บ้านแพง เงินเก็บไม่พอ คนรุ่นใหม่ เน้นเช่ามากกว่าซื้อ ราคา 5,000 บาท/เดือน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4837895
บ้านแพง เงินเก็บไม่พอ คนรุ่นใหม่ เน้นเช่ามากกว่าซื้อ ราคา 5,000 บาท/เดือน
ปัจจุบันเทรนด์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ถึงยุคเปลี่ยนแปลง เป็นการเช่ามากกว่าการซื้อ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เหตุผลคืออะไร?
มีผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค จากดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) พบว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกเช่าที่อยู่อาศัยแทนการซื้อ ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยการเงินเป็นหลัก
โดยมากกว่าครึ่ง (56%) เผยว่ามีเงินเก็บไม่พอที่จะซื้อที่อยู่อาศัย ขณะที่ราคาบ้านที่สูงเกินไป ทำให้เกือบ2 ใน 5 หรือ 37% ขอเลือกออมเงินแทน และ 36% มองไม่เห็นความจำเป็น/ความเร่งด่วนที่ต้องซื้อที่อยู่อาศัยในเวลานี้
สะท้อนให้เห็นว่าผู้เช่าส่วนใหญ่ยังคงกังวลเกี่ยวกับการบริหารสภาพคล่องทางการเงินในยุคที่แนวโน้มเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง จึงลดความเสี่ยงโดยหลีกเลี่ยงการซื้อที่อยู่อาศัย และหันมาเลือกเช่าซึ่งตอบโจทย์ทางการเงินและลดภาระค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า
ปัจจุบัน มุมมองการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปตามเทรนด์ Generation Rent ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตและไม่สร้างภาระทางการเงินในระยะยาวจากการซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งมีความคล่องตัวมากกว่าหากต้องการโยกย้ายในอนาคต
โดยผู้เช่าเกือบ 2 ใน 5 หรือ39% เผยว่าได้วางแผนเช่า 2 ปีก่อนจะซื้อที่อยู่อาศัยในภายหลัง ส่วน 29% มีความไม่แน่ใจว่าจะเช่าอีกนานแค่ไหน เนื่องจากยังต้องพิจารณาปัจจัยความพร้อมด้านอื่น ๆ อีกครั้ง ขณะที่ 5% เผยว่าตั้งใจจะเช่าอยู่ตลอดชีวิต
สำหรับอัตราค่าเช่าที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในหมู่ผู้เช่าอยู่ในช่วงไม่เกิน 5,000 บาท/เดือน สัดส่วน 46% สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์การมองหาที่อยู่อาศัยให้เช่าที่มีราคาย่อมเยา ตอบโจทย์สถานะทางการเงินในยุคปัจจุบันเป็นหลัก รองลงมา คือ 5,001-10,000 บาท/เดือน สัดส่วน 32% และ 10,001-15,000 บาท/เดือน สัดส่วน 9%.
สทท. ชี้ผู้ประกอบการ 82% โควิดทุบยังไม่ฟื้น เจอเงินฝืด-น้ำท่วมระทมซ้ำ จี้เคาะเที่ยวคนละครึ่งทันไฮซีซั่น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4837971
สทท. ชี้ผู้ประกอบการ 82% โควิดทุบยังไม่ฟื้น เจอเงินฝืด-น้ำท่วมระทมซ้ำ จี้เคาะเที่ยวคนละครึ่งทันไฮซีซั่น
นาย
ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศ (สทท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 3/2567 อยู่ในระดับแย่มากจากภาวะเงินฝืด เพราะเศรษฐกิจในภาพรวม อีกทั้งยังเจอวิกฤตอุทกภัยในหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือ ทำให้สถานประกอบท่องเที่ยวกว่า 82% ยังไม่ฟื้นจากโควิด ต้องเจอผลกระทบซ้ำซ้อนอีกครั้ง โดยวิกฤตน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา สทท.ขอเสนอให้รัฐบาลจัดทำโครงการเที่ยวคนละครึ่งในทันทีโดยไม่ต้องรอปี 2568 เพื่อฟื้นฟูจังหวัดที่ได้รับผลกระทบและเมืองน่าเที่ยว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ขอให้กระตุ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) เพราะหากปล่อยไปจังหวัดที่เจอน้ำท่วมจะเสียรายได้ต่อเนื่องทั้งเดือน อาทิ เชียงใหม่ ในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนเคยมีรายได้ท่องเที่ยว 7,000 ล้านบาท ส่วนเชียงราย 3,000 ล้านบาท
นาย
