หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] รีวิว...ท่าน้ำนนท์ เรื่องราวมากมายริมสายน้ำ
กระทู้รีวิว
บันทึกนักเดินทาง
One Day Trip
อาหาร
ภาพถ่าย
ร้านอาหาร
เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ...คำขวัญจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับรีวิวนี้ (อ้าว)...แค่ตอนพิมพ์รีวิวผมนึกถึงเท่านั้น แต่คุณก็สามารถเดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้จากท่าน้ำนนท์ ถ้าคุณมีเวลามากพอ
นนทบุรีเป็นจังหวัดที่เติบโตมากในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ มีทุกอย่างที่ไม่ต่างอะไรจากกรุงเทพฯซึ่งรวมถึงรถติดอย่างหนักด้วย...แต่ชุมชนรอบท่าน้ำนนท์กลับเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ อาจจะด้วยข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ สภาพแวดล้อม ทำให้การพัฒนาทำได้ยาก เลยเกิดเป็นภาพชุมชนกลางเก่ากลางใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ไม่มีที่ไหนจะศึกษาประวัติศาสตร์ของพื้นที่แถวนั้นได้ดีเท่าพิพิธภัณฑ์...แต่ “พิพิธภัณฑ์นนทบุรี” กลับไม่ใช่ที่ที่ดีเลยที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ ถึงจะเข้าฟรีแต่การจัดวางและการนำเสนอสำหรับผมถือว่า “แย่มาก” ไม่มีความน่าสนใจอะไรเลย
ตัวอาคารภายนอกสวยงามมาก เป็นอาคารไม้สักทั้งหลังสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงโปรดให้ซื้อที่ดินจากราษฎรจำนวน 550ไร่ เพื่อสร้างเรือนจำบางขวาง ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงแบ่งพื้นที่บางส่วนมาสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงเรียนราชวิทยาลัยของกระทรวงยุติธรรม สำหรับสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนที่จะต้องเป็นผู้พิพากษา
พ.ศ.2469 สมัยรัชกาลที่ 7 โรงเรียนราชวิทยาลัยยุบไปรวมกับโรงเรียนวชิราวุธที่กรุงเทพฯ พ.ศ.2471 ย้ายศาลากลางจากบ้านตลาดขวัญมาอยู่ที่อาคารนี้ พ.ศ.2501 ตั้งโรงเรียนอนุบาลนนทบุรีขึ้นที่อาคารหลังนี้เช่นกัน พ.ศ.2535 สำนักงานต่างๆของศาลากลางย้ายออกไปและเปลี่ยนเป็นวิทยาลัยมหาดไทย สังกัดสถาบันดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทยเปิดอยู่ 16 ปีจึงย้ายออกไป ปัจจุบันบางส่วนของอาคารใช้เป็นพิพิธภัณฑ์และบางส่วนยังเป็นโรงเรียนอนุบาลนนทบุรี
สภาพอาคารปัจจุบันค่อนข้างทรุดโทรม ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับอากาศแบบร้อนชื้นหันหน้าไปทางแม่น้ำ ตัวอย่างสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจเช่น หลังคาของอาคารซึ่งเป็นทรงสูงโดยมีทั้งทรงปั้นหยาและทรงจั่ว มีกันสาดที่ช่วยกันฝนและกันแดดได้อย่างดี...แต่อย่างที่บอกไปครับ อาคารค่อนข้างโทรมและขาดการดูแล เสียดายสถานที่มาก
