ฤทธิ์พายุซูลิก น้ำเหนือทะลักลงเขื่อนเจ้าพระยา ชุมชนที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมขังสูงเกือบเมตร
https://www.matichon.co.th/region/news_4806211
ฤทธิ์พายุซูลิก น้ำเหนือทะลักลงเขื่อนเจ้าพระยา ชุมชนที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมขังสูงเกือบเมตร
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ชัยนาท หลังจากที่กรมชลประทานได้ประกาศแจ้งเตือน 11 จังหวัด ภาคกลาง ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ที่ต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่จะเกิดขึ้นจากอิทธิพลจากร่องมรุสมกำลังแรง และพายุโซนร้อนซูลิก ที่จะทำให้ฝนตกหนักทางตอนบนและภาคกลางของประเทศ มีผลทำให้ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนเจ้าพระยามากขึ้น และอาจจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดขึ้นไปในเกณฑ์ไม่เกิน 1,500 ลบ.ม./วินาที ช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้นอีก 60-100 ซ.ม.นั้น
ล่าสุดสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเเจ้าพระยา กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มภาคกลาง ได้คงการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเพื่อรักษาสมดุลน้ำทั้ง 2 ด้าน โดยปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เวลา 09.00น. ของวันนี้ วัดได้ 1,297ลบ.ม./วิ (ลูกบาศเมตรต่อวินาที) โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวขึ้น 36 ซ.ม. ในรอบ24ชม. ล่าสุดวัดได้ 14.96 ม.รทก. (เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้คงการระบายน้ำไว้ที่1,049ลบ.ม./วิเป็นวันที่ 6 เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างน้ำเหนือและท้ายเขื่อน และสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำรองรับปริมาณน้ำจากอิทธิพลของพาร่องมรสุมกำลังแรงและยุพาซูลิก ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนทรงตัวในรอบ 6 วัน ล่าสุดวัดได้ 11.16 ม.รทก.
ทั้งนี้ จากการคงการระบายน้ำอย่างต่อเนื่องขนอัตรา 1,049ลบ.ม./วิ ของเขื่อนเจ้าพระยา จะส่งผลดีกับพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ระดับน้ำลดลง 10-20 ซ.ม. ใน 24 ชม.ข้างหน้า แต่จากปริมาณฝนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุซูลิก จึงยังต้องขอให้พื้นที่ลุ่มนอกคันกั้นน้ำเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา อิทธิพลของพายุซูลิกทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ จ.ชัยนาท ส่งผลให้ชุมชนพื้นที่ลุ่มต่อ ม.6 ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ถูกน้ำมาณปริมาณมากไหลมาขังในจุดแอ่งกะทะ มีความสูงเกือบ 1 ม. เจ้าหน้าที่ เทศบาลตำบลหาดอาาาต้องใช้เครื่องสูบน้ำกำลังแรง ระดมสูบน้ำออกลงสู่คลองมหาราชทั้งวันทั้งคืน เพื่อลดความเดือดร้อยของชาวบ้านในพื้นที่
น้ำป่าห้วยแม่ตาน ทะลักท่วมหมู่บ้าน ซัดแรงชาวบ้านหาย 2 ราย ยังไม่ทราบชะตากรรม
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9425304
น้ำป่าห้วยแม่ตาน ทะลักท่วมหมู่บ้าน ซัดแรงชาวบ้านหาย 2 ราย ยังไม่ทราบชะตากรรม เจ้าหน้าที่เร่งออกตามหา แต่ยังไม่พบ เผยบ้านเรือนเสียหายหลายหลัง
