พรบ. ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ 2551 มีไว้ให้ใครปฏิบัติ?

กฎหมายมาตรา 40 วรรคสาม และ 42(1) แห่ง พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 ระบุชัดเจนให้ ธปท มีอำนาจประกาศกำหนดวิธีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยรายปีให้สถาบันการเงินถือปฏิบัติ และควบคุมวงเงินการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน

แต่ ธปท.ผู้ซึ่งได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายผ่าน กนง.ที่ต่ำมากเพียงแค่ 0.5%-1.5% เท่านั้นมานานนับทศวรรษเลยนะ แล้วมันมีประโยชน์อะไรในเมื่อ ธปท กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่สามารถคิดกับประชาชนได้กลับสูงปรี๊ดส์ส์ถึง 15% - 25% โดย ธปท ไม่สามารถแสดงถึงแหล่งที่มาที่ไปถึง "วิธีการคำนวณอัตราดอกเบี้ย" ให้ ปชช สามารถรับทราบได้เลยว่าเพดานอัตราดอกเบี้ยที่สูงปรี๊ดส์ส์ถึง 15% - 25% นี้ ธปท มีวิธีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยนี้มาได้อย่างไรกันแน่? 

#ปชช มีสิทธิรับทราบบ้างไหม? 

#หรือมันขึ้นอยู่กับนายทุนนายธนาคารที่เป็นผู้สั่ง ธปท ให้กำหนดเพดานดอกเบี้ยงั้นรึ? 

#ธปท จึงไม่สามารถประกาศกำหนดวิธีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยให้สถาบันการเงินถือปฏิบัติได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้?

#สรุปคือ ธปท ทำงานให้ ปชช หรือนายทุนนายธนาคารกันแน่? 

#หนี้เยอะไม่ร้ายแรงเท่า "หนี้เน่า"

#ปท อื่นๆจึงต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อ ปชช จะยังคงสามารถใช้หนี้ได้อยู่ และ ศก.ยังเดินหน้าต่อไปได้

# ธปท จะรู้เรื่องมั่งไหมเนี่ย?

#ที่หนี้ครัวเรือนของ ปทท สูงนี้ สาเหตุหลักๆมันก็เพราะนอกจาก ธปท จะไม่ควบคุมอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลตามกฎหมายมาตรา 40 วรรคสามแล้ว ธปท.ยังไม่ควบคุมวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ตามมาตรา 42(1) แห่ง พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 อีกด้วย เพราะ ธปท ละเลยปล่อยให้สถาบันการเงินปล่อยวงเงินได้สูงสุดถึง 5 เท่าต่อหนึ่งสถาบันการเงินอีกด้วย ทั้งที่เป็นสินเชื่อที้ไม่ก่อให้เกิดรายได้เลยอีกด้วย

#หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อ ปชช = มอมเมา ปชช

#ธปท ควรควบคุมคุณภาพสินเชื่อของสถาบันการเงินด้วยนะ ตื่นมาทำงานเพื่อ ปชช บ้าง

#น่าสงสารคนไทยที่มี ธปท ก็เหมือนไม่มี...

#พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 มีไว้ให้ใครปฏิบัติ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่