง น.ส.นันทนา กล่าวว่า ก็มีแต่เสียงข้างมาก แล้วก็เป็นเสียงที่น่าจะการันตีว่า 14 เสียงนี้ ยืนยันหลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้นแน่นอน2
ฮิวแมนไรท์วอทช์ บี้ รบ.ไทยปราบค้ามนุษย์ หลังโรฮีนจาตาย 3 ถูกขนอัดในกระบะไปมาเลย์
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4854691
ฮิวแมนไรท์วอทช์ วอนรัฐบาลไทยสอบสวน เหตุโรฮีนจาหนีเข้าไทย ถูกทิ้งชุมพร ดับ 3
สืบเนื่องจากกรณี ชาวโรฮีนจา เสียชีวิต 3 ราย ขณะขบวนการค้ามนุษย์ ได้นำขึ้นรถกระบะตู้ทึบ เพื่อเดินทางไปปลายทาง จ.สงขลา และ ต้องการมุ่งหน้าไปยังประเทศมาเลเซีย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม
ฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยสอบสวนเหตุการณ์ที่กลุ่มชาวโรฮีนจาที่อพยพมาจากประเทศเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย ถูกคนขับรถกระบะปล่อยทิ้งไว้กลางทาง ระหว่างเดินทางมุ่งหน้าชายแดนประเทศมาเลเซีย ที่จังหวัดชุมพรซึ่งในจำนวนนี้มีชาวโรฮิงญาเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย โดยฮิวแมนไรท์วอทช์ เรียกร้องให้ทางการไทย เร่งคุ้มครองชาวโรฮิงญาที่รอดชีวิต และนำตัวผู้ผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาลงโทษ
ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา พระสงฆ์ที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพรพบกลุ่มชาวโรฮีนจาในสภาพอิดโรย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพบว่าชาวโรฮีนจา 10 ราย บาดเจ็บอยู่ในอาการสาหัส อีกหลายคนหมดสติ และมีชาวโรฮีนจาเสียชีวิต 2 ราย ผู้ที่รอดชีวิตถูกนำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในอำเภอหลังสวน และมีรายงานว่ามีชาวโรฮีนจาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย
ข้อมูลเบื้องต้นจากผู้ที่รอดชีวิตเปิดเผยว่า กลุ่มชาวโรฮีนจาประมาณ 70 คน อพยพมาจากรัฐยะไข่ของเมียนมา เข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ใกล้กับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ต่อมาชาวโรฮีนจากลุ่มดังกล่าว ถูกพาตัวอัดเข้าไปในรถกระบะห้องเย็นหลายคัน เพื่อเดินทางจากจังหวัดตากไปยังชายแดนมาเลเซีย ในเส้นทางยาว 1,500 กิโลเมตร แต่เมื่อเดินทางมาได้ราว 1,000 กิโลเมตรถึงอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร คนขับรถบรรทุกคันหนึ่งได้จอดเพื่อทิ้งชาวโรฮีนจาที่ถูกเบียดกันจนเสียชีวิตในรถ หลายคนหมดสติ และหลายคนอยู่ในสภาพอิดโรยเกินกว่าที่จะเดินทางต่อได้
อีเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำภูมิภาคเอเชียกล่าวว่า “
รัฐบาลไทยควรที่จะทำการสอบสวนอย่างน่าเชื่อถือ เพื่อสืบค้นข้อเท็จจริง เบื้องหลังการเสียชีวิตอันน่าสยดสยองนี้ และนำตัวผู้รับผิดมาลงโทษ” นอกจากนั้นแล้ว
เพียร์สันกล่าวอีกว่าทางการไทยควรที่จะจับผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้มารับโทษ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร และขอให้ทางการไทยมอบการรักษา คัดกรองสถานะผู้ลี้ภัย และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้รอดชีวิต
