REVIEW: ชีวิตนักเรียนนอกในวัยเกษียณ หลังเรียนจบ ป.ตรี ประเทศฟินแลนด์ ได้งานใหม่และย้ายที่พักใหม่แล้วค่ะ (EP.7)

สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกพันทิปทุกท่าน อมยิ้ม29

EP.7 นี้ ขอมาอัพเดทชีวิตหลังเรียนจบป.ตรีในดินแดนที่มีความสุขที่สุดในโลก ประเทศฟินแลนด์ หากเพื่อนสมาชิกท่านใดเพิ่งเข้ามาอ่าน ขอให้ไล่อ่านตั้งแต่   EP.1 – EP.6 ก่อนนะคะ

https://pantip.com/topic/41372528 (EP.1)
https://pantip.com/topic/41446525 (EP.2)
https://pantip.com/topic/41556664 (EP.3)
https://pantip.com/topic/41799671 (EP.4)
https://pantip.com/topic/42084467 (EP.5)
https://pantip.com/topic/42779140 (EP.6)
 
พอเรียนจบปุ๊บ ก็กลายเป็นคนว่างงานเลย เพราะหนูถิ่นลาออกจากร้านเบอร์เกอร์ช่วงที่ทำ thesis ต่อนี้ไปก็หางานใหม่ทำ แต่การหางานที่ฟินแลนด์มันยากมาก ถ้าเราพูดภาษาฟินน์ไม่ได้ แทบจะทุกงานต้องการคนพูดภาษาฟินน์ ตรงนี้หนูถิ่นรู้ดีว่าภาษาฟินน์สำคัญ แต่ตอนที่เราเรียนเราไม่มีหัวสมองมาจำได้ เพี้ยนเบลอ

โชคดีที่หนูถิ่นได้ work permit ตั้งแต่ยังเรียน และเคยทำงานช่วงเรียน จ่ายภาษีมาสองปีเต็ม หนูถิ่นเลยไปลงทะเบียนกับหน่วยงานที่เรียกว่า TE office ว่าช่วงนี้เราไม่มีงานทำ จะขอเงินช่วยเหลือ ตอนที่ไปลงทะเบียนเป็นคนว่างงานหลังจากที่ออกจากงานร้านเบอร์เกอร์ เจ้าหน้าที่บอกว่ายังจ่ายเงินให้ไม่ได้ เพราะสถานะของหนูถิ่นตอนนั้น ยังเป็น Full-time student ต้องรอให้เรียนจบก่อน 

หนูถิ่นบอกเจ้าหน้าที่ไปว่าปัญหาของเราคือพูดภาษาฟินน์ไม่ได้ ทำให้หางานใหม่ไม่ได้ เขาเลยจะจัดคอร์สให้เราไปเรียนภาษาฟินน์ และหน่วยงาน Kela ก็จะจ่ายเงินให้เราเวลาไปเรียน ที่จริงเงินที่เขาให้ก็ไม่มาก ถ้าเทียบกับเราไปทำงาน แต่ในช่วงที่ยังหางานใหม่ไม่ได้ การรับเงินช่วยเหลือน่าจะดีที่สุด และได้เรียนภาษาฟินน์ฟรีอีกด้วย 

ถ้าเราเลือกไปเรียนที่ห้องเรียน เขาจะจ่ายเงินค่าเดินทางไปเรียนให้ด้วย แต่สรุปว่าหนูถิ่นยังไม่ได้ไปเรียนภาษา เพราะเขาจะเปิดคอร์สสอนหลังจากซัมเมอร์ และต้องลงชื่อจองคิวก่อน 
 
หนูถิ่นคิดว่าเรียนจากแอพ Duolingo เองดีกว่า   การไปเรียนภาษาฟินน์ที่เขาจัดให้ เราจะต้องทำตามแผนที่เขาวางไว้  ถ้าหนูถิ่นยังอายุน้อย ๆ ก็อยากทำตามแผนของเขา เริ่มต้นต้องไปเรียนภาษาให้เก่งก่อน แล้วเขาก็จะจัดให้เราไปเรียนวิชาชีพที่เราชอบ เพื่อให้เราออกไปทำงานได้ ซึ่งน่าจะใช้เวลาหลายปีมาก หนูถิ่นคิดว่ามันเสียเวลา เลยบอกทาง   TE office   ว่าจะขอเรียนภาษาเอง และจะพยายามหางานทำให้ได้

หนูถิ่นได้รับเงินว่างงาน Kela จ่ายให้วันล่ะ   37.21  ยูโร จ่ายให้เฉพาะวันจันทร์ถึงวันศุกร์ วันเสาร์อาทิตย์ไม่จ่าย เงินที่จ่ายต้องเสียภาษี 20%  และเขาจะจ่ายให้เป็นเวลา  300 วัน หนูถิ่นได้รับเงินว่างงานแค่ 50 วัน ก็ได้งานใหม่แล้ว 