เข้าไปดูในพิพิธภัณฑ์กันครับ...พื้นที่พิพิธภัณฑ์ค่อนข้างเล็กมาก เดินไม่เกินห้านาทีจบ การจัดแสดงคือนำของมาวางส่วนข้อมูลก็แปะกำแพงง่ายๆ(ที่จริงตอนเห็นครั้งแรกในหัวผมไม่ใช่คำว่า “ง่าย” ครับ) ข้อดีก็คือข้อมูลค่อนข้างเยอะ ถ้าสนใจประวัติศาสตร์จริงๆข้อมูลที่นี่ดีทีเดียวซึ่งนั่นเป็นข้อดีข้อเดียวที่ผมรู้สึก ส่วนที่เหลือ...เห้อ
เดินเลาะริมน้ำไปเรื่อยๆจะเจอศาลเจ้าอยู่ศาลเจ้าหนึ่งชื่อ “เจ้าพ่อปีงเถ่ากงม่า เจ้าแม่ทับทิม” ซึ่งศาลเจ้าดั้งเดิมน่าจะมีอายุร่วมร้อยปีแล้วแหละ ด้วยความที่ย่านท่าน้ำนนท์สมัยโบราณเป็นย่านการค้าที่สำคัญมีสินค้าส่งไปถึงนครสวรรค์หรือสุพรรณบุรี ชาวจีนย่านนี้เลยมาสักการะขอพรจนต่อมารวบรวมเงินกันสร้างศาลเจ้าให้ใหญ่โตสวยงาม
ภายในศาลเจ้าแม่ทับทิมประดิษฐานองค์เจ้าแม่จุยบ่วยเนี้ยวและเจ้าแม่ทับทิม แต่ชาวจีนมักจะเรียกว่า แปะกง แปะม่า ใครผ่านไปแถวนั้นก็ไปไหว้ขอพรได้ครับ
ไปอีกพิพิธภัณฑ์หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนักชื่อพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์...ดูจากชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าพิพิธภัณฑ์นี้เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยว...เอ๊ย คุกแน่นอน
พิพิธภัณฑ์ปิดทำการวันจันทร์ ตัวอาคารเป็นอาคารปูนเรียบๆแต่เมื่อมันเกี่ยวกับ “คุก” ก็เลยรู้สึกไม่ปลอดภัยกลัวจะเดินเข้าไปแล้วทะลุไปแดนไหนสักแดน ที่นี่เข้าชมฟรีนะครับลงทะเบียนเยี่ยมชมไว้หน่อยแล้วก็เดินเข้าไปเลย
ผมเคยสงสัยว่าทำไมจังหวัดนนทบุรีเรือนจำเยอะจัง...จนตอนหลังพบว่าเรือนจำคลองเปรมริมถนนงามวงศ์วานนั้นอยู่ในเขตกรุงเทพฯ...จบไป งั้นมาว่ากันต่อที่เรือนจำบางขวาง
เรือนจำกลางบางขวาง ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2476 พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 200 ไร่ เป็นพื้นที่ของเรือนจำภายในประมาณ 136ไร่ เดิมชื่อ “เรือนจำกองมหันตโทษ” และเปลี่ยนเป็น “เรือนจำบางขวาง” เมื่อปีพ.ศ.2484 โดยสมัยก่อนเรือนจำมี 2 แบบคือ “เรือนจำกองมหันตโทษ” เรียกว่า “คุก” และ “เรือนจำกองลหุโทษ” เรียกว่า “ตะราง" ส่วนเส้นที่ตัดกันไปมาเป็นช่องๆเรียกว่า "ตาราง"
สมัยรัชกาลที่ 5 ทรงดำริว่าบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ความเจริญ เห็นควรให้ย้ายเรือนจำกองมหันตโทษออกไปตั้งนอกพระนครทรงโปรดเกล้าฯให้เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมไปซื้อที่ดินที่ตำบลบางขวาง อำเภอตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรีจำนวนประมาณ 150 ไร่ ยังไม่ทันได้สร้างเปลี่ยนเสนาบดีฯเสียก่อน