องค์กรสิทธิมนุษยชนและสื่อได้รายงานถึงเครือข่ายการค้ามนุษย์ในประเทศไทยมานานหลายปี โดยชาวโรฮีนจาที่หลบหนีจากประเทศเมียนมาเข้ามาในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นเส้นทางเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซียที่มีผู้อพยพชาวโรฮีนจาอาศัยอยู่จำนวนมาก รัฐบาลไทยมีนโยบายในการปฏิเสธไม่ให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ทำการคัดกรองสถานะผู้ลี้ภัยของชาวโรฮีนจาที่หลบหนีการกดขี่ข่มเหงในเมียนมา ไทยไม่ได้เป็นภาคีของอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยสถานะผู้ลี้ภัย 1951 และไม่ได้นำคำจำกัดความเรื่องสถานะผู้ลี้ภัยเอาไว้ในกฎหมายในประเทศ และไม่มีกลไกในการพิจารณาคำร้องขอสถานะผู้ลี้ภัยที่เหมาะสมและเข้าถึงได้
โดยสรุปแล้ว ทางการไทยมักกำหนดให้ชาวโรฮีนจาที่ถูกพบตัวในประเทศไทยโดยไม่มีเอกสารทางกฎหมายนั้นว่า เป็นผู้อพยพเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย แม้พวกเขามีความเสี่ยงที่จะถูกข่มเหงรังแก และได้รับการดูแลที่ไม่ดีในเมียนมา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยได้จับกุมชายชาวโรฮีนจาไว้ในห้องขังที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัดและไม่ดี ขณะที่ส่งผู้หญิงและเด็กชาวโรฮีนจาไปยังศูนย์พักพิงของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ฮิวแมนไรท์วอทช์ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยของนางสาว
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีควรยกเลิกนโยบายที่ปฏิเสธไม่ให้ UNHCR ทำการคัดกรองสถานะผู้ลี้ภัยของชาวโรฮีนจา และปล่อยตัวผู้ขอลี้ภัยและผู้อพยพจากสถานกักขัง
“
รัฐบาลไทยควรที่จะช่วยเหลือผู้ที่หนีการกดขี่ ไม่ใช่ทำให้ความทุกข์ของพวกเขาแย่ลง”
เพียร์สันกล่าว
https://www.hrw.org/news/2024/10/18/thailand-rohingya-found-dead-during-escape-myanmar
พุ่งไม่หยุด! ราคาทองทำนิวไฮใหม่ ทองคำแท่งขายออกบาทละ 42,550 บาท
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/421292
ราคาทองประจำวานนี้ (18 ต.ค. 2567) พุ่งขึ้น 350 บาท ทองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 42,350 บาท ขายออกที่ราคาบาทละ 42,450 บาท ตามประกาศครั้งที่ 8 ของวันนี้
ขณะที่ล่าสุดวันนี้ 19 ต.ค.67 ราคาทองคำปรับขึ้นอีก 100 บาท ทำให้ราคาทองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 42,450 บาท ขายออกที่ราคาบาทละ 42,550 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ 96.5% ราคาขายออกอยู่ที่ 43,050บาท
รับชมทางยูทูบที่ :
https://youtu.be/s2myeZM9xjQ
JJNY : 5in1 “วิโรจน์”ซัดรัฐประหารเงียบ│นันทนาข้องใจไร้ชื่อ│บี้ปราบค้ามนุษย์│ราคาทองทำนิวไฮ│ปะการังทั่วโลกเผชิญกับฟอกขาว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4854720
“วิโรจน์”ซัด รัฐประหารเงียบ หลังเลขาฯ กกต.สั่งตั้งกก.สอบยุบเพื่อไทย เคลิ้มง่ายตามบัตรสนเท่ห์คนร้องนิรนาม
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีรายงานข่าวเรื่องคำร้องนิรนาม เป็นหนึ่งในคำร้องที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง นำไปพิจารณาสั่งสอบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทย
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทางนายแสวงจะต้องพูดให้ชัด ว่า คำร้องนิรนามหรือคำร้องที่ภาษาชาวบ้านเรียกบัตรสนเท่ห์ เป็นหนึ่งในคำร้องที่คิดว่ามีมูลในการตั้งแท่นสอบตามรายงานข่าวจริงหรือไม่ ถ้าใช่ก็ไปกันใหญ่ คือนั่นเริ่มมีอำนาจมืดลึกลับแล้วมันอันตราย แสดงว่าเป็นระบอบที่เอื้อให้เกิดรัฐประหารเงียบได้ตลอดเวลา มีแค่บัตรสนเท่ห์ 1 ใบ นอกจากนี้ บรรดานักร้อง ถูกตั้งคำถามจากสังคมเรื่อยมา เรื่องมีใบสั่งหรือไม่ หรือ เทียบเคียงกับคดีดังแชร์ลูกโซ่ก็พัวพันคลิปนักร้องเรื่องตบทรัพย์ หรือไม่ อย่างไรบัตรสนเท่ห์ไร้ตัวตนคนร้องยิ่งมาตรฐานต่ำกว่านักร้องอีก ถ้าสมมติมีบัตรสนเท่ห์มาแบบเดียวกัน ท่านจะหยิบขึ้นมาตั้งแท่นสอบตัวเองหรือเปล่า บัตรสนเท่ห์จะเต็มบ้านเต็มเมือง รู้ทัน สร้างชนักปักหลัง บีบอำนาจบริหาร
เมื่อถามว่า การยุบพรรคก้าวไกลหลายคนเรียกยุบแบบขึ้นทางด่วนติดเทอร์โบ ยังมีตัวตนคนร้องเรียน ถ้าพรรคเพื่อไทยโดนยุบจากหนึ่งในคำร้องนิรนามไม่มีตัวตนจะเรียกว่าอะไร นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ก็อาจจะไม่ได้ขึ้นทางด่วนทุกครั้ง แต่มันจะมีระบบชนักปักหลัง เพื่อไปบีบไปต่อรองหรือไม่ แทนที่ผู้ที่ถูกเลือกมาจะมาทำงานรับใช้ประชาชน กลับถูกบัตรสนเท่ห์ นักร้อง และเทวดาที่อยู่หลังม่าน หยิบยกกลไกต่างๆมาบีบให้อำนาจฝ่ายบริหารทำงานไม่ได้ แบบนี้ไม่ต้องตอบโจทย์ประชาชนแล้ว ไปตอบโจทย์พวกเทวดาที่ใช้นักร้องมาเป็นเครื่องมือทำลายอำนาจประชาชน ประชดลั่น เทวดาธิปไตย
นันทนา ข้องใจไร้ชื่อ กมธ.ร่วม ทั้งๆที่เคยอยู่ ในชุดกม.ประชามติ ย้ำเกมยื้อเวลาแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4854552
“นันทนา” ข้องใจ ไม่มีชื่อนั่ง กมธ.ร่วม พ.ร.บ.ประชามติ แม้เคยอยู่ในชุดวิสามัญ ชี้ ควรแบ่งสัดส่วนให้ ส.ว.เสียงข้างน้อยด้วย มองทั้ง 14 รายชื่อ ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น เชื่อ เป็นเกมยื้อเวลา
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเปิดเผยรายชื่อ 14 ส.ว. เป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกับ กมธ.ของสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หลังจากทั้ง 2 สภาเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งรายชื่อออกมา ไม่มีรายชื่อของ ส.ว.เสียงข้างน้อยเลย ว่า เป็นข้อเสนอที่ทางวิปวุฒิสภาได้แจ้งออกมา แต่ทั้งนี้ ต้องนำเสนอในที่ประชุมวุฒิสภา วันที่ 21 ตุลาคมนี้ก่อน ซึ่งในส่วนของ ส.ว.เสียงข้างน้อย ไม่เห็นด้วย แต่เราจะเสนอชื่อของ กมธ.ร่วมฯ เข้าไปด้วย เพื่อที่จะให้ที่ประชุมลงมติ
เมื่อถามว่า มีการชี้แจงหรือไม่ว่าทำไมถึงไม่มีรายชื่อของ ส.ว.เสียงข้างน้อยเข้าไปร่วมด้วย น.ส.นันทนา กล่าวว่า เป็นเรื่องของวิปวุฒิสภา ตนไม่ได้อยู่ จึงไม่ทราบว่าวิปวุฒิฯ ให้เหตุผลว่าอย่างไร ก็ได้เห็นข่าวรายชื่อที่ออกมา 14 คน ซึ่งไม่มีเสียงข้างน้อยเลย แม้ตนจะเคยเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.ประชามติ ก็ไม่ได้รับการทาบทาม และไม่มีการเสนอชื่อกลับเข้าไปเป็น กมธ.ร่วมฯ ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติ คิดว่าควรป็นสัดส่วนระหว่างเสียงข้างมากกับเสียงข้างน้อย อย่างน้อยที่สุด คือได้เข้าไปอยู่ใน กมธ. เพื่อที่จะได้แสดงความคิดเห็น และนำเสนอข้อมูลที่เป็นฝ่ายตัวเอง เพื่อสนับสนุนแนวคิด
