ต้องบอกก่อนนะครับว่า ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีพื้นฐานอะไรเลยครับ ในภาษาอังกฤษ ไม่ได้เรียนมาจากโรงเรียนอินเตอร์ หรือ จบนอกมาครับ ผมเริ่มจากการเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย แต่ผมมีเหตุจำเป็นต้องสอบเพื่อเอาคะแนน ielts ใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากที่รู้ว่าจะใช้คะแนนนี้ ผมรีบขอตังค์พ่อแม่ไปสอบเลยครับ ด้วยความที่คิดว่ามันคือข้อสอบทั่วไปแหละมั้ง ต่างแค่ราคา แต่ด้วยความที่ประมาทและดูถูกข้อสอบ ผมก็ได้เจอกับบทเรียนครั้งสำคัญ คะแนนที่ออกมาตอนนั้น อยู่ที่ OVERALL : 5.5 พาร์ทสปีคกิ้ง อยู่ที่ 4 ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ผมก็คิดว่าตัวเองก็พูดได้อยู่นะ หลังจากนั้นผมก็นอยกับข้อสอบielts ไปอีกสองเดือนเลยครับ ไม่แตะ ไม่ยุ่งอะไรเกี่ยวกับไอเอลอีกเลย จนกระทั่งวันนึง แม่ให้โอกาสผมครั้งสุดท้ายในการไปสอบ ผมรู้สึกว่านี่จุดเปลี่ยนครังสำคัญ จะทำผิดพลาดเหมือนในอดีตไม่ได้แล้ว
ผมเริ่มจากการศึกษาโครงสร้างของข้อสอบ ว่ามีพาร์ทอะไรตรงไหน มีรายละเอียดแบบไหนบ้าง คำถามที่เจอมีแบบไหนบ้าง ผมใช้เวลาทั้งวัน 24 ชั่วโมง คิดถึงเรื่องไอเอล แค่คิดนะครับ ไม่ได้ลงมือทำข้อสอบเลย จนมาถึง 3 สัปดาห์ก่อนสอบ ผมจึงเขียนไว้เลยว่าตัวเองวันนี้ วันนี้จะทำอะไรบ้าง ผมตั้งเป้าว่า 1 วัน ต้องทำข้อสอบอย่างน้อย 1 ชุด และผมเน้นทำแค่เล่ม เคมบริดจ์ครับ โดยไล่ตั้งแต่ 19 18 17 16 15 ทำให้มากที่สุด
ส่วนของพาร์ทการฟัง ด้วยความที่มีเวลาน้อย สิ่งที่เราทำได้คือ เปิดพอดแคสต์ครับ ผมชอบฟัง ielts speaking success บนสปอตดิไฟล์มากครับ ฟังทุกมื้อที่กินข้าวเลย และฟังคลิปบันเทิงอย่างอื่นบ้างที่เป็นการรีวิวห้องนอน รีวิวเครื่องบิน ของช่อง ryan ครับ และที่สำคัญคือการเน้น การฟังระยะยาวในส่วนของ พาร์ท 3-4 ผมฟัง TED-Ed ครับ เน้นแค่เรื่องที่เราสนใจ ให้เรามีสมาธิกับมันครับ
ว่ากันต่อด้วยพาร์ทอ่าน พาร์ทการอ่านถือว่าเป็นพาร์ทที่ผมชอบในบรรดาทุกพาร์ทครับ เราสามารถ ไปหน้าย้อนกลับ ทำอะไรก็ได้ ในช่วงเวลา 1 ชั่วโมง แต่สิ่งที่สำคัญคือการอ่านให้เข้าใจครับ ผมเริ่มจากการขีดไฮไลท์ที่เป็นคำคียเวิร์ด พวกชื่อคน สถานที่ วันเวลา และ ประเด็นสำคัญคือ คำถามจะถามครบทุกย่อหน้าครับ และ เรียงด้วย ดังนั้นเราจะสามารถรู้ได้เลยว่าเราอ่านข้ามตรงไหนไป และสิ่งที่สำคัญนะครับ การทำให้เราคุ้นเคยกับหลายบทความครับ ทั้งการเมือง การท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วันซ้อมผมทำได้ดีเพราะผมเจอพาร์ทที่ถนัดอยู่ครับ เช่นวิทยาศาสตร์ แต่พอวันสอบจริงรอบสอง เจอเรื่องการตลาด และ เรื่องการศึกษา ทำเอาผมสตั้นเหมือนกันครับ ทุก ๆ ครั้งที่ทำข้อสอบเสร็จแล้ว ผมมักจะจดคีย์เวริด์ลงในแอป quizlet ตั้งชื่อว่า keyword ielts 17, 18, .... และนำมาทวนตอนเวลาเรียนครับ คือผมทวนคำศัพท์ในทุกคาบเรียนครับ ผมไม่สนใจเนื้อหาในห้องเรียนเลย เพราะคิดว่า ielts สำคัญกว่า
แต่ทวนคือทวนจริง ๆ นะครับ เพราะถ้าเราไม่เอาจริง และ ต้องสอบใหม่และต้องมาเสียการเรียนรอบสอง ผมว่ามันไม่คุ้มเสียครับ
สองพาร์ทที่กล่าวเป็นพาร์ทที่ผมสามารถฝึกฝนได้ด้วยตนเองทุกวันครับ แต่พาร์ทการพูดและการเขียน จำเป็นต้องมีตัวช่วยครับ ผมจึงได้ลองลงเรียนแค่สองพาร์ทนี้กับ
good langauge ครับ เพราะมีเพื่อนที่เรียนอยู่และแนะนำมาครับ ผมก็รุ้สึกว่าน่าจะลองดู ด้วยราคาที่คุ้มครับ และผมได้คอร์สเรียน vocab มาเสริมด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์มากกับการเขียนครับ
พาร์ทการเขียน : พาร์ทการเขียน ผมเน้นจำเลยครับ เนื่องจากผมไม่ได้หวังจะอัพคะแนนอันนี้ให้มากมาย ขอเพียงแค่ 6.0 ก็เพียงพอแล้วครับ ด้วยเวลาแค่นี้ ผมไม่สามารถเห็นโจทย์และเขียนออกมาได้เลยแบบเด็กเก่งคนอื่นๆ ผมตึบ ทำอะไรไม่ถูกครับ จึงลองหันมาใช้ frame work ครับ frame work ที่ใช้ ผมเน้นใช้แค่ intro และ conclusion ครับ เพราะถ้าเราเอาไปใช้กับ body มันจะรู้สึกว่าเราปิดกั้นความคิดตัวเองกับ framework ไปครับ เริ่มต้นผมคิดว่าแกรมม่าเป็นเรื่องสำคัญมากครับ คุณแค่ต้องรู้ว่า มักใช้tenseอะไรในงานเขียน ในตัวคอร์สก็จะมีบอกมีสอนครับ ในคอร์สมีการอธิบายว่าประเภทคำถามมีอะไรบ้าง เจอแบบนี้ต้องใช้คำแบบไหน มันจะเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ไม่เก่งภาษาสำหรับผมครับ ส่วนเว็ปไซต์ที่ผมแนะนำ คือ ieltsessaybank ครับ เป็นตัวอย่างงงานเขียนที่ดีมากเลยครับ อีกช่องคือ ieltskrubeam ครับ เขามีไลฟ์สดฟรีอยู่ มีประโยชน์มากครับ ผมเน้นทำให้ได้มากที่สุด อย่าฝืนตัวเองมากไป ไม่จำเป็นต้องทุกวัน เพียงแค่เรารู้ว่า อ๋อ เราจะเขียนแบบนี้นะ idea แบบนี้ ใช่ครับ ผมเน้นการขายไอเดียให้ชัดเจนอย่างเดียวครับ มันจะพอดึงเรามา 6.0-6.5 ได้ครับ