สมัยต้นรัชกาลที่ 6 ได้เสนาบดีฯใหม่ นโยบายก็เปลี่ยนกลายเป็นเจียดที่ดินไปส่วนหนึ่งประมาณ 50 ไร่ไปสร้าง “โรงเรียนราชวิทยาลัย” และกลายเป็นศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่าที่ไปมาก่อนหน้านี้
ต่อมามีการประกาศรวมเรือนจำทั่วประเทศและตั้งเป็นกรมราชทัณฑ์ และได้กลับไปที่แผนเดิมคือย้ายเรือนจำมหันตโทษไปที่บางขวาง แต่พื้นที่ 50 ไร่ดันเอาไปทำโรงเรียนเสียแล้วเลยไม่พอ (อ้าว)...เลยต้องซื้อที่ดินเพิ่มอีกประมาณ 77 ไร่...แต่ก็ยังไม่ได้สร้าง (อ้าว อีกที)
พ.ศ. 2570 ซื้อที่ดินเพิ่มอีกประมาณ 8 ไร่และได้ที่ดินจากกรมพระคลังข้างที่อีกประมาณ 13 ไร่...ตอนนี้มีที่ดินรวมกันเท่าไหร่แล้วครับนักเรียน...ของเดิม 150 ไร่หักไปสร้างโรงเรียน 50 ไร่เหลือร้อยไร่ พักไว้ก่อน ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 77 ไร่ แล้วก็ซื้อเพิ่มอีก 8 ไร่กับได้มาฟรีอีก 13 ไร่รวมเป็นประมาณ 98 ไร่บวกของเดิมประมาณ 100 ไร่ก็ได้ที่รวมๆแล้วประมาณ 200 ไร่ อ่ะ สร้างได้
เรียนรู้ประวัติศาสตร์เรือนจำเสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้าไปข้างใน พิพิธภัณฑ์ต้อนรับเราด้วยวิธีการลงโทษและทรมานตั้งแต่สมัยโบราณซึ่งแน่นอนว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆยังไม่เกิด ดังนั้นความโหดนั้นมีอยู่เต็มเปี่ยมเช่น การต้มน้ำมันให้เดือดแล้วราดลงบนตัวนักโทษ (หูย) การเถือหนังออกแล้วเอาทรายขัด รวมถึงการเอาเบ็ดเหล็กขนาดใหญ่เกี่ยวไปใต้คางนักโทษแล้วชักรอกให้เท้าลอยพ้นพื้น
สมัยก่อนคงตัดสินโทษกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ดังนั้นการลงโทษหรือการประหารจึงออกมาในแนวโหดและรุนแรงมากเกินจินตนาการ ภรรยาผมดูการทรมานแต่ละแบบอย่างตั้งใจราวกับจะเอาไปปรับใช้ในชีวิตจริง ผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยบางอย่างเลยรีบชวนเดินไปส่วนถัดไป
บริเวณต่อๆมาเป็นวิวัฒนาการของระบบราชทัณฑ์ในประเทศไทย และแสดงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่ใช้ในการทำงาน รวมถึงดาบที่ใช้ประหารสมัยก่อนซึ่งมันใหญ่มากครับ อันเบ่อเร่อเลย น่ากลัวดีครับ
ด้านหลังของอาคารพิพิธภัณฑ์มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกชื่อหับเผย แต่วันที่ผมไปไม่เห็นมีใครอยู่เลยไม่ได้เข้าไปดู โดยรวมเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงได้ดีกว่าพิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรีมาก มีรายละเอียดต่างๆมากมาย การจัดแสดงทำได้ดี ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจและน่าศึกษา
เดินย้อยจากพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ย้อนมาทางท่าน้ำนนท์ประมาณ 300 เมตรมีร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อ “Cook & Coff” ซึ่งเป็นร้านของเรือนจำบางขวาง ตั้งชื่อร้านได้เท่มาก ความหมายคือปรุงและกาแฟ และพ้องเสียงกับคำว่า “คุก” ด้วย
