JJNY : ปชช.ส่วนใหญ่เป็นห่วงและกังวล│‘มาเลเซีย’ ร้อง ‘ไทย-กัมพูชา’ เจรจากัน│‘ฮิวแมนไรท์วอทช์’ วอนกดดัน│ยูเอ็นร้องหยุดยิง

สวนดุสิตโพลเผย ปชช.ส่วนใหญ่เป็นห่วงและกังวลเรื่องความสูญเสียกรณีปะทะไทย-เขมร
https://www.matichon.co.th/local/news_5294827
.
.
สวนดุสิตโพลเผย ปชช.ส่วนใหญ่เป็นห่วงและกังวลเรื่องความสูญเสียกรณีปะทะไทย-เขมร
.
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับการติดตามข่าวสารในภาวะวิกฤต” กลุ่มตัวอย่าง จานวน 1,148 คน (สารวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2568 พบว่า เมื่อได้รับข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตประชาชนจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง ร้อยละ 75.61 โดยจะเชื่อถือแหล่งข่าวจากหน่วยงานหลักของภาครัฐ ศูนย์ข้อมูลของรัฐมากที่สุด ร้อยละ 76.83 ทั้งนี้อยากให้ภาครัฐและสื่อมวลชนนาเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และต่อเนื่อง ร้อยละ 81.10 กรณีน้าท่วมอยากให้เร่งดาเนินการจัดเตรียมพื้นที่พักพิงและเส้นทางอพยพ ร้อยละ 78.66 ด้านกรณีไทย-กัมพูชาประชาชนรู้สึกเป็นห่วงและกังวลเรื่องการบาดเจ็บและความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย ร้อยละ 86.50
.
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คนไทยมีความตื่นตัวในการรับมือสถานการณ์วิกฤตด้วย “ข้อมูล” และ “สติ” โดยคาดหวังการสื่อสารที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือความขัดแย้งที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและความมั่นคงของประเทศ สิ่งที่ประชาชนต้องการไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลเร็ว แต่ต้อง “ถูกต้อง” และ “ปฏิบัติได้จริง” บทบาทของรัฐและสื่อจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นและนำพาสังคมให้ก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน
.
นายกฤษรินทร์ บุศรา นักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ในมุมมองของเยาวชนมองว่าการติดตามข่าวสารทุกวันนี้สามารถติดตามได้เร็วและเข้าถึงง่าย ข่าวปลอมจึงเกิดขึ้น ได้บ่อย จากผลสารวจข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งข่าวต่างๆ ประชาชนชนยังให้ความสนใจความถูกต้องเป็นอันดับต้นๆ การเลือกติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆจากภาครัฐยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และต้องการให้ภาครัฐและภาคเอกชนเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ที่รวดเร็วถูกต้อง นำไปวิเคราะห์เผยแพร่ต่อได้ ในเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือวิกฤตการณ์ต่างๆ ความรวดเร็วในการแก้ปัญหาเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการอย่างที่สุด ในเรื่องความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดในตอนนี้ คือ การหยุดความขัดแย้งเพื่อลดการบาดเจ็บและความสูญเสียซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นให้ได้โดยเร็ว
.
รองศาสตราจารย์ ดร.รุ่งภพ คงฤทธิ์ระจัน รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤตที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการทหารระหว่างประเทศ ถือเป็นข่าวสารที่ทำให้ประชาชนทั่วไปอ่อนไหวซึ่งจะนาไปสู่การกำหนดพฤติกรรมการแสดงออกได้อย่างรวดเร็ว การตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงเป็นแนวปฏิบัติที่ดี แต่ในข้อเท็จจริงพบว่า การแพร่กระจายข่าวสารในรูปแบบต่างๆมีลักษณะเป็นชาตินิยมสูง มีการนาเสนอความเห็นแย้งกับฝ่ายตรงข้ามที่ประกอบไปด้วย ความเชื่อและข้อคิดเห็นบางประการที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นชาตินิยม ดังนั้น รัฐควรมีหน่วยงานกลางเพื่อสื่อสารกับประชาชนได้อย่างรวดเร็วและควรมีมาตรการ “ควบคุมการเผยแพร่ข่าวสารในช่วงวิกฤต” ถึงแม้จะนำไปสู่การละเมิดเสรีภาพบางประการ แต่การควบคุมข่าวสารที่ถูกต้องจะนำไปสู่การสนับสนุนให้เกิดข้อยุติได้ ดังนั้น รัฐควรมุ่งเน้นการควบคุมการเผยแพร่ข่าวสารจากกลุ่มคนที่มีบทบาทหรือมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของประชาชน
.