พาร์ทการพูด ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน รวมถึงผมในตอนแรกด้วยครับ ในการสอบครั้งแรกผมได้ speaking แค่ 4.0 ใช่ครับ แค่นั้นเลย ผมตระวนกระวายในห้องสอบ ไม่รู้จะพุดยังไง เลยทำให้ผลลัพธ์เป็นอย่างที่เห็นครับ ผมจึงได้ลองเรียนในคอร์ส good langauge ที่เป็นการพูดครับทุกวันเสาร์ ทั้งออนไลน์และออนไซต์ สิ่งที่ผมเห็นหลายคนผิดพลาดคือ พวกเขาไม่กล้าพูดครับ ไม่กล้าที่จะตอบคำถามอาจารย์กัน แต่อาจารย์ก็ทำให้คนเหล่านั้นหันมาพูดได้ครับ ซึ่งผมอยากจะบอกทุกคนว่า พอมันถึงจุดที่เราเสียดายเงิน เสียดายเวลา เราจะไม่กลัวที่จะอายหรือผิดครับ มันคือสันชาติญาณของคนที่ไม่มีอะไรจะเสีย พูดออกมาเถอะครับ ทีเช้อและอาจารย์ก็จะสอนถึงเทคนิคการพูดให้ลื่นไหล ทั้งการพูดแบบ 8 ทิศ ให้ลื่นไหล และการตอบคำถามแบบไฟจราจรครับ
ถ้าพึ่งแค่ในคอร์สทุกวันเสาร์คงไม่ทันการครับ ผมจึงต้องมาฝึกพูดกับตัวเองทุกวันครับ ผมไม่กล้าที่จะฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจกเหมือนคนอื่นๆครับ มันเหมือนกับเราไม่ได้อยุ่ต่อหน้ากรรมการเท่าไหร เพื่อที่จะลดความกังวลความประหม่า ผมพยายามจำลองให้ตัวเองเหมือนอยู่ในห้องสอบมากทเ่าที่เป็นไปได้ครับ ผมไปเจอแอพนึงที่ชื่อว่า Praktika เป็นแอพที่จะมี AI มาฝึกพูดของเรา ผมไม่มีเงินซื้อโปรหรอกครับ แต่มันมีโปรฟรี 7 วัน ผมนำมาใช้สัปดาห์ก่อนสอบครับ แล้วปรากฏว่าผมกล้าพูดมากขึ้นกล้าเสนอสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงผมไปเจอช่องยูทูป ielts speaking success ที่จะบอกคำศัพท์การพูดฟรีๆ ในยูทูปครับ
จนผลสอบครั้งที่สองผมได้ OVERALL: 6.5 speaking : 6.5 ครับ ผมเป็นกำลังใจทุกคนที่ท้อและสิ้นหวังนะครับ อย่าเสียใจเยอะแล้วลุกสู้ต่อครับ สู้ๆๆ
คะแนนครั้งแรก

คะแนนครั้งสอง
ielts speking 4 to 6.5 ฉบับเด็กไทยไม่ได้เป็นอินเตอร์
ผมเริ่มจากการศึกษาโครงสร้างของข้อสอบ ว่ามีพาร์ทอะไรตรงไหน มีรายละเอียดแบบไหนบ้าง คำถามที่เจอมีแบบไหนบ้าง ผมใช้เวลาทั้งวัน 24 ชั่วโมง คิดถึงเรื่องไอเอล แค่คิดนะครับ ไม่ได้ลงมือทำข้อสอบเลย จนมาถึง 3 สัปดาห์ก่อนสอบ ผมจึงเขียนไว้เลยว่าตัวเองวันนี้ วันนี้จะทำอะไรบ้าง ผมตั้งเป้าว่า 1 วัน ต้องทำข้อสอบอย่างน้อย 1 ชุด และผมเน้นทำแค่เล่ม เคมบริดจ์ครับ โดยไล่ตั้งแต่ 19 18 17 16 15 ทำให้มากที่สุด