อย่างที่บอกว่าร้านนี้เป็นของเรือนจำบางขวาง ดังนั้นพนักงานหลายท่านที่ทำงานที่นี่คือผู้ต้องขับที่ต้องโทษอยู่ที่เรือนจำนี่แหละ แต่เป็นผู้ต้องขังชั้นดีที่กำลังฝึกอาชีพรองรับไว้เมื่อพ้นโทษ
ผมไม่ได้ทานข้าวที่นี่แต่เห็นคนมานั่งทานข้าวกันเยอะเลย วิวที่ร้านดีมากเป็นวิวแม่น้ำแบบกว้างๆเลย อาหารก็น่าจะไม่เลวมีพี่ๆผู้ต้องขังคอยบริการ ในรูปผมเบลอหน้าพี่ๆเขาก่อนนะครับ ส่วนคาเฟ่ขนาดไม่ใหญ่โตนักก็มีพี่ๆเขาบริการอยู่ การบริการออกแนวสุภาพแต่ไม่นุ่มนวลก็ตามบุคลิกของพี่ๆเขาแหละ ที่จริงสุภาพกว่าพนักงานในร้านอาหารหลายๆร้านที่ผมเคยเจอด้วยซ้ำ
ในบริเวณเดียวกันกับ Cook & Coff มีร้านจำหน่ายสินค้าจากฝีมือพี่ๆผู้ต้องขังให้จับจ่ายและถือเป็นการสนับสนุนให้พี่ๆเขาได้มีอาชีพและรายได้ด้วยครับ
ชื่อสินค้า:
จังหวัดนนทบุรี
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
แฟนให้ขับรถไปหาตอนดึก ถ้าไม่ไปจะโกรธ
ถามความเห็นทุกคนค่ะ แฟนให้ขับรถไปหาตอนดึก ประมาณเกือบ 5 ทุ่ม ถ้าไม่ไปจะโกรธ และหาว่าเราเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบ อายุเท่านี้ควรไปไหนมาไหน ตัดสินใจเอง ดูแลตัวเองได้แล้ว การแค่ขับรถไปหาแฟนที่บ้านตอนดึกเป็นเ
สมาชิกหมายเลข 6323357
วันหยุด ที่หิวโหย
สวัสดีวันหยุด ที่นอนตื่นสายๆได้ตื่นขึ้นมาตอน เกือบ 8 โมงสายสุดๆ แล้ว🤣🤣🤣🤣วันหยุดก็ ควรได้พักบ้างหยุดเรื่องคุมคุณภาพของชีวิตซักวันนึงนะต้มน้ำชงกาแฟกินพร้อมกับขนมที่ซื้อไว้ตั้งแต่ เมื่อวานเบาหวาน ไขมันจั
เจ๊แก้ว คนเก่ง
น้า Low Batt :: ข้าวแกงคนยากในย่านไฮโซ " ข้าวแกงในตำนาน " ซอยทองหล่อ
สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน เมื่อคืนผมมีหน้าที่มานอนเฝ้าไข้คุณแม่ที่โรง'บาล ตั้งใจไว้ตั้งแต่ครั้งก่อน ๆ ที่ได้ลองมากินเป็นครั้งแรกว่า เดี๋ยววันไหนจะต้องมาทำรีวิวข้าวแกงร้านนี้ซักที เ
น้า Low Batt
เคยมีคนกล่าวไว้...ตรงไหนมีความสุข
all Photo by: timetowalkforsomthingfirstman...เคยมีคนกล่าวไว้...ตรงไหนมีความสุข...ให้พาตัวเองไปอยู่ตรงจุดนั้น...1. ถ้าการกินกาแฟ ท่ามกลางผืนป่า คือความสุข ก็ให้พาตัวเองไป ...2. ถ้าการกินกาแฟที่สนามบิน
timetowalkforsomthingfirstman
จะทำยังไงให้รูปภาพเปลี่ยนเป็นของเราทั้งหมด(อาจจะงงๆนิดนึงนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ)
คือพอดีพึ่งได้ไอโฟนมาค่ะเป็นเครื่องที่พี่ไม่ได้ใช้แล้วเลยเอาให้เราพอได้มาก็เปลี่ยนแอปเปิ้ลไอดีอะไรเรียบร้อยหมดเลยค่ะแต่ไม่ได้ล้างข้อมูลนะคะแล้วทีนี้ก็นึกว่ารูปภาพอะไรแบบนี้อ่ะค่ะมันจะหายไปด้วยที่เป็นร
สมาชิกหมายเลข 8425320