เช้าวันที่ 23 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านเรือนชาวบ้านที่ติดลำห้วยแม่ตาน บ้านห้วยเรียน หมู่ 6 ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ต่างได้รับความเสียหาย หลังเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา เกิดน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากฝนตกหนักในพื้นที่ปาเขตอุทยานแห่งชาติขุนตาล ไหลทะลักลงลำห้วยแม่ตาน และเอ่อท่วมหมู่บ้านต้นน้ำ ที่แรกคือ บ้านปางปงปางทราย บ้านแม่ตาลน้อย และบ้านห้วยเรียน ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงกว่า 1.50 เมตร ไหลรุนแรงพัดบ้านพังเสียหายไปหลายหลัง
ขณะเกิดเหตุทางผู้ใหญ่บ้านประกาศให้ลูกบ้านอพยพไปในที่ปลอดภัย จนกระทั่งเช้าวันนี้ทุกคนต่างออกมาสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เบื้องต้นพบว่าบ้านเรือนถูกกระแสน้ำพัดพังได้รับความเสียหายไปกว่า 40 หลังคาเรือน กำแพงบ้านพังเสียหายจำนวนมาก โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ใกล้ลำห้วย ทรัพย์สินอื่นๆยังอยู่ระหว่างสำรวจ
เบื้องต้น นาง
ลัดา อุสาทำ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านห้วยเรียน แจ้งว่า มีลูกบ้านหายไป 1 ราย ช่วงขณะเกิดน้ำป่าไหลหลาก คือ นาง
เทียม ธรรมโชค อายุ 48 ปี ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว อยู่ติดลำห้วยแม่ตาน เบื้องต้นทราบว่าขณะเกิดเหตุทางผู้ใหญ่บ้านประกาศให้อพยพออกจากบ้านให้เร็วที่สุด เนื่องจากมีน้ำป่า
โดยนาง
เทียม อาศัยอยู่กับสามีและลูก ช่วงนั้น นาง
เทียม เดินฝ่ากระแสน้ำออกมาก่อน ส่วนสามีและลูกช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงและช่วยเหลือพ่อกับแม่ที่ติดอยู่บนหลังคาบ้าน กระทั่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือไปในที่ปลอดภัย และทางสามี คิดว่านาง
เทียม อพยพ มาอยู่ในวัดแล้ว แต่ออกตามหาก็ไม่พบตลอดทั้งคืนและเช้าวันนี้ คาดว่าน่าจะถูกกระแสน้ำพัดไป เจ้าหน้าที่และชาวบ้านยังช่วยกันออกตามหาในขณะนี้
นอกจากนี้มีรายงานว่ามี หญิงชรา ชาวบ้านปางปงปางทราย หมู่บ้านต้นน้ำถูกกระแสน้ำพัดบ้านพังหายไปกับกระแสน้ำ ชาวบ้านเจ้าหน้าที่กำลังเร่งช่วยค้นหาอย่างเร่งด่วน ส่วนสถานการณ์ทั่วไปเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วหลังระดับน้ำเริ่มลดลง.
ปชน. จัดทัพใหม่ ตั้ง 7 รองหน. 12 รองเลขา ตัวตึงไม่พลาด ดัน เจนใหม่ คุมภูมิภาค ‘โตโต้’ ดู กทม.-ปริมณฑล https://www.matichon.co.th/politics/news_4805956
ปชน. จัดทัพใหม่ ตั้ง 7 รองหน. 12 รองเลขา ตัวตึงไม่พลาด ดัน เจนใหม่คุมภูมิภาค ‘โตโต้’ ดู กทม.-ปริมณฑล
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่โรงแรมเมเปิล เขตบางนา กรุงเทพฯ พรรคประชาชน (ปชน.) จัดงานสัมมนาภายในระหว่างแกนนำพรรค สส. พนักงานพรรค และฝ่ายเครือข่าย เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำงานที่ผ่านมา ถอดบทเรียนจากเสียงสะท้อนของผู้สนับสนุนพรรค วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน และร่วมกันกำหนดทิศทางการเดินหน้าทำงานต่อไปของพรรคระหว่างวันที่ 21-22 ก.ย.