ส่วนของพาร์ทการฟัง ด้วยความที่มีเวลาน้อย สิ่งที่เราทำได้คือ เปิดพอดแคสต์ครับ ผมชอบฟัง ielts speaking success บนสปอตดิไฟล์มากครับ ฟังทุกมื้อที่กินข้าวเลย และฟังคลิปบันเทิงอย่างอื่นบ้างที่เป็นการรีวิวห้องนอน รีวิวเครื่องบิน ของช่อง ryan ครับ และที่สำคัญคือการเน้น การฟังระยะยาวในส่วนของ พาร์ท 3-4 ผมฟัง TED-Ed ครับ เน้นแค่เรื่องที่เราสนใจ ให้เรามีสมาธิกับมันครับ
ว่ากันต่อด้วยพาร์ทอ่าน พาร์ทการอ่านถือว่าเป็นพาร์ทที่ผมชอบในบรรดาทุกพาร์ทครับ เราสามารถ ไปหน้าย้อนกลับ ทำอะไรก็ได้ ในช่วงเวลา 1 ชั่วโมง แต่สิ่งที่สำคัญคือการอ่านให้เข้าใจครับ ผมเริ่มจากการขีดไฮไลท์ที่เป็นคำคียเวิร์ด พวกชื่อคน สถานที่ วันเวลา และ ประเด็นสำคัญคือ คำถามจะถามครบทุกย่อหน้าครับ และ เรียงด้วย ดังนั้นเราจะสามารถรู้ได้เลยว่าเราอ่านข้ามตรงไหนไป และสิ่งที่สำคัญนะครับ การทำให้เราคุ้นเคยกับหลายบทความครับ ทั้งการเมือง การท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วันซ้อมผมทำได้ดีเพราะผมเจอพาร์ทที่ถนัดอยู่ครับ เช่นวิทยาศาสตร์ แต่พอวันสอบจริงรอบสอง เจอเรื่องการตลาด และ เรื่องการศึกษา ทำเอาผมสตั้นเหมือนกันครับ ทุก ๆ ครั้งที่ทำข้อสอบเสร็จแล้ว ผมมักจะจดคีย์เวริด์ลงในแอป quizlet ตั้งชื่อว่า keyword ielts 17, 18, .... และนำมาทวนตอนเวลาเรียนครับ คือผมทวนคำศัพท์ในทุกคาบเรียนครับ ผมไม่สนใจเนื้อหาในห้องเรียนเลย เพราะคิดว่า ielts สำคัญกว่า
แต่ทวนคือทวนจริง ๆ นะครับ เพราะถ้าเราไม่เอาจริง และ ต้องสอบใหม่และต้องมาเสียการเรียนรอบสอง ผมว่ามันไม่คุ้มเสียครับ
สองพาร์ทที่กล่าวเป็นพาร์ทที่ผมสามารถฝึกฝนได้ด้วยตนเองทุกวันครับ แต่พาร์ทการพูดและการเขียน จำเป็นต้องมีตัวช่วยครับ ผมจึงได้ลองลงเรียนแค่สองพาร์ทนี้กับ good langauge ครับ เพราะมีเพื่อนที่เรียนอยู่และแนะนำมาครับ ผมก็รุ้สึกว่าน่าจะลองดู ด้วยราคาที่คุ้มครับ และผมได้คอร์สเรียน vocab มาเสริมด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์มากกับการเขียนครับ
พาร์ทการเขียน : พาร์ทการเขียน ผมเน้นจำเลยครับ เนื่องจากผมไม่ได้หวังจะอัพคะแนนอันนี้ให้มากมาย ขอเพียงแค่ 6.0 ก็เพียงพอแล้วครับ ด้วยเวลาแค่นี้ ผมไม่สามารถเห็นโจทย์และเขียนออกมาได้เลยแบบเด็กเก่งคนอื่นๆ ผมตึบ ทำอะไรไม่ถูกครับ จึงลองหันมาใช้ frame work ครับ frame work ที่ใช้ ผมเน้นใช้แค่ intro และ conclusion ครับ เพราะถ้าเราเอาไปใช้กับ body มันจะรู้สึกว่าเราปิดกั้นความคิดตัวเองกับ framework ไปครับ เริ่มต้นผมคิดว่าแกรมม่าเป็นเรื่องสำคัญมากครับ คุณแค่ต้องรู้ว่า มักใช้tenseอะไรในงานเขียน