10 ปีกับภาพฝันเล็กๆและการเดินทางที่สุดโหด ตอนที่ 3

ห่างจากตอนที่ 2 มา 1 ปี  3 เดือนได้ สำหรับคนที่อ่านมาตั้งแต่ตอนที่ 1 คงคิดแล้วว่ากี่ตอนจะจบ ผมคาดว่าน่าจะมีทั้งหมด 5 ตอน ครับ
ตอนที่ 5 น่าจะมาในช่วงกลางๆปีหน้า เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ

ในตอนที่ 2 ผมได้บอกว่าผมสามารถผลิตหูฟังที่มี QC ที่สมบูรณ์ได้แล้ว ซึ่งผมผิด ผิดดดดดดอีกแล้ววววววววววววววว อีกแล้วๆๆๆๆๆ
ผมว่าผมรอบคอบแล้ว ละเอียดแล้ว อยู่กับงานวิจัยมา 12 ปี แต่ก็ยังพลาดอีกจนได้ หลังจากที่รู้ว่าผมพลาดอีกแล้ว ผมใช้เวลาอยู่หลายเดือนเพื่อหาสาเหตุว่ามาจากอะไร และพบว่าผิดที่ขั้นตอนประกอบซึ่งต้องซื้อเครื่องจักรใหม่ 2 ตัวเพื่อแก้ปัญหา เงินอีกแล้วครับ ต้องหาเงินมาซื้อเครื่องจักรใหม่กว่าจะเก็บเงินได้ก็ใช้เวลาอีกพอควรเหมือนกัน เงินครบแล้วก็จัดไปครับ บินไปจีนเพื่อเลือกซื้อเครื่องใหม่ 2 ตัวที่ต้องใช้เพื่อแก้ปัญหาด้าน QC ผมจึงได้สอบถามผู้ผลิตเครื่องว่าหากผมต้องการผลิตดอกลำโพงด้วยขั้นตอนแบบนี้โดยใช้ระบบเครื่องระบบกึ่งอัตโนมัติ 1 ไลน์ผลิต ต้องใช้เงินเท่าไหร่ เขาตอบว่า ราว 19-22 ล้านบาทเพราะต้องมาลงรายละเอียดในขั้นตอนผลิตอีกทีว่าจะเป็นแบบใหน นี่คือราคาเฉพาะเครื่องอย่างเดียวนะครับ นำเข้ามาไทยยังมีค่าภาษีตรงนี้ขอBOI ได้
ระบบไฟห้องclean room  ค่าทีมช่างมาติดตั้งที่ไทย ถามว่ามีไหม ก็ตอบได้เลยว่า หมดตูดไปตั้งแต่ซื้อเครื่องใหม่ 2 ตัวนี้แล้ว
เรื่องเงินเรื่องเล็กครับไว้ว่ากันที่หลัง เครื่องมาถึงบ้านก็ตามรูปเลยครับ กล่องใหญ่นั้นเครื่องหนักราว 280 โล กว่าจะเอาเข้าบ้านได้เล่นเอาเหนื่อย

ได้เครื่องมาแล้วก็ลองผลิตดู คราวนี้ผมตรวจแล้วตรวจอีก จะไม่ให้พลาดอีกแล้ว ต้องตรวจให้ละเอียดยิบในทุกจุดจนแน่ใจว่า QC นั้นสมบูรณ์แล้วจริงๆ
สรุปคือสำเร็จเรียบร้อย QC สมบูรณ์แล้วจริงๆ