ในช่วงหนึ่งของการสัมมนา นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า พรรคประชาชนเริ่มก่อร่างสร้างพรรคมาได้เดือนกว่าแล้ว ต้องขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่ร่วมกันขับเคลื่อนพรรคในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ ที่ผ่านมาเราอาจจะพบกับอุปสรรคหลายเรื่อง เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความคาดหวังของประชาชน พวกเรารับทราบถึงความคาดหวังดังกล่าว และไม่ได้นิ่งเฉย โดยการสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นการจัดทัพหลังการเปลี่ยนผ่าน ยืนยันว่าพวกเราพรรคประชาชนน้อมรับทุกความความคาดหวัง และพร้อมปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายใหญ่ร่วมกัน
“
จากนี้ทุกองคาพยพของพรรคประชาชนพร้อมทำงานตอบสนองความคาดหวังของประชาชน ดังนั้น ขอให้ทุกคนเดินหน้าทำงานต่อไป เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ร่วมกันคือการเลือกตั้งปี 2570 ที่อำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน” นายณัฐพงษ์กล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีการจัดการเลือกตั้งรองเลขาธิการพรรคจำนวน 12 ตำแหน่ง แบ่งเป็นสัดส่วนภูมิภาค 8 ตำแหน่ง สัดส่วนกลุ่มประเด็น 2 ตำแหน่ง และสัดส่วนสำนักงาน 2 ตำแหน่ง เพื่อมุ่งหวังให้การจัดทำนโยบายของพรรคลงลึกไปในระดับภูมิภาคและกลุ่มประเด็นต่างๆ มากขึ้น โดยมีรายชื่อ ดังนี้
1. นาย
ปิยรัฐ จงเทพ- รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนกทม.และปริมณฑล
2. นาย
เจษฎา เอี่ยมปุ่น – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคกลาง
3. นาย
พงศธร ศรเพชรนรินทร์ – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคตะวันออก
4. นาย
วิจักษณ์ พฤกษ์สุริยา – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคใต้
5. นาย
วิสา บุญนัดดา – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคเหนือตอนบน
6. นาย
คริษฐ์ ปานเนียม – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคเหนือตอนล่าง
7. นาย
วีรนันท์ ฮวดศรี – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคอีสานตอนบน
8. นาย
พนา ใจตรง – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคอีสานตอนล่าง
9. นาย
ณธนภัทร ฤทธิ์เนติกุล – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนเครือข่ายชาติพันธุ์
10. นาย
เซีย จำปาทอง – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนเครือข่ายแรงงาน
11. นาง
ลลิตา สิริพัชรนันท์ – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนสำนักงาน
12. นาย
พีรัช สงเคราะห์ – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนสำนักงาน
นอกจากนี้ยังมีการประกาศรายชื่อผู้รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคในฝ่ายต่างๆ ได้แก่
1. น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายนโยบาย
2. นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการสภา
3. นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการพิเศษ
4. นาย
รังสิมันต์ โรม – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการทั่วไป
5. นาย
ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร – รองหน้าพรรค ฝ่ายต่างประเทศ
6. พล.ต.ต.
สุพิศาล ภักดีนฤนาถ – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการภายนอก
7. นพ.
วาโย อัศวรุ่งเรือง – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกฎหมาย
JJNY : ฤทธิ์พายุซูลิก น้ำเหนือทะลักลงเขื่อนเจ้าพระยา│น้ำป่าห้วยแม่ตานทะลักหมู่บ้าน│ปชน. จัดทัพใหม่│น้ำท่วมญี่ปุ่นดับ 6ศพ
https://www.matichon.co.th/region/news_4806211
ฤทธิ์พายุซูลิก น้ำเหนือทะลักลงเขื่อนเจ้าพระยา ชุมชนที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมขังสูงเกือบเมตร
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ชัยนาท หลังจากที่กรมชลประทานได้ประกาศแจ้งเตือน 11 จังหวัด ภาคกลาง ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ที่ต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่จะเกิดขึ้นจากอิทธิพลจากร่องมรุสมกำลังแรง และพายุโซนร้อนซูลิก ที่จะทำให้ฝนตกหนักทางตอนบนและภาคกลางของประเทศ มีผลทำให้ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนเจ้าพระยามากขึ้น และอาจจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดขึ้นไปในเกณฑ์ไม่เกิน 1,500 ลบ.ม./วินาที ช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้นอีก 60-100 ซ.ม.นั้น
ล่าสุดสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเเจ้าพระยา กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มภาคกลาง ได้คงการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเพื่อรักษาสมดุลน้ำทั้ง 2 ด้าน โดยปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เวลา 09.00น. ของวันนี้ วัดได้ 1,297ลบ.ม./วิ (ลูกบาศเมตรต่อวินาที) โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวขึ้น 36 ซ.ม. ในรอบ24ชม. ล่าสุดวัดได้ 14.96 ม.รทก. (เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้คงการระบายน้ำไว้ที่1,049ลบ.ม./วิเป็นวันที่ 6 เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างน้ำเหนือและท้ายเขื่อน และสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำรองรับปริมาณน้ำจากอิทธิพลของพาร่องมรสุมกำลังแรงและยุพาซูลิก ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนทรงตัวในรอบ 6 วัน ล่าสุดวัดได้ 11.16 ม.รทก.