"เปิดทรัพย์สิน ‘สีกาเก็น’ กว้านซื้ออสังหาฯรวมกว่า 41 ล้าน สามีไม่เชื่อพัวพันเงิน 300 ล้าน"
"เปิดทรัพย์สิน ‘สีกาเก็น’ กว้านซื้ออสังหาฯรวมกว่า 41 ล้าน สามีไม่เชื่อพัวพันเงิน 300 ล้าน" ตร. เผย "สีกาเก็น" คนสนิท "ทิดแย้ม" แค่ปี 67 ปีเดียว ตะลุยกว้านซื้
Dear Nostalgia
กรุณาทบทวนข้อความใน สัญญารับเหมาสร้างบ้าน ด้วยนะครับ
สวัสดีครับ กำลังสร้างบ้านให้พ่อ สัญญาของผู้รับเหมากว้างเกินไป จึงรับมาร่างเอง ผมติดอยู่ที่ เอกสารอ้างอิงที่ควรเขียนลงไปในสัญญา ที่เขียนไปไม่แน่ใจว่าครบถ้วนหรือไม่ และ ยังไม่แน่ใจว่า รายการคำนวณโครงสร้
TC SD
บางขวางปล่อยตัว“หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ“ คดีฆ่าภรรยาแล้ว
เรือนจำบางขวางปล่อยตัวหมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ คดีฆ่าหั่นศพภรรยาแล้ววันนี้ (4 ส.ค.57) เวลาประมาณ 11.00 น. โดยหมอวิสุทธิ์ได้รับการอนุญาตให้พักโทษจากกระทรวงยุติธรรม ก่อนหน้านี้ได้รับพระราชทานอภัยโทษหลาย
สมาชิกหมายเลข 826032
[TripNote] 1 Day Trip (by Bus) : พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร - ท่าน้ำนนทบุรี
1 Day Trip (by Bus) : พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร - ท่าน้ำนนทบุรี เริ่มวันที่: 01/08/67 | กิจกรรมทั้งหมด: 3 กิจกรรม | ค่าใช้จ่ายทั้งหมด: 1,394 บาท วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาค
Person of Interest
ข่าวดี้ดี 4.0 ส่ง ‘แฟรงค์’ เข้า รพ.ราชทัณฑ์ หลังอดน้ำ-อาหารวันที่ 6 ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง
ส่ง ‘แฟรงค์’ เข้า รพ.ราชทัณฑ์ ตามหลัง ‘บุ้ง-ตะวัน’ หลังอดน้ำและอาหารวันที่ 6 ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง เมื่อวันที่ 19 กุ
สมาชิกหมายเลข 7576977
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
One Day Trip
อาหาร
ภาพถ่าย
ร้านอาหาร
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] รีวิว...ท่าน้ำนนท์ เรื่องราวมากมายริมสายน้ำ
เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ...คำขวัญจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับรีวิวนี้ (อ้าว)...แค่ตอนพิมพ์รีวิวผมนึกถึงเท่านั้น แต่คุณก็สามารถเดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้จากท่าน้ำนนท์ ถ้าคุณมีเวลามากพอ
นนทบุรีเป็นจังหวัดที่เติบโตมากในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ มีทุกอย่างที่ไม่ต่างอะไรจากกรุงเทพฯซึ่งรวมถึงรถติดอย่างหนักด้วย...แต่ชุมชนรอบท่าน้ำนนท์กลับเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ อาจจะด้วยข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ สภาพแวดล้อม ทำให้การพัฒนาทำได้ยาก เลยเกิดเป็นภาพชุมชนกลางเก่ากลางใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ไม่มีที่ไหนจะศึกษาประวัติศาสตร์ของพื้นที่แถวนั้นได้ดีเท่าพิพิธภัณฑ์...แต่ “พิพิธภัณฑ์นนทบุรี” กลับไม่ใช่ที่ที่ดีเลยที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ ถึงจะเข้าฟรีแต่การจัดวางและการนำเสนอสำหรับผมถือว่า “แย่มาก” ไม่มีความน่าสนใจอะไรเลย