ในตัวคอร์สก็จะมีบอกมีสอนครับ ในคอร์สมีการอธิบายว่าประเภทคำถามมีอะไรบ้าง เจอแบบนี้ต้องใช้คำแบบไหน มันจะเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ไม่เก่งภาษาสำหรับผมครับ ส่วนเว็ปไซต์ที่ผมแนะนำ คือ ieltsessaybank ครับ เป็นตัวอย่างงงานเขียนที่ดีมากเลยครับ อีกช่องคือ ieltskrubeam ครับ เขามีไลฟ์สดฟรีอยู่ มีประโยชน์มากครับ ผมเน้นทำให้ได้มากที่สุด อย่าฝืนตัวเองมากไป ไม่จำเป็นต้องทุกวัน เพียงแค่เรารู้ว่า อ๋อ เราจะเขียนแบบนี้นะ idea แบบนี้ ใช่ครับ ผมเน้นการขายไอเดียให้ชัดเจนอย่างเดียวครับ มันจะพอดึงเรามา 6.0-6.5 ได้ครับ
พาร์ทการพูด ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน รวมถึงผมในตอนแรกด้วยครับ ในการสอบครั้งแรกผมได้ speaking แค่ 4.0 ใช่ครับ แค่นั้นเลย ผมตระวนกระวายในห้องสอบ ไม่รู้จะพุดยังไง เลยทำให้ผลลัพธ์เป็นอย่างที่เห็นครับ ผมจึงได้ลองเรียนในคอร์ส good langauge ที่เป็นการพูดครับทุกวันเสาร์ ทั้งออนไลน์และออนไซต์ สิ่งที่ผมเห็นหลายคนผิดพลาดคือ พวกเขาไม่กล้าพูดครับ ไม่กล้าที่จะตอบคำถามอาจารย์กัน แต่อาจารย์ก็ทำให้คนเหล่านั้นหันมาพูดได้ครับ ซึ่งผมอยากจะบอกทุกคนว่า พอมันถึงจุดที่เราเสียดายเงิน เสียดายเวลา เราจะไม่กลัวที่จะอายหรือผิดครับ มันคือสันชาติญาณของคนที่ไม่มีอะไรจะเสีย พูดออกมาเถอะครับ ทีเช้อและอาจารย์ก็จะสอนถึงเทคนิคการพูดให้ลื่นไหล ทั้งการพูดแบบ 8 ทิศ ให้ลื่นไหล และการตอบคำถามแบบไฟจราจรครับ
ถ้าพึ่งแค่ในคอร์สทุกวันเสาร์คงไม่ทันการครับ ผมจึงต้องมาฝึกพูดกับตัวเองทุกวันครับ ผมไม่กล้าที่จะฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจกเหมือนคนอื่นๆครับ มันเหมือนกับเราไม่ได้อยุ่ต่อหน้ากรรมการเท่าไหร เพื่อที่จะลดความกังวลความประหม่า ผมพยายามจำลองให้ตัวเองเหมือนอยู่ในห้องสอบมากทเ่าที่เป็นไปได้ครับ ผมไปเจอแอพนึงที่ชื่อว่า Praktika เป็นแอพที่จะมี AI มาฝึกพูดของเรา ผมไม่มีเงินซื้อโปรหรอกครับ แต่มันมีโปรฟรี 7 วัน ผมนำมาใช้สัปดาห์ก่อนสอบครับ แล้วปรากฏว่าผมกล้าพูดมากขึ้นกล้าเสนอสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงผมไปเจอช่องยูทูป ielts speaking success ที่จะบอกคำศัพท์การพูดฟรีๆ ในยูทูปครับ
จนผลสอบครั้งที่สองผมได้ OVERALL: 6.5 speaking : 6.5 ครับ ผมเป็นกำลังใจทุกคนที่ท้อและสิ้นหวังนะครับ อย่าเสียใจเยอะแล้วลุกสู้ต่อครับ สู้ๆๆ
คะแนนครั้งแรก
คะแนนครั้งสอง