ชำนาญ กล่าวว่า สทท. ขอเสนอให้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยว เพื่อยกระดับความปลอดภัย และยั่งยืน รวมถึง Storytelling เพราะด้านการตลาด ททท.ถือว่าทำได้ดีมาก จนเกิดความต้องการ (ดีมานด์) ของการเดินทางมาไทยเป็นอันดับแรกๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ในด้านซัพพลาย ผู้ประกอบการของไทยยังปรับตัวไม่ทันกับเทรนด์ของโลก รวมทั้งขอเสนอว่า การจัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ต่างๆ ในประเทศไทย ต้องจัดเป็นอีเวนต์ในด้านท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้วย แต่อยากให้ทำแคมเปญร่วมกันเียลดีมาน์ด้วย เพราะที่ผ่านมาเราอัดอีเวนต์การตลาดสูงมากจนติดตลาดแล้ว ซึ่งอีเวนต์ที่ทำผ่านมาแล้วก็ผ่าน แต่แคมเปญหรือโครงการ อาทิ เที่ยวคนละครึ่ง จะเห็นผลจริงในประโยชน์ที่ได้ทั้งผู้ประกอบการและประชาชน โดยในปี 2567 สทท.คาดว่ารายได้ท่องเที่ยวรวมจะอยู่ที่ 2.7-2.8 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.5-36.5 ล้านคน ส่วนปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ที่ 2.9-3.1 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 38-40 ล้านคน
“
ที่ผ่านมารัฐบาลมีโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว ผ่านเราเที่ยวด้วยกัน สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายจองห้องพักและร้านอาหารคนละ 3,000 บาทต่อวัน ใช้งบ 10,000 ล้านบาท ส่วนโครงการเที่ยวคนละครึ่ง เสนอให้สนับสนุนนักท่องเที่ยวคนละ 2,000 บาทต่อวัน ประมาณคนละ 3-4 คืน รัฐบาลใช้เงินสนับสนุนไม่เกิน 5,000 ล้านบาท แต่หากไม่มีโครงการนี้รายได้ไทยเที่ยวไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ตั้งไว้ 900,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่ง สทท.จะเสนแนวคิดนี้ผ่านบอร์ด ททท.วันที่ 10 ตุลาคมนี้ เพื่อเสนอต่อไปยังรัฐบาล” นาย
ชำนาญ กล่าว
นางสาว
ผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ระดับ 68 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมามาก และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 2566 เนื่องจากไตรมาสนี้เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) และเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคเหนือ ส่วนการคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 4/2567 ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 80 สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว จากการมียอดจองล่วงหน้าในช่วงไฮซีซั่นนี้ และการมีไฟล์ทบินเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี
“
ความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยในไตรมาส 3 แย่มากๆ จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศซบเซาเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง 6 เดือน หรือเงินฝืด ทำให้ประชาชนไม่มีเงินใช้ ซ้ำร้ายเกิดภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยสถานประกอบการ 82% ยังไม่ฟื้นตัว รายได้ยังต่ำกว่าปี 2562 โรงแรมโรงแรม 54% ยังมีรายได้น้อยกว่าปี 2562 โดย 75% ของโรงแรมขนาดใหญ่มีรายได้ใกล้เคียงหรือดีกว่าก่อนโควิด-19 ส่วน 92% ของโรงแรมขนาดเล็กยังมีรายได้ลดลง เป็นไปตามที่เคยกล่าวไว้ว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะฟื้นในลักษณะของ K Shape ในวันนี้มีการฟื้นตัวเพียง 30%” นางสาว
ผกากรอง กล่าว
นางสาว
ผกากรอง กล่าวว่า ด้านความช่วยเหลือ ประชาชน 95% ต้องการให้รัฐบาลช่วยลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และแก๊สหุงต้ม อีก 80% อยากให้รัฐบาลปล่อยกู้เงิน 10,000 บาท ปลอดดอกเบี้ย ส่วน 60% อยากให้มีโครงการคนละครึ่ง โดยตลอดปี 2567 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.49 ล้านคนน้อยกว่าปี 2562 ที่ยังไม่เกิดโควิด-19 ถึง 11.08% มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 1.80 ล้านล้านบาท น้อยกว่าปีที่ยังไม่เกิดโควิดที่ 5.72%
มหา'ลัยดังเชียงใหม่ ทำข้อมูลนักศึกษาหลุดกว่า 6.7 หมื่นราย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9452489
มหา’ลัยดังเชียงใหม่ ทำข้อมูลนักศึกษาหลุดกว่า 6.7 หมื่นราย แนะใครที่ใช้อีเมลและพาสเวิร์ดเดียวกันในการล็อกอินต่าง ๆ ขอให้เปลี่ยนรหัสใหม่
แฟนเพจเฟซบุ๊ก มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความแจ้งเตือนหลังพบข้อมูลนักศึกษาในมหาวิทยาลัย หลุดกว่า 6.7 หมื่นรายชื่อ โดยระบุเป็นข้อความดังต่อไปนี้
จากเมื่อวานที่มีคนมาโพสต์เตือนในกลุ่ม XX เรื่องข้อมูลหลุด ใครที่เรียนอยู่ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะหลุดแค่ 67,400 + รายเอง ล้อเล่นนะ ต้องตกใจแล้วนาทีนี้!