ทั้งนี้ จากการคงการระบายน้ำอย่างต่อเนื่องขนอัตรา 1,049ลบ.ม./วิ ของเขื่อนเจ้าพระยา จะส่งผลดีกับพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ระดับน้ำลดลง 10-20 ซ.ม. ใน 24 ชม.ข้างหน้า แต่จากปริมาณฝนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุซูลิก จึงยังต้องขอให้พื้นที่ลุ่มนอกคันกั้นน้ำเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา อิทธิพลของพายุซูลิกทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ จ.ชัยนาท ส่งผลให้ชุมชนพื้นที่ลุ่มต่อ ม.6 ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ถูกน้ำมาณปริมาณมากไหลมาขังในจุดแอ่งกะทะ มีความสูงเกือบ 1 ม. เจ้าหน้าที่ เทศบาลตำบลหาดอาาาต้องใช้เครื่องสูบน้ำกำลังแรง ระดมสูบน้ำออกลงสู่คลองมหาราชทั้งวันทั้งคืน เพื่อลดความเดือดร้อยของชาวบ้านในพื้นที่
น้ำป่าห้วยแม่ตาน ทะลักท่วมหมู่บ้าน ซัดแรงชาวบ้านหาย 2 ราย ยังไม่ทราบชะตากรรม
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9425304
น้ำป่าห้วยแม่ตาน ทะลักท่วมหมู่บ้าน ซัดแรงชาวบ้านหาย 2 ราย ยังไม่ทราบชะตากรรม เจ้าหน้าที่เร่งออกตามหา แต่ยังไม่พบ เผยบ้านเรือนเสียหายหลายหลัง
เช้าวันที่ 23 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านเรือนชาวบ้านที่ติดลำห้วยแม่ตาน บ้านห้วยเรียน หมู่ 6 ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ต่างได้รับความเสียหาย หลังเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา เกิดน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากฝนตกหนักในพื้นที่ปาเขตอุทยานแห่งชาติขุนตาล ไหลทะลักลงลำห้วยแม่ตาน และเอ่อท่วมหมู่บ้านต้นน้ำ ที่แรกคือ บ้านปางปงปางทราย บ้านแม่ตาลน้อย และบ้านห้วยเรียน ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงกว่า 1.50 เมตร ไหลรุนแรงพัดบ้านพังเสียหายไปหลายหลัง
ขณะเกิดเหตุทางผู้ใหญ่บ้านประกาศให้ลูกบ้านอพยพไปในที่ปลอดภัย จนกระทั่งเช้าวันนี้ทุกคนต่างออกมาสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เบื้องต้นพบว่าบ้านเรือนถูกกระแสน้ำพัดพังได้รับความเสียหายไปกว่า 40 หลังคาเรือน กำแพงบ้านพังเสียหายจำนวนมาก โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ใกล้ลำห้วย ทรัพย์สินอื่นๆยังอยู่ระหว่างสำรวจ
เบื้องต้น นางลัดา อุสาทำ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านห้วยเรียน แจ้งว่า มีลูกบ้านหายไป 1 ราย ช่วงขณะเกิดน้ำป่าไหลหลาก คือ นางเทียม ธรรมโชค อายุ 48 ปี ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว อยู่ติดลำห้วยแม่ตาน เบื้องต้นทราบว่าขณะเกิดเหตุทางผู้ใหญ่บ้านประกาศให้อพยพออกจากบ้านให้เร็วที่สุด เนื่องจากมีน้ำป่า
โดยนางเทียม อาศัยอยู่กับสามีและลูก ช่วงนั้น นางเทียม เดินฝ่ากระแสน้ำออกมาก่อน ส่วนสามีและลูกช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงและช่วยเหลือพ่อกับแม่ที่ติดอยู่บนหลังคาบ้าน กระทั่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือไปในที่ปลอดภัย และทางสามี คิดว่านางเทียม อพยพ มาอยู่ในวัดแล้ว แต่ออกตามหาก็ไม่พบตลอดทั้งคืนและเช้าวันนี้ คาดว่าน่าจะถูกกระแสน้ำพัดไป เจ้าหน้าที่และชาวบ้านยังช่วยกันออกตามหาในขณะนี้
นอกจากนี้มีรายงานว่ามี หญิงชรา ชาวบ้านปางปงปางทราย หมู่บ้านต้นน้ำถูกกระแสน้ำพัดบ้านพังหายไปกับกระแสน้ำ ชาวบ้านเจ้าหน้าที่กำลังเร่งช่วยค้นหาอย่างเร่งด่วน ส่วนสถานการณ์ทั่วไปเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วหลังระดับน้ำเริ่มลดลง.