ตัวอาคารภายนอกสวยงามมาก เป็นอาคารไม้สักทั้งหลังสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงโปรดให้ซื้อที่ดินจากราษฎรจำนวน 550ไร่ เพื่อสร้างเรือนจำบางขวาง ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงแบ่งพื้นที่บางส่วนมาสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงเรียนราชวิทยาลัยของกระทรวงยุติธรรม สำหรับสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนที่จะต้องเป็นผู้พิพากษา
พ.ศ.2469 สมัยรัชกาลที่ 7 โรงเรียนราชวิทยาลัยยุบไปรวมกับโรงเรียนวชิราวุธที่กรุงเทพฯ พ.ศ.2471 ย้ายศาลากลางจากบ้านตลาดขวัญมาอยู่ที่อาคารนี้ พ.ศ.2501 ตั้งโรงเรียนอนุบาลนนทบุรีขึ้นที่อาคารหลังนี้เช่นกัน พ.ศ.2535 สำนักงานต่างๆของศาลากลางย้ายออกไปและเปลี่ยนเป็นวิทยาลัยมหาดไทย สังกัดสถาบันดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทยเปิดอยู่ 16 ปีจึงย้ายออกไป ปัจจุบันบางส่วนของอาคารใช้เป็นพิพิธภัณฑ์และบางส่วนยังเป็นโรงเรียนอนุบาลนนทบุรี
สภาพอาคารปัจจุบันค่อนข้างทรุดโทรม ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับอากาศแบบร้อนชื้นหันหน้าไปทางแม่น้ำ ตัวอย่างสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจเช่น หลังคาของอาคารซึ่งเป็นทรงสูงโดยมีทั้งทรงปั้นหยาและทรงจั่ว มีกันสาดที่ช่วยกันฝนและกันแดดได้อย่างดี...แต่อย่างที่บอกไปครับ อาคารค่อนข้างโทรมและขาดการดูแล เสียดายสถานที่มาก
เข้าไปดูในพิพิธภัณฑ์กันครับ...พื้นที่พิพิธภัณฑ์ค่อนข้างเล็กมาก เดินไม่เกินห้านาทีจบ การจัดแสดงคือนำของมาวางส่วนข้อมูลก็แปะกำแพงง่ายๆ(ที่จริงตอนเห็นครั้งแรกในหัวผมไม่ใช่คำว่า “ง่าย” ครับ) ข้อดีก็คือข้อมูลค่อนข้างเยอะ ถ้าสนใจประวัติศาสตร์จริงๆข้อมูลที่นี่ดีทีเดียวซึ่งนั่นเป็นข้อดีข้อเดียวที่ผมรู้สึก ส่วนที่เหลือ...เห้อ
เดินเลาะริมน้ำไปเรื่อยๆจะเจอศาลเจ้าอยู่ศาลเจ้าหนึ่งชื่อ “เจ้าพ่อปีงเถ่ากงม่า เจ้าแม่ทับทิม” ซึ่งศาลเจ้าดั้งเดิมน่าจะมีอายุร่วมร้อยปีแล้วแหละ ด้วยความที่ย่านท่าน้ำนนท์สมัยโบราณเป็นย่านการค้าที่สำคัญมีสินค้าส่งไปถึงนครสวรรค์หรือสุพรรณบุรี ชาวจีนย่านนี้เลยมาสักการะขอพรจนต่อมารวบรวมเงินกันสร้างศาลเจ้าให้ใหญ่โตสวยงาม
ภายในศาลเจ้าแม่ทับทิมประดิษฐานองค์เจ้าแม่จุยบ่วยเนี้ยวและเจ้าแม่ทับทิม แต่ชาวจีนมักจะเรียกว่า แปะกง แปะม่า ใครผ่านไปแถวนั้นก็ไปไหว้ขอพรได้ครับ
ไปอีกพิพิธภัณฑ์หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนักชื่อพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์...ดูจากชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าพิพิธภัณฑ์นี้เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยว...เอ๊ย คุกแน่นอน
พิพิธภัณฑ์ปิดทำการวันจันทร์ ตัวอาคารเป็นอาคารปูนเรียบๆแต่เมื่อมันเกี่ยวกับ “คุก” ก็เลยรู้สึกไม่ปลอดภัยกลัวจะเดินเข้าไปแล้วทะลุไปแดนไหนสักแดน ที่นี่เข้าชมฟรีนะครับลงทะเบียนเยี่ยมชมไว้หน่อยแล้วก็เดินเข้าไปเลย
ผมเคยสงสัยว่าทำไมจังหวัดนนทบุรีเรือนจำเยอะจัง...จนตอนหลังพบว่าเรือนจำคลองเปรมริมถนนงามวงศ์วานนั้นอยู่ในเขตกรุงเทพฯ...จบไป งั้นมาว่ากันต่อที่เรือนจำบางขวาง
เรือนจำกลางบางขวาง ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2476 พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 200 ไร่ เป็นพื้นที่ของเรือนจำภายในประมาณ 136ไร่ เดิมชื่อ “เรือนจำกองมหันตโทษ” และเปลี่ยนเป็น “เรือนจำบางขวาง” เมื่อปีพ.ศ.2484 โดยสมัยก่อนเรือนจำมี 2 แบบคือ “เรือนจำกองมหันตโทษ” เรียกว่า “คุก” และ “เรือนจำกองลหุโทษ” เรียกว่า “ตะราง" ส่วนเส้นที่ตัดกันไปมาเป็นช่องๆเรียกว่า "ตาราง"
สมัยรัชกาลที่ 5 ทรงดำริว่าบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ความเจริญ เห็นควรให้ย้ายเรือนจำกองมหันตโทษออกไปตั้งนอกพระนครทรงโปรดเกล้าฯให้เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมไปซื้อที่ดินที่ตำบลบางขวาง อำเภอตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรีจำนวนประมาณ 150 ไร่ ยังไม่ทันได้สร้างเปลี่ยนเสนาบดีฯเสียก่อน
สมัยต้นรัชกาลที่ 6 ได้เสนาบดีฯใหม่ นโยบายก็เปลี่ยนกลายเป็นเจียดที่ดินไปส่วนหนึ่งประมาณ 50 ไร่ไปสร้าง “โรงเรียนราชวิทยาลัย” และกลายเป็นศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่าที่ไปมาก่อนหน้านี้
ต่อมามีการประกาศรวมเรือนจำทั่วประเทศและตั้งเป็นกรมราชทัณฑ์ และได้กลับไปที่แผนเดิมคือย้ายเรือนจำมหันตโทษไปที่บางขวาง แต่พื้นที่ 50 ไร่ดันเอาไปทำโรงเรียนเสียแล้วเลยไม่พอ (อ้าว)...เลยต้องซื้อที่ดินเพิ่มอีกประมาณ 77 ไร่...แต่ก็ยังไม่ได้สร้าง (อ้าว อีกที)
พ.ศ. 2570 ซื้อที่ดินเพิ่มอีกประมาณ 8 ไร่และได้ที่ดินจากกรมพระคลังข้างที่อีกประมาณ 13 ไร่...ตอนนี้มีที่ดินรวมกันเท่าไหร่แล้วครับนักเรียน...ของเดิม 150 ไร่หักไปสร้างโรงเรียน 50 ไร่เหลือร้อยไร่ พักไว้ก่อน ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 77 ไร่ แล้วก็ซื้อเพิ่มอีก 8 ไร่กับได้มาฟรีอีก 13 ไร่รวมเป็นประมาณ 98 ไร่บวกของเดิมประมาณ 100 ไร่ก็ได้ที่รวมๆแล้วประมาณ 200 ไร่ อ่ะ สร้างได้