.
‘มาเลเซีย’เรียกร้อง ‘ไทย-กัมพูชา’ เจรจากันเพื่อเอกภาพอาเซียน
https://www.dailynews.co.th/news/4958877/
.
มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ ยังคงเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาเจรจากัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของภูมิภาค
.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ว่านายโมฮาหมัด ฮาซัน รมว.การต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียในฐานะประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ประจำปีนี้ ขอเน้นย้ำให้ไทยและกัมพูชาใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุด หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข และหลีกเลี่ยงการดำเนินการใดก็ตาม ที่อาจเป็นการบ่อนทำลายความพยายามของการสร้างสันติภาพ
.
ขณะเดียวกัน ฮาซันเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศกลับเข้าสู่การเจรจา เพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพและสันติภาพ บนพื้นฐานของจิตวิญญาณแห่งความเป็นเอกภาพของอาเซียนและความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน พร้อมทั้งยืนยันว่า มาเลเซีย “มีความจริงจัง” ในการเป็นผู้นำระดับภูมิภาค เพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์ครั้งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทั้งอาเซียน
.
https://twitter.com/MalaysiaMFA/status/1949283309336592827
.

.
‘ฮิวแมนไรท์วอทช์’ วอนนานาชาติกดดัน ไทย-กัมพูชา ปกป้องพลเรือน ยึดหลักกฎหมายมนุษยธรรม
.
‘ฮิวแมนไรท์วอทช์’ วอนนานาชาติกดดัน ไทย-กัมพูชา ปกป้องพลเรือน ยึดหลักกฎหมายมนุษยธรรม
.
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างกองทัพกัมพูชาและไทยที่ดำเนินมาเป็นวันที่ 4 ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทั้งพื้นที่การทหารและพลเรือนนั้น ล่าสุด ฮิวแมนไรท์วอทช์ หน่วยงานเรียกร้องด้านสิทธิมนุษยชน ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกดดันให้รัฐบาลไทยและกัมพูชาปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและใช้มาตรการเพื่อปกป้องพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ
.
แถลงการณ์ของฮิวแมนไรท์วอทช์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการปะทะระหว่างกองทัพกัมพูชาและไทย โดยบอกว่าทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันเองว่าเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน นายจอห์น ซิฟตัน ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ของฮิวแมนไรท์วอทช์ในภูมิภาคเอเชีย การปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาได้ส่งผลให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็ก รวมถึงทำให้สถานบริการทางการแพทย์ สถานที่ทางศาสนาและวัฒนธรรมได้รับความเสียหาย โดยไทยได้สั่งปิดโรงเรียนอย่างน้อย 852 แห่ง โรงพยาบาล 7 แห่งเพื่อความปลอดภัย กฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศนั้นระบุให้คู่ขัดแย้งทำการแยกระหว่างเป้าหมายทางทหารและพลเรือน ซึ่งการโจมตีใส่เป้าหมายพลเรือนนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้าม
.
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุอีกว่า ทั้งไทยและกัมพูชาต่างยิงจรวดและปืนใหญ่โจมตีใส่กัน โดยกัมพูชาอ้างว่าไทยได้ใช้ระเบิดลูกปราย ซึ่งเป็นอาวุธที่ถูกห้ามการใช้งานตามอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดลูกปราย ปี 2008 ซึ่งแม้กองทัพไทยจะออกมาปฏิเสธในตอนแรก แต่ต่อมาในวันที่ 25 กรกฎาคม กองทัพไทยได้ออกมายอมรับว่ามีการใช้ระเบิดลูกปราย โดยบอกว่าใช้เมื่อมีความจำเป็นที่จะโจมตีเป้าหมายทางทหาร ถึงแม้ว่าทั้งไทยและกัมพูชาจะไม่ได้เป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดลูกปราย แต่ฮิวแมนไรท์วอทช์ขอให้ไทยและกัมพูชาไม่ใช้ระเบิดลูกปราย
.
ซิฟตันกล่าวว่า ดูเหมือนว่าทั้งไทยและกัมพูชาไม่ได้ให้ความสนใจแก่กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ แต่ขณะนี้กำลังมีความพยายามทางการทูตเพื่อมุ่งปกป้องพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน
.
ล่าสุด โฆษกกระทรวงต่างประเทศและความร่วมมือของกัมพูชาได้ออกมากล่าว เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เกี่ยวกับกรณีที่ไทยเตรียมที่จะยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) และศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ว่ากัมพูชาละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศจากการโจมตีพลเรือนและโรงพยาบาลในไทย โดยโฆษกของกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาบอกว่าคำกล่าวหาดังกล่าวของฝ่ายไทยไม่เป็นความจริง และย้ำว่ากัมพูชาหลีกเลี่ยงการโจมตีพลเรือน ตามอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่