ตลอดเวลา 13 ปีกว่าที่ผมพยายามแก้ปัญหาทางเทคนิค ผมบอกได้เลยว่าปัญหาทางเทคนิครวมถึงเรื่องเงินลงทุน(ขอบอกตรงนี้ว่าผมและครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยอะไรเป็นแค่ครอบครัวชนชั้นกลางที่ทุกคนในบ้านทำงานเป็นพนักงานประจำในบริษัทมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ใช่พนักงานบริษัท) ปัญหาสองอย่างนี้ไม่ได้ยากเท่าไหร่เลยหากถ้าเทียบกับปัญหาในด้านการจัดการและบริหารซัพพลานเชน เพราะซัพพลายเอ่อร์แต่ละเจ้าที่ผมใช้ต้องเป็นมืออาชีพจริงๆและพวกเขาล้วนเป็นโรงงานที่ซัพพลายวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนให้กับแบรนด์ใหญ่ๆระดับโลกที่ถ้ากล่าวออกมา แทบจะทุกคนรู้จักกันดีแน่นอน อย่างปีที่แล้วผมพยายามติดต่อทางเมล์เพื่อสอบถามข้อมูลของวัตถุดิบตัวหนึ่งจากโรงงานในญี่ปุ่นแต่เขาก็ไม่ตอบ เป็นเรื่องปกติครับผมเจอจนชิน แต่พอผมรู้ว่าว่าโรงงานนี้จะไปออกงานแสดงสินค้า  เมลล์ไม่ยอมตอบใช่ไหมถ้าได้เจอตัวเป็นๆก็ต้องตอบบ้างแหละวะจะตอบมากตอบน้อยยังไงก็ต้องตอบบ้างแหละนะ ถึงวันงานแสดงสินค้าก็บินไปโตเกียวกันเลยครับ
งานนี้เป็นงานแสดงสินค้าพวกวัตุดิบต้นน้ำสำหรับอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุประสงค์ของผมคือเพื่อไปเจอกับโรงงานเดียวเท่านั้น
แต่เดินๆไปก็จะเจอวัตถุดิบอื่นๆที่ใช้ทำหูฟังจากเจ้าอื่นๆด้วยเพราะญี่ปุ่นคือเบอร์หนึ่งในโลกของวัตถุดิบต้นน้ำในอุตสาหกรรมดอกลำโพง
แต่พอไปถึงบู๊ทของโรงงานที่ผมต้องการเจอผมก็พบว่าแผนกของวัตถุดิบที่ผมสนใจไม่ได้มางานนี้ มาแต่แผนกอื่นๆ
คือเขาเป็นโรงงานใหญ่และมีสินค้าหลายแผนก สรุปบินไปฟรีครับไม่ได้อะไรเลยแต่ก็ปกติครับผมชินแล้ว

ตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัวต้นแบบอยู่เพื่อที่จะแจกจ่ายในชุมชนคนเล่นหูฟังให้ได้ลองกันเพื่อทำการระดมทุนจากเหล่านักเล่นหูฟัง
คาดว่าเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคมน่าจะพร้อมเริ่มจัดส่งได้

ช่วงนี้เราจะเห็นข่าวทุนจีนบุกไทย สินค้าจีนบุกไทยจนโรงงานในไทยอาจถึงต้องปิดตัว ผมขอเขียนสั้นๆแล้วกันเพื่อที่เราคนไทย
จะได้มีความเข้าใจมากขึ้นว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรในมุมมองทางการทำอุตสาหกรรมเท่านั้นนะครับ

อย่างที่ผมบอกไว้ในตอนที่ 1 โจทย์ที่ต้องแก้ของการจะเป็นผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คือ จะผลิตและทำราคาขายให้ถูกแบบจีนคือแทบจะเป็นไปไม่ได้หรือจะผลิตให้สินค้ามีคุณภาพดีจะเอา know-how จากใหนไปสู้ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป อเมริกา  ขนาดหูฟังนี่ผลิตง่ายมากๆนะและเงินลงทุนก็ไม่ได้สูงอะไรเมื่อเทียบกับสินค้าตัวอื่นๆ ก็ดูสภาพผมที่ต้องเจอเอาแล้วกันว่ามันเป็นยังไง ความเสี่ยงมันสูงมากและคนไทยถ้ามีโอกาสได้อยู่หน้างานและเรียนรู้งานในส่วนผลิตของโรงงานจากญี่ปุ่นเกาหลีใต้หวันหรือยุโรปที่อยู่ในไทย ก็จะเป็นโรงงานที่ใหญ่มากแล้วซึ่งล้วนใช้เครื่องจักรที่ราคาแพง เลยทำให้คนไทยมองว่าเป็นไปได้ยากที่จะทำเองเพราะต้องใช้เงินเยอะมากในการลงทุนแถมยังต้องไปเจอโจทย์ 2 ข้อที่ผมบอกไว้แต่แรก ต่อให้แก้โจทย์ 2 ข้อนี้ได้ จะขายยังไงทำการตลาดสู้เขาได้ไหมอีก โอกาสไปไม่รอดคือโครตสูงผมบอกเลย ในสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์เราคนไทยถึงเป็นได้แค่ผู้บริโภคไงครับ

ในขณะที่โรงงานในประเทศจีนจะมีทั้งโรงงานใหญ่และโรงงานเล็กๆเต็มไปหมด ซึ่งโรงงานเล็กๆเขาก็จะใช้เครื่องจักรง่ายๆราคาถูกๆที่คนจีนเขาคิดกันเอง
ซึ่งมันก็พอใช้งานได้ ผมยกตัวอย่าง ตัวในรูปกรอบแดง
ถ้าโรงงานใหญ่เขาจะเป็นเครื่อง auto เครื่องจีนผลิตเน้นว่าเครื่องจีนนะครับคือราคาถูกแล้วก็ยังมีราคาราว 1.4 ล้านบาท แต่ตัวในกรอบแดงที่ผมใช้ผมซื้อมาราคา 65,00 บาท แต่เครื่อง auto 1.4 ล้านจะเร็วกว่าราว 200 เท่า และเครื่อง auto ก็จะมีของเสียน้อยกว่ามากอีกด้วยหรือห้อง clean room ผมก็ไม่มีปัญญาซื้อหรอกครับผมก็ทำง่ายๆเอาเองขึ้นโครงอลูมีเนียมแล้วคลุมด้วยพลาสติกเจาะช่องดูลมเข้าและออกแบบในรูป คนที่ทำงานในโรงงานเล็กๆในจีนเขาถึงเห็นว่าเขาก็น่าจะลงทุนไหวมันจึงเกิดโรงงานเล็กๆในจีนเต็มไปหมดและจะมีส่วนน้อยมากที่เก่งทางด้านวิศวกรรมจริงๆหรือขายเก่งจนสามารถทำกิจการจนพอเติบโตขึ้นมาได้แล้วพอกิจการเริ่มเติบโตรัฐจีนก็สนับสนุนเงินในด้าน R&D และด้านอื่นๆอีกด้วย

เงินสนับสนุนของรัฐไทยก็มีนะผมก็เคยลองยื่นเข้าไปขอที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติแต่ก็ไม่ผ่านการพิจารณา ตามรูปที่เห็น

วันนี้ผู้ผลิตจีนเขาเก่งกว่าแต่ก่อนมากๆ มีทั้งสินค้าคุณภาพพอใช้ได้จนถึงดีและคนจีนสามารถทำราคาขายที่ไม่แพงได้เพราะด้วยจำนวนการผลิตที่สูงมากและ ซัพพลายเชนที่มีพร้อมแบบครบทั้งหมดภายในประเทศจีน เมื่อเขาเป็นเจ้าของสินค้าเขาจึงคิดจะขายตรงสู่ลูกค้าในไทยเองคือกินรวบทั้งหมดเองเลย
เราคนไทยไม่ได้เป็นผู้ผลิตเป็นเพียงผู้นำเข้าและกระจายสินค้าในไทยหรือถ้าเราผลิตเองเราก็ยังเป็นผู้ผลิตที่ไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้ทั้งในด้านราคาและคุณภาพ ทำให้เราคนไทยต้องตกมาเป็นได้แต่เพียงผู้ใช้สินค้าเท่านั้น
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้คนจีนเขาเป็นแรงงานให้ชาติอื่นมาร่วม 40 ปีและพยายามเรียนรู้จนเริ่มทำอุตสาหกรรมเองได้มาอีกยี่สิบกว่าปีซึ่งเขาพยายามวิจัยและพัฒนาสินค้าของเขามาตลอด เขาถึงมีวันนี้ได้

แล้วเราคนไทยหละครับ เมื่อไหร่เราจะเริ่ม บางทีลองมาเป็นวิศวกรโง่ๆแบบผมที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่าจะต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้างกว่าจะมี know-how เป็นของตัวเองไม่ได้คิดถึงความเสี่ยงว่าสูงมากแค่ใหนจนตัดสินใจทำลงไปเมื่อเกือบ 14 ปีที่แล้ว จะมีคนไทยสักกี่คนที่จะกล้าเสี่ยงแล้วสุดท้ายคนที่กล้าเสี่ยงเหล่านั้นจะเหลือรอดจนสำเร็จสักกี่คนที่สามารถผลิตสินค้าแข่งขันได้จริงในระดับ global ได้
ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ผมตอบได้ทันทีเลยว่า ผมไม่ทำแน่นอน แต่ด้วยความโง่และขาดความคิดที่รอบคอบผมถึงตัดสินใจทำแต่ด้วยที่ผมเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆและผมเชื่อว่าผมมีความสามารถพอที่จะทำได้และจะยังคงทำต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่