เรียนรู้ประวัติศาสตร์เรือนจำเสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้าไปข้างใน พิพิธภัณฑ์ต้อนรับเราด้วยวิธีการลงโทษและทรมานตั้งแต่สมัยโบราณซึ่งแน่นอนว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆยังไม่เกิด ดังนั้นความโหดนั้นมีอยู่เต็มเปี่ยมเช่น การต้มน้ำมันให้เดือดแล้วราดลงบนตัวนักโทษ (หูย) การเถือหนังออกแล้วเอาทรายขัด รวมถึงการเอาเบ็ดเหล็กขนาดใหญ่เกี่ยวไปใต้คางนักโทษแล้วชักรอกให้เท้าลอยพ้นพื้น
สมัยก่อนคงตัดสินโทษกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ดังนั้นการลงโทษหรือการประหารจึงออกมาในแนวโหดและรุนแรงมากเกินจินตนาการ ภรรยาผมดูการทรมานแต่ละแบบอย่างตั้งใจราวกับจะเอาไปปรับใช้ในชีวิตจริง ผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยบางอย่างเลยรีบชวนเดินไปส่วนถัดไป
บริเวณต่อๆมาเป็นวิวัฒนาการของระบบราชทัณฑ์ในประเทศไทย และแสดงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่ใช้ในการทำงาน รวมถึงดาบที่ใช้ประหารสมัยก่อนซึ่งมันใหญ่มากครับ อันเบ่อเร่อเลย น่ากลัวดีครับ
ด้านหลังของอาคารพิพิธภัณฑ์มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกชื่อหับเผย แต่วันที่ผมไปไม่เห็นมีใครอยู่เลยไม่ได้เข้าไปดู โดยรวมเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงได้ดีกว่าพิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรีมาก มีรายละเอียดต่างๆมากมาย การจัดแสดงทำได้ดี ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจและน่าศึกษา
เดินย้อยจากพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ย้อนมาทางท่าน้ำนนท์ประมาณ 300 เมตรมีร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อ “Cook & Coff” ซึ่งเป็นร้านของเรือนจำบางขวาง ตั้งชื่อร้านได้เท่มาก ความหมายคือปรุงและกาแฟ และพ้องเสียงกับคำว่า “คุก” ด้วย
อย่างที่บอกว่าร้านนี้เป็นของเรือนจำบางขวาง ดังนั้นพนักงานหลายท่านที่ทำงานที่นี่คือผู้ต้องขับที่ต้องโทษอยู่ที่เรือนจำนี่แหละ แต่เป็นผู้ต้องขังชั้นดีที่กำลังฝึกอาชีพรองรับไว้เมื่อพ้นโทษ
ผมไม่ได้ทานข้าวที่นี่แต่เห็นคนมานั่งทานข้าวกันเยอะเลย วิวที่ร้านดีมากเป็นวิวแม่น้ำแบบกว้างๆเลย อาหารก็น่าจะไม่เลวมีพี่ๆผู้ต้องขังคอยบริการ ในรูปผมเบลอหน้าพี่ๆเขาก่อนนะครับ ส่วนคาเฟ่ขนาดไม่ใหญ่โตนักก็มีพี่ๆเขาบริการอยู่ การบริการออกแนวสุภาพแต่ไม่นุ่มนวลก็ตามบุคลิกของพี่ๆเขาแหละ ที่จริงสุภาพกว่าพนักงานในร้านอาหารหลายๆร้านที่ผมเคยเจอด้วยซ้ำ
ในบริเวณเดียวกันกับ Cook & Coff มีร้านจำหน่ายสินค้าจากฝีมือพี่ๆผู้ต้องขังให้จับจ่ายและถือเป็นการสนับสนุนให้พี่ๆเขาได้มีอาชีพและรายได้ด้วยครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น