เมื่อถามว่า มองว่าจะเป็นการยื้อให้การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่สามารถดำเนินการพร้อมกับการเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 68 ใช่หรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า ถูกต้อง เพราะตั้งแต่การกลับมติใน กมธ.วิสามัญ ก็ทำให้เสียเวลาไปค่อนข้างมากแล้ว และการตั้ง กมธ.ร่วม ก็เสียเวลาไปอีกขั้นตอนหนึ่ง ทำให้กระบวนการยืดเยื้อไปเกือบปี ในการให้พ.ร.บ.ประชามตินี้ออกมา แม้ว่าทางสภาผู้แทนราษฎร จะยืนยันเสียง 1 ชั้น แต่ก็ไม่ทันการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี 68 การทําพ่วงก็ไม่สามารถทำได้
เมื่อถามว่า มองรายชื่อ 14 คนใน กมธ.ร่วม เป็นอย่างไรบ้าง น.ส.นันทนา กล่าวว่า ก็มีแต่เสียงข้างมาก แล้วก็เป็นเสียงที่น่าจะการันตีว่า 14 เสียงนี้ ยืนยันหลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้นแน่นอน2
ฮิวแมนไรท์วอทช์ บี้ รบ.ไทยปราบค้ามนุษย์ หลังโรฮีนจาตาย 3 ถูกขนอัดในกระบะไปมาเลย์
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4854691
ฮิวแมนไรท์วอทช์ วอนรัฐบาลไทยสอบสวน เหตุโรฮีนจาหนีเข้าไทย ถูกทิ้งชุมพร ดับ 3
สืบเนื่องจากกรณี ชาวโรฮีนจา เสียชีวิต 3 ราย ขณะขบวนการค้ามนุษย์ ได้นำขึ้นรถกระบะตู้ทึบ เพื่อเดินทางไปปลายทาง จ.สงขลา และ ต้องการมุ่งหน้าไปยังประเทศมาเลเซีย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยสอบสวนเหตุการณ์ที่กลุ่มชาวโรฮีนจาที่อพยพมาจากประเทศเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย ถูกคนขับรถกระบะปล่อยทิ้งไว้กลางทาง ระหว่างเดินทางมุ่งหน้าชายแดนประเทศมาเลเซีย ที่จังหวัดชุมพรซึ่งในจำนวนนี้มีชาวโรฮิงญาเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย โดยฮิวแมนไรท์วอทช์ เรียกร้องให้ทางการไทย เร่งคุ้มครองชาวโรฮิงญาที่รอดชีวิต และนำตัวผู้ผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาลงโทษ
ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา พระสงฆ์ที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพรพบกลุ่มชาวโรฮีนจาในสภาพอิดโรย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพบว่าชาวโรฮีนจา 10 ราย บาดเจ็บอยู่ในอาการสาหัส อีกหลายคนหมดสติ และมีชาวโรฮีนจาเสียชีวิต 2 ราย ผู้ที่รอดชีวิตถูกนำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในอำเภอหลังสวน และมีรายงานว่ามีชาวโรฮีนจาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย
ข้อมูลเบื้องต้นจากผู้ที่รอดชีวิตเปิดเผยว่า กลุ่มชาวโรฮีนจาประมาณ 70 คน อพยพมาจากรัฐยะไข่ของเมียนมา เข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ใกล้กับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ต่อมาชาวโรฮีนจากลุ่มดังกล่าว ถูกพาตัวอัดเข้าไปในรถกระบะห้องเย็นหลายคัน เพื่อเดินทางจากจังหวัดตากไปยังชายแดนมาเลเซีย ในเส้นทางยาว 1,500 กิโลเมตร แต่เมื่อเดินทางมาได้ราว 1,000 กิโลเมตรถึงอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร คนขับรถบรรทุกคันหนึ่งได้จอดเพื่อทิ้งชาวโรฮีนจาที่ถูกเบียดกันจนเสียชีวิตในรถ หลายคนหมดสติ และหลายคนอยู่ในสภาพอิดโรยเกินกว่าที่จะเดินทางต่อได้
อีเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำภูมิภาคเอเชียกล่าวว่า “รัฐบาลไทยควรที่จะทำการสอบสวนอย่างน่าเชื่อถือ เพื่อสืบค้นข้อเท็จจริง เบื้องหลังการเสียชีวิตอันน่าสยดสยองนี้ และนำตัวผู้รับผิดมาลงโทษ” นอกจากนั้นแล้ว เพียร์สันกล่าวอีกว่าทางการไทยควรที่จะจับผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้มารับโทษ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร และขอให้ทางการไทยมอบการรักษา คัดกรองสถานะผู้ลี้ภัย และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้รอดชีวิต
องค์กรสิทธิมนุษยชนและสื่อได้รายงานถึงเครือข่ายการค้ามนุษย์ในประเทศไทยมานานหลายปี โดยชาวโรฮีนจาที่หลบหนีจากประเทศเมียนมาเข้ามาในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นเส้นทางเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซียที่มีผู้อพยพชาวโรฮีนจาอาศัยอยู่จำนวนมาก รัฐบาลไทยมีนโยบายในการปฏิเสธไม่ให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ทำการคัดกรองสถานะผู้ลี้ภัยของชาวโรฮีนจาที่หลบหนีการกดขี่ข่มเหงในเมียนมา ไทยไม่ได้เป็นภาคีของอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยสถานะผู้ลี้ภัย 1951 และไม่ได้นำคำจำกัดความเรื่องสถานะผู้ลี้ภัยเอาไว้ในกฎหมายในประเทศ และไม่มีกลไกในการพิจารณาคำร้องขอสถานะผู้ลี้ภัยที่เหมาะสมและเข้าถึงได้
โดยสรุปแล้ว ทางการไทยมักกำหนดให้ชาวโรฮีนจาที่ถูกพบตัวในประเทศไทยโดยไม่มีเอกสารทางกฎหมายนั้นว่า เป็นผู้อพยพเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย แม้พวกเขามีความเสี่ยงที่จะถูกข่มเหงรังแก และได้รับการดูแลที่ไม่ดีในเมียนมา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยได้จับกุมชายชาวโรฮีนจาไว้ในห้องขังที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัดและไม่ดี ขณะที่ส่งผู้หญิงและเด็กชาวโรฮีนจาไปยังศูนย์พักพิงของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ฮิวแมนไรท์วอทช์ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีควรยกเลิกนโยบายที่ปฏิเสธไม่ให้ UNHCR ทำการคัดกรองสถานะผู้ลี้ภัยของชาวโรฮีนจา และปล่อยตัวผู้ขอลี้ภัยและผู้อพยพจากสถานกักขัง
“รัฐบาลไทยควรที่จะช่วยเหลือผู้ที่หนีการกดขี่ ไม่ใช่ทำให้ความทุกข์ของพวกเขาแย่ลง” เพียร์สันกล่าว
https://www.hrw.org/news/2024/10/18/thailand-rohingya-found-dead-during-escape-myanmar
พุ่งไม่หยุด! ราคาทองทำนิวไฮใหม่ ทองคำแท่งขายออกบาทละ 42,550 บาท
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/421292
ราคาทองประจำวานนี้ (18 ต.ค. 2567) พุ่งขึ้น 350 บาท ทองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 42,350 บาท ขายออกที่ราคาบาทละ 42,450 บาท ตามประกาศครั้งที่ 8 ของวันนี้
ขณะที่ล่าสุดวันนี้ 19 ต.ค.67 ราคาทองคำปรับขึ้นอีก 100 บาท ทำให้ราคาทองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 42,450 บาท ขายออกที่ราคาบาทละ 42,550 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ 96.5% ราคาขายออกอยู่ที่ 43,050บาท
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/s2myeZM9xjQ