ปชน. จัดทัพใหม่ ตั้ง 7 รองหน. 12 รองเลขา ตัวตึงไม่พลาด ดัน เจนใหม่ คุมภูมิภาค ‘โตโต้’ ดู กทม.-ปริมณฑล https://www.matichon.co.th/politics/news_4805956
ปชน. จัดทัพใหม่ ตั้ง 7 รองหน. 12 รองเลขา ตัวตึงไม่พลาด ดัน เจนใหม่คุมภูมิภาค ‘โตโต้’ ดู กทม.-ปริมณฑล
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่โรงแรมเมเปิล เขตบางนา กรุงเทพฯ พรรคประชาชน (ปชน.) จัดงานสัมมนาภายในระหว่างแกนนำพรรค สส. พนักงานพรรค และฝ่ายเครือข่าย เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำงานที่ผ่านมา ถอดบทเรียนจากเสียงสะท้อนของผู้สนับสนุนพรรค วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน และร่วมกันกำหนดทิศทางการเดินหน้าทำงานต่อไปของพรรคระหว่างวันที่ 21-22 ก.ย.
ในช่วงหนึ่งของการสัมมนา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า พรรคประชาชนเริ่มก่อร่างสร้างพรรคมาได้เดือนกว่าแล้ว ต้องขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่ร่วมกันขับเคลื่อนพรรคในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ ที่ผ่านมาเราอาจจะพบกับอุปสรรคหลายเรื่อง เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความคาดหวังของประชาชน พวกเรารับทราบถึงความคาดหวังดังกล่าว และไม่ได้นิ่งเฉย โดยการสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นการจัดทัพหลังการเปลี่ยนผ่าน ยืนยันว่าพวกเราพรรคประชาชนน้อมรับทุกความความคาดหวัง และพร้อมปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายใหญ่ร่วมกัน
“จากนี้ทุกองคาพยพของพรรคประชาชนพร้อมทำงานตอบสนองความคาดหวังของประชาชน ดังนั้น ขอให้ทุกคนเดินหน้าทำงานต่อไป เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ร่วมกันคือการเลือกตั้งปี 2570 ที่อำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน” นายณัฐพงษ์กล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีการจัดการเลือกตั้งรองเลขาธิการพรรคจำนวน 12 ตำแหน่ง แบ่งเป็นสัดส่วนภูมิภาค 8 ตำแหน่ง สัดส่วนกลุ่มประเด็น 2 ตำแหน่ง และสัดส่วนสำนักงาน 2 ตำแหน่ง เพื่อมุ่งหวังให้การจัดทำนโยบายของพรรคลงลึกไปในระดับภูมิภาคและกลุ่มประเด็นต่างๆ มากขึ้น โดยมีรายชื่อ ดังนี้
1. นายปิยรัฐ จงเทพ- รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนกทม.และปริมณฑล
2. นายเจษฎา เอี่ยมปุ่น – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคกลาง
3. นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคตะวันออก
4. นายวิจักษณ์ พฤกษ์สุริยา – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคใต้
5. นายวิสา บุญนัดดา – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคเหนือตอนบน
6. นายคริษฐ์ ปานเนียม – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคเหนือตอนล่าง
7. นายวีรนันท์ ฮวดศรี – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคอีสานตอนบน
8. นายพนา ใจตรง – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคอีสานตอนล่าง
9. นายณธนภัทร ฤทธิ์เนติกุล – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนเครือข่ายชาติพันธุ์
10. นายเซีย จำปาทอง – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนเครือข่ายแรงงาน
11. นางลลิตา สิริพัชรนันท์ – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนสำนักงาน
12. นายพีรัช สงเคราะห์ – รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนสำนักงาน
นอกจากนี้ยังมีการประกาศรายชื่อผู้รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคในฝ่ายต่างๆ ได้แก่
1. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายนโยบาย
2. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการสภา
3. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการพิเศษ
4. นายรังสิมันต์ โรม – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการทั่วไป
5. นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร – รองหน้าพรรค ฝ่ายต่างประเทศ
6. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการภายนอก
7. นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง – รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกฎหมาย