(เล่าเท่าที่สัมผัส) การบินไทย ชั้นธุรกิจ Royal Silk Class TG924/925 กรุงเทพฯ-มิวนิค-กรุงเทพ [กันยายน2567]

สวัสดีเพื่อนสมาชิกพันทิปนะครับ
 
จากที่ผมเคยได้พูดถึงการบินไทยไปในอดีต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
 
วันนี้ผมก็มีโอกาสได้กลับมาใช้บริการการบินไทยอีกครั้ง  
โดยเป็นการใช้สิทธิ์ Gold Upgrade ที่เหลืออยู่ครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหมดไปพร้อมๆกับสถานะบัตรทอง ROP ของผม  

ครั้งนี้ผมเลือกบินในเส้นทาง กรุงเทพ-มิวนิค เที่ยวบินที่ TG924และขากลับในไฟลต์ TG925  
หลายๆสิ่งหลายๆส่วนผมก็จะไม่กล่าวถึงเนอะ เพราะมันค่อนข้างซ้ำๆกับกระทู้ก่อนหน้า และ 
มีท่านที่มีประสบการณ์กล่าวถึงไปเยอะแล้ว  
ผมก็จะขอ “เล่า” ในส่วนที่ผมพบเจอแล้วกันนะครับ



(1)    ผมไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่ 20.30 น. ทั้งๆที่ไฟลต์ออกเวลา 00.50 น. เนื่องจากข้อจำกัดด้านการจราจร  ทางด่วนหน้าบ้านผมปิดให้บริการตั้งแต่ 21.00-05.00 ของทุกวัน เพราะงั้นจะทำอะไรก็ต้องวางแผนให้ดีๆ

(2)    เคาน์เตอร์เช็คอินสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจค่อนข้างบางตาครับ ไม่มีแถวเลย เจ้าหน้าที่ยังเฟรชอยู่มาก ขั้นตอนในการเช็คอินราบรื่นและรวดเร็ว พร้อมทั้งเป็นไปด้วยไมตรีจิตอันดีของเจ้าหน้าที่

(3)    ผมเริ่มต้นการเป็น “Lounge Hopper” ที่เลาจน์การบินไทยเป็นแห่งแรก  จากที่ผมได้ให้ข้อแนะนำไปในครั้งก่อน เรื่องการเลือกอาหารที่มัน “ทานง่าย” ไม่ต้องแกะแงะแทะเล็มให้มือมันสกปรก  เลาจน์การบินไทยก็ยังมีให้บริการปีกไก่บนอยู่ตามเดิม เพิ่มเติมคือมีเมนูอื่นๆเข้ามาด้วย อาหารหลากหลายมากครับ ผมชอบเมนูปลา คือ กัดแล้วมันแน่น มันเด้งดี มันให้ความรู้สึกว่า เออ...วัตถุดิบเมนูนี้เขาพอใช้ได้เลยนะ นอกจากนี้ที่บริเวณอาหารปรุงสด ก็มีเชฟให้บริการเมนูเกี๊ยวน้ำ ผัดไท เอ้อ...มีสลัดควินัวให้ตักทานด้วย ขนมหวานก็มีจำพวก Danish กับเค้กกระจุบกระจิบ ซึ่งไอ้เจ้าเค้กนี้ผมบอกเลยว่า คุณภาพตลาดนัดสุดๆ คือ มันก็รับรู้ได้จากภาพที่เห็นตั้งแต่ก่อนทานละครับ  แต่ก็ยังอยากจะลองพิสูจน์สมมติฐานตัวเอง พอกัดเข้าไปหนึ่งคำ ใช่เลย...ตลาดนัด 5555

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

(4)    ในส่วนของเครื่องดื่ม  ผมชอบบริการบาร์แอลกอฮอล์ของเลาจน์การบินไทยนะ มันใหญ่ มันดู Premium ดีครับ Selection ของเครื่องดื่มเขาหลากหลายดี แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องแอลกอฮอล์มากนัก รู้แค่ว่าดื่มแล้วลื่นคอ กับดื่มแล้วฝืดคอ แค่นั้นแหละ 

(5)    ผมใช้เวลาอยู่เลาจน์การบินไทยพอสมควร ก็พอได้สังเกตสิ่งรอบตัว ความเป็นไปต่างๆของผู้ใช้บริการ ปริมาณผู้ใช้บริการเริ่มเพิ่มขึ้น ก็พบว่ามันมีกลุ่มคณะของหน่วยงานหนึ่ง จำนวนเกือบ20ท่าน จัดว่าเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควร ได้ยินคำนำหน้าชื่อแบบ...ก็นะ ประเด็นมันอยู่ตรงที่  “สิ่งมีชีวิต” เวลารวมกลุ่มกันนี่มันต้องฮึกเฮิม แสดงอำนาจจริงๆเล้ยย โดยเฉพาะสิ่งที่มีชีวิตที่มีคำนำหน้าแบบไทยๆ พวกเขาไม่สนใจสภาพความสงบหรือสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบที่กำลังดำเนินไปอย่างอารยะเลย พอรวมกลุ่มกันได้ปุ๊ป ความหายนะก็บังเกิดทันที เก้าอ้งเก้าอี้ โต๊ะเต๊อะ พี่แกลากโครมๆมาต่อกัน “น้องๆ เดี๋ยวไปชงอันนี้มาให้ [ท่าน] หน่อย” “น้องไปตักอันนี้มาที” “อันนี้รสจัดไปหน่อยนะ” ฯลฯ เลาจน์การบินไทยมันก็มีทั้งผู้โดยสารชาวไทยและชาวต่างชาติอ่ะนะครับ  ในฐานะที่ผมก็เป็นคนไทยคนนึง ผมหล่ะอ๊ายอาย อายที่เห็นฝรั่งเขาลุกย้ายหนี อายที่เห็นพนักงานต้องลงไปนั่งคุกเข่าเสริฟอาหาร    จนผมถึงกับต้องแอบกระซิบถามว่าพวกเขาเดินทางไปไหนกัน  กลัวว่าถ้าเป็นปลายทางเดียวกันจะบันเทิงตลอดไฟลต์ 

(6)    ผมทนนั่งอยู่ได้ไม่นานนัก ก็อพยพตัวเองไปเลาจน์Singapore Airlinesที่แสนจะเงียบสงบ ผมชอบเลาจน์ SQ ตรงที่เขามีเมนูไวน์จาก New Zealand ครับ  ผมอ่ะ อ่อนด้อยเรื่องแอลกอฮอล์อย่างที่บอก แต่ถ้าเป็นเรื่องไวน์จากNew Zealand ผมเองก็พอจะมีพื้นความรู้อยู่บ้าง เอาง่ายๆ พอจะรู้ว่าไวน์ที่เขาเอามาเอามาเสิร์ฟมันเป็น “ไวน์เชลฟ์บน” หรือ “ไวน์เชลฟ์ล่าง” อาหารของเลาจน์ SQในวันที่ผมไปใช้บริการนั้น มีเมนูปลาเหมือนกับเลาจน์ TG ครับ แต่บอกเลยว่าปลาของ TGนั้นชนะขาด อร่อยกว่าเยอะ 

(7)    ผมเริ่มตึงๆครับ  รู้เลยแหละว่าตึง เพราะฟาดไวน์ไปหลายแก้วอยู่ เลยเดินเป๋ๆออกมาหาดมน้ำหอม Duty Free พอให้สร่างๆ หลังจากนั้นผมก็แวะไปเลาจน์ Turkish Airlines ถามว่าไปทำไม? คำตอบคือไป “ถ่ายรูป” ห้องอาบน้ำของเลาจน์ TK มาให้ดูความเกรอะกรัง  ครั้งที่แล้วที่ผมเล่าให้ฟังว่าห้องอาบน้ำของ TK มันเหมือนวัดป่าที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงแต่ไม่ได้เก็บภาพมาฝาก  ครั้งนี้เลยอ่ะ...ไม่พลาด ให้ภาพเล่าเรื่องแล้วกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

(8)    และแน่นอนครับ ที่พลาดไม่ได้  เลาจน์ที่ผมเข้าไปใช้เวลาอยู่นานที่สุด คือ EVA Lounge เลาจน์ ทุกครั้งที่ผมบินกับ Star Alliance ผมจะต้องมาอาบน้ำที่เลาจน์นี้ทุกทีสิน่า  ความสะอาด ความสงบ ทุกอย่างมันคือดีไปหมดเลยครับ  ผลิตภัณฑ์ในห้องอาบน้ำก็ดี ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นของ L’Occitane ขอตินิดนึงคือแรงดันน้ำเบาไปนิดอาบไม่สะใจเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าดีที่สุดแล้วหล่ะครับ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

(9)    ผมนึกขึ้นได้ว่า เออเว้ย เลาจน์ TG มันก็น่าจะมีห้องอาบน้ำนี่หว่า  ผมไม่เคยไปโผล่หน้าดูเลย ดูๆแล้วยังพอมีเวลา ก็เลยกลับเข้าไปเลาจน์ TG อีกครั้ง (คณะผู้ทรงเกียรติออกไปกันหมดละ) คิวห้องอาบน้ำที่ TG ค่อนข้างตึงๆครับ ผมนั่งรออยู่หน้าห้องอาบน้ำสักพัก ก็มีห้องว่าง 

(10)  จุดพีคมันเริ่มจากตรงนี้ครับ … ทันทีที่ผู้ใช้ห้องอาบน้ำเปิดประตูออกมา แม่บ้านจะเดินถือของอยู่สองสิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำ  แค่สองสิ่งเท่านั้น คือ (1) ไม้ปาดน้ำ และ (2) ผ้าขนหนูชุดใหม่  แม่บ้านใช้เวลาในการเคลียร์ห้องอาบน้ำ ไม่เกิน 90วินาทีครับ ย้ำว่า 90วินาที ก่อนจะเชิญผมเข้าไปใช้บริการต่อ  คือ ผมลองประมวลผลคร่าวๆ ก็รู้ได้ทันทีว่า แม่บ้านนั้น ใช้ผ้าขนหนูของลูกค้าที่ใช้แล้วนั่นแหละ เช็ดๆๆ  เอาที่ปาดน้ำปาดๆๆ วางผ้าชุดใหม่ แล้วก็คือจบสิ่งที่เรียกว่า  “กระบวนการทำความสะอาด”  คำถามมันก็เกิดขึ้นในหัวผม ถ้าผู้ใช้งานคนก่อนหน้าปัสสาวะราดไปบนโถ แม่บ้านก็แค่ “เช็ดๆ” ใช่หรือไม่? สเปรย์ฆ่าเชื้อโรค หรือน้ำยาทำความสะอาดสุขภัณฑ์อยู่ที่ใด?  คือ ผมเข้าใจนะ ว่าการเอาผ้าขนหนูที่ลูกค้าใช้แล้วมาเช็ดทำความสะอาด จัดว่าเป็น “วิชามารการโรงแรม” ที่นิยมใช้กันทั่วทุกที่ทุกประเทศ ผมยอมรับตรงจุดนี้  ไม่ได้ดัดจริต  แต่เพื่อสุขอนามัยที่ดี อย่างน้อยๆก็ควรมีสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคที่ฉีดไปบนโถสุขภัณฑ์ใช่หรือไม่? หรืออันนี้ผม “เยอะ” เกินไป? 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

(11)    ผลลัพธ์ของการทำความสะอาดแบบลวกๆมันก็ปรากฎชัดเจนครับ  สภาพห้องอาบน้ำของ TG ดูโทรมมาก แต่ที่ยังรอดอยู่ได้ก็เพราะการใช้แสงไฟสลัวๆ มืดๆ เทาๆ อันนี้ก็น่าจะตามสูตร “วิชามารการโรงแรม” อีกเช่นกันที่มักจะใช้การเล่นแสงไฟกลบคราบและร่องรอยอารยธรรมต่างๆ  ซึ่งถ้ามองให้ดี ผมพบทั้งเส้นผม ทั้งเส้น “หมออ้อย” คราบยาสีฟัน ฯลฯ เต็มไปหมด เรียกได้ว่าน่ารังเกียจเลยแหละ

(12)    นี่นั่งพิมพ์มาสามหน้าเอ4 ยังเล่าไม่ถึงการขึ้นเครื่องเลย
ขอแบ่งไปต่อในคอมเมนท์นะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่