แอดแนะนำว่า ใครที่ใช้เมลและพาสเวิร์ดเดียวกันกับการล็อกอินต่าง ๆ แนะนำให้เปลี่ยนรหัสใหม่
หากมีคนที่โทรมาและทราบข้อมูลต่าง ๆ ของเรา ให้คิดเอาไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ
จากข้อมูลในรูปจะมี
id : ลำดับ
name, lastname : ชื่อ นามสกุล
is_XX , remark : เป็นนักศึกษา XX รึเปล่า?
email : อีเมล
citizen_id : เลขบัตรประชาชน
phonenumber : เบอร์โทรศัพน์
account_type : นักศึกษา / บุคลากร / บุคคลทั่วไป
created_at, verified_at : วันเวลาในการสร้างบัญชี และยืนยันบัญชี
vehicle_count : จำนวนยานพาหนะ
ถ้าถามแอดว่าคือข้อมูลอะไร ขอเดาว่าน่าจะเป็น log การสมัครอะไรสักอย่าง เพราะจากลำดับ …45 – …99 ห่างกัน 6 วันเอง และดูจากลำดับที่มีถึง 67,400 (เท่าที่แค็บมา) ก็น่าจะโดนกันทั้ง XX เลย
ยังไงก็ฝากเจ้าหน้าที่ XX ช่วยเข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/teammorchor/posts/pfbid0He6LbeEg25cUkAfVvdPNT74fdnnno4TkaxBZrmzYxtyQcVcpmrZLsb833LsTVb5Ml
JJNY : บ้านแพง เงินเก็บไม่พอ│สทท.ชี้ผู้ประกอบการ 82% โควิดทุบยังไม่ฟื้น│ม.ดังเชียงใหม่ ทำข้อมูลหลุด│"มิลตัน" จ่อขึ้นฝั่ง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4837895
ปัจจุบันเทรนด์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ถึงยุคเปลี่ยนแปลง เป็นการเช่ามากกว่าการซื้อ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เหตุผลคืออะไร?
มีผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค จากดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) พบว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกเช่าที่อยู่อาศัยแทนการซื้อ ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยการเงินเป็นหลัก
โดยมากกว่าครึ่ง (56%) เผยว่ามีเงินเก็บไม่พอที่จะซื้อที่อยู่อาศัย ขณะที่ราคาบ้านที่สูงเกินไป ทำให้เกือบ2 ใน 5 หรือ 37% ขอเลือกออมเงินแทน และ 36% มองไม่เห็นความจำเป็น/ความเร่งด่วนที่ต้องซื้อที่อยู่อาศัยในเวลานี้
สะท้อนให้เห็นว่าผู้เช่าส่วนใหญ่ยังคงกังวลเกี่ยวกับการบริหารสภาพคล่องทางการเงินในยุคที่แนวโน้มเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง จึงลดความเสี่ยงโดยหลีกเลี่ยงการซื้อที่อยู่อาศัย และหันมาเลือกเช่าซึ่งตอบโจทย์ทางการเงินและลดภาระค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า
ปัจจุบัน มุมมองการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปตามเทรนด์ Generation Rent ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตและไม่สร้างภาระทางการเงินในระยะยาวจากการซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งมีความคล่องตัวมากกว่าหากต้องการโยกย้ายในอนาคต
โดยผู้เช่าเกือบ 2 ใน 5 หรือ39% เผยว่าได้วางแผนเช่า 2 ปีก่อนจะซื้อที่อยู่อาศัยในภายหลัง ส่วน 29% มีความไม่แน่ใจว่าจะเช่าอีกนานแค่ไหน เนื่องจากยังต้องพิจารณาปัจจัยความพร้อมด้านอื่น ๆ อีกครั้ง ขณะที่ 5% เผยว่าตั้งใจจะเช่าอยู่ตลอดชีวิต
สำหรับอัตราค่าเช่าที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในหมู่ผู้เช่าอยู่ในช่วงไม่เกิน 5,000 บาท/เดือน สัดส่วน 46% สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์การมองหาที่อยู่อาศัยให้เช่าที่มีราคาย่อมเยา ตอบโจทย์สถานะทางการเงินในยุคปัจจุบันเป็นหลัก รองลงมา คือ 5,001-10,000 บาท/เดือน สัดส่วน 32% และ 10,001-15,000 บาท/เดือน สัดส่วน 9%.
สทท. ชี้ผู้ประกอบการ 82% โควิดทุบยังไม่ฟื้น เจอเงินฝืด-น้ำท่วมระทมซ้ำ จี้เคาะเที่ยวคนละครึ่งทันไฮซีซั่น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4837971
สทท. ชี้ผู้ประกอบการ 82% โควิดทุบยังไม่ฟื้น เจอเงินฝืด-น้ำท่วมระทมซ้ำ จี้เคาะเที่ยวคนละครึ่งทันไฮซีซั่น
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศ (สทท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 3/2567 อยู่ในระดับแย่มากจากภาวะเงินฝืด เพราะเศรษฐกิจในภาพรวม อีกทั้งยังเจอวิกฤตอุทกภัยในหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือ ทำให้สถานประกอบท่องเที่ยวกว่า 82% ยังไม่ฟื้นจากโควิด ต้องเจอผลกระทบซ้ำซ้อนอีกครั้ง โดยวิกฤตน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา สทท.ขอเสนอให้รัฐบาลจัดทำโครงการเที่ยวคนละครึ่งในทันทีโดยไม่ต้องรอปี 2568 เพื่อฟื้นฟูจังหวัดที่ได้รับผลกระทบและเมืองน่าเที่ยว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ขอให้กระตุ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) เพราะหากปล่อยไปจังหวัดที่เจอน้ำท่วมจะเสียรายได้ต่อเนื่องทั้งเดือน อาทิ เชียงใหม่ ในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนเคยมีรายได้ท่องเที่ยว 7,000 ล้านบาท ส่วนเชียงราย 3,000 ล้านบาท
นายชำนาญ กล่าวว่า สทท. ขอเสนอให้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยว เพื่อยกระดับความปลอดภัย และยั่งยืน รวมถึง Storytelling เพราะด้านการตลาด ททท.ถือว่าทำได้ดีมาก จนเกิดความต้องการ (ดีมานด์) ของการเดินทางมาไทยเป็นอันดับแรกๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ในด้านซัพพลาย ผู้ประกอบการของไทยยังปรับตัวไม่ทันกับเทรนด์ของโลก รวมทั้งขอเสนอว่า การจัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ต่างๆ ในประเทศไทย ต้องจัดเป็นอีเวนต์ในด้านท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้วย แต่อยากให้ทำแคมเปญร่วมกันเียลดีมาน์ด้วย เพราะที่ผ่านมาเราอัดอีเวนต์การตลาดสูงมากจนติดตลาดแล้ว ซึ่งอีเวนต์ที่ทำผ่านมาแล้วก็ผ่าน แต่แคมเปญหรือโครงการ อาทิ เที่ยวคนละครึ่ง จะเห็นผลจริงในประโยชน์ที่ได้ทั้งผู้ประกอบการและประชาชน โดยในปี 2567 สทท.คาดว่ารายได้ท่องเที่ยวรวมจะอยู่ที่ 2.7-2.8 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.5-36.5 ล้านคน ส่วนปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ที่ 2.9-3.1 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 38-40 ล้านคน
“ที่ผ่านมารัฐบาลมีโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว ผ่านเราเที่ยวด้วยกัน สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายจองห้องพักและร้านอาหารคนละ 3,000 บาทต่อวัน ใช้งบ 10,000 ล้านบาท ส่วนโครงการเที่ยวคนละครึ่ง เสนอให้สนับสนุนนักท่องเที่ยวคนละ 2,000 บาทต่อวัน ประมาณคนละ 3-4 คืน รัฐบาลใช้เงินสนับสนุนไม่เกิน 5,000 ล้านบาท แต่หากไม่มีโครงการนี้รายได้ไทยเที่ยวไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ตั้งไว้ 900,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่ง สทท.จะเสนแนวคิดนี้ผ่านบอร์ด ททท.วันที่ 10 ตุลาคมนี้ เพื่อเสนอต่อไปยังรัฐบาล” นายชำนาญ กล่าว
นางสาวผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ระดับ 68 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมามาก และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 2566 เนื่องจากไตรมาสนี้เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) และเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคเหนือ ส่วนการคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 4/2567 ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 80 สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว จากการมียอดจองล่วงหน้าในช่วงไฮซีซั่นนี้ และการมีไฟล์ทบินเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี
“ความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยในไตรมาส 3 แย่มากๆ จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศซบเซาเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง 6 เดือน หรือเงินฝืด ทำให้ประชาชนไม่มีเงินใช้ ซ้ำร้ายเกิดภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยสถานประกอบการ 82% ยังไม่ฟื้นตัว รายได้ยังต่ำกว่าปี 2562 โรงแรมโรงแรม 54% ยังมีรายได้น้อยกว่าปี 2562 โดย 75% ของโรงแรมขนาดใหญ่มีรายได้ใกล้เคียงหรือดีกว่าก่อนโควิด-19 ส่วน 92% ของโรงแรมขนาดเล็กยังมีรายได้ลดลง เป็นไปตามที่เคยกล่าวไว้ว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะฟื้นในลักษณะของ K Shape ในวันนี้มีการฟื้นตัวเพียง 30%” นางสาวผกากรอง กล่าว
นางสาวผกากรอง กล่าวว่า ด้านความช่วยเหลือ ประชาชน 95% ต้องการให้รัฐบาลช่วยลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และแก๊สหุงต้ม อีก 80% อยากให้รัฐบาลปล่อยกู้เงิน 10,000 บาท ปลอดดอกเบี้ย ส่วน 60% อยากให้มีโครงการคนละครึ่ง โดยตลอดปี 2567 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.49 ล้านคนน้อยกว่าปี 2562 ที่ยังไม่เกิดโควิด-19 ถึง 11.08% มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 1.80 ล้านล้านบาท น้อยกว่าปีที่ยังไม่เกิดโควิดที่ 5.72%
มหา'ลัยดังเชียงใหม่ ทำข้อมูลนักศึกษาหลุดกว่า 6.7 หมื่นราย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9452489
มหา’ลัยดังเชียงใหม่ ทำข้อมูลนักศึกษาหลุดกว่า 6.7 หมื่นราย แนะใครที่ใช้อีเมลและพาสเวิร์ดเดียวกันในการล็อกอินต่าง ๆ ขอให้เปลี่ยนรหัสใหม่
แฟนเพจเฟซบุ๊ก มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความแจ้งเตือนหลังพบข้อมูลนักศึกษาในมหาวิทยาลัย หลุดกว่า 6.7 หมื่นรายชื่อ โดยระบุเป็นข้อความดังต่อไปนี้
จากเมื่อวานที่มีคนมาโพสต์เตือนในกลุ่ม XX เรื่องข้อมูลหลุด ใครที่เรียนอยู่ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะหลุดแค่ 67,400 + รายเอง ล้อเล่นนะ ต้องตกใจแล้วนาทีนี้!
แอดแนะนำว่า ใครที่ใช้เมลและพาสเวิร์ดเดียวกันกับการล็อกอินต่าง ๆ แนะนำให้เปลี่ยนรหัสใหม่
หากมีคนที่โทรมาและทราบข้อมูลต่าง ๆ ของเรา ให้คิดเอาไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ
จากข้อมูลในรูปจะมี
id : ลำดับ
name, lastname : ชื่อ นามสกุล
is_XX , remark : เป็นนักศึกษา XX รึเปล่า?
email : อีเมล
citizen_id : เลขบัตรประชาชน
phonenumber : เบอร์โทรศัพน์
account_type : นักศึกษา / บุคลากร / บุคคลทั่วไป
created_at, verified_at : วันเวลาในการสร้างบัญชี และยืนยันบัญชี
vehicle_count : จำนวนยานพาหนะ
ถ้าถามแอดว่าคือข้อมูลอะไร ขอเดาว่าน่าจะเป็น log การสมัครอะไรสักอย่าง เพราะจากลำดับ …45 – …99 ห่างกัน 6 วันเอง และดูจากลำดับที่มีถึง 67,400 (เท่าที่แค็บมา) ก็น่าจะโดนกันทั้ง XX เลย
ยังไงก็ฝากเจ้าหน้าที่ XX ช่วยเข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/teammorchor/posts/pfbid0He6LbeEg25cUkAfVvdPNT74fdnnno4TkaxBZrmzYxtyQcVcpmrZLsb833LsTVb5Ml