หนูถิ่นลาออกจากงานเมื่อต้นเดือนเมษายน แต่ช่วงที่ลาออกมา ยังติดเรื่องทำวิทยานิพนธ์ และยังไม่อยากทำงาน กว่าจะจบอย่างเป็นทางการกลางเดือนมิถุนายน ก็หางานมาตลอด จนเกือบจะสิ้นเดือนสิงหาคมจึงจะได้งานใหม่เป็น kitchen assistant ที่ร้านขายบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวัน และทำอาหารกล่องส่งบ้านพักคนชรา แต่ล่ะวันจะมีลูกค้ามาทานอาหารกลางวัน  120-150 คน ใช้ภาษาอังกฤษปนภาษาฟินน์ในที่ทำงานค่ะ

 หน้าที่หลักที่เขามอบหมายให้ทำทุกวันคือดูแลเรื่องสลัด หั่นผัก ขูดแครอทให้เป็นฝอย ๆ แล้วก็เอากระหล่ำปลีมาหั่นให้เป็นฝอย ๆ แต่เขามีเครื่องหั่น ก็เครื่องเดียวกันกับที่ขูดแครอท เพียงแต่เปลี่ยนใบมีด งานก็ไม่ยากค่ะ ที่ชอบคือทำงานเป็นเวลา ไม่ต้องเข้ากะ เข้างานตอนเช้า  7.30  บ่ายสามโมงก็เลิกงานแล้วค่ะ ทำจันทร์ถึงศุกร์ค่ะ 


ร้านบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันอยู่ในอาคารนี้ค่ะ

 
อาหารที่ให้บริการในร้านค่ะ


บริเวณที่ให้ลูกค้านั่งทานอาหารค่ะ

ตั้งเป้าเอาไว้ทีแรกคือจะไปสมัครงานที่ร้านแมคโดนัลด์ ทำฟูลไทม์ เพราะกำลังจะมาเปิดที่ Kajaani เขาจะรับพนักงานเยอะมาก เพราะว่าร้านเปิดทุกวัน และบริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ได้งานร้านบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันก่อน เลยต้องรีบคว้าเอาไว้ พอได้งานนี้ปุ๊บ แมคก็มาเรียกสัมภาษณ์ หนูถิ่นเลยกะว่าจะทำเป็นพาร์ทไทม์เสาร์อาทิตย์ แต่พอไปสัมภาษณ์ เขาต้องการคนที่ทำงานได้ทุกกะ และทุกวัน แล้วแต่เขาจะจัดคิวให้ ซึ่งหนูถิ่นทำไม่ได้ ทำงานเข้ากะไม่ไหว เหนื่อยมากค่ะ ได้พักผ่อนไม่เป็นเวลา

ที่หนูถิ่นต้องทำงานแต่ร้านอาหาร เพราะว่า work permit ที่หนูถิ่นยื่นตอนยังเป็นนักเรียน ระบุว่าทำได้แต่งานร้านอาหาร ถ้าตอนนี้เรามีสัญญาว่าจ้างฟูลไทม์อันใหม่ และเราเรียนจบแล้ว ถ้าเราไปยื่นใหม่ เขาจะไม่จำกัดอาชีพให้เรา 

หนูถิ่นเรียนจบการท่องเที่ยว ทีแรกอยากจะเป็นไกด์ เคยเช็คค่าแรงถ้าเป็นไกด์ก็ไม่ได้มากกว่าร้านอาหาร และส่วนใหญ่งานไกด์ก็จะยุ่งหน้าหนาว และต้องพาลูกค้าออกไปลุยหิมะ ล่าแสงเหนือ หน้าหนาวมันหนาวมาก ๆ หนูถิ่นอายุเยอะล่ะ เลยไม่เอาดีกว่า ที่ทำร้านอาหารก็ขอแค่พอมีรายได้ไว้ใช้จ่าย และมีอะไรทำในทุก ๆ วันค่ะ ชีวิตจะได้ไม่น่าเบื่อ มีคนถามว่าไม่เหนื่อยหรือ อายุมากแล้วยังออกไปทำงาน หนูถิ่นคิดว่าเป็นกำไรชีวิตที่ยังมีคนจ้างเราไปทำงานค่ะ 
ปลื้มปริ่ม

ที่ชอบประเทศฟินแลนด์ ก็เพราะว่าเวลาเราไปสมัครงาน เขาไม่เคยมองว่าเราอายุเยอะเลย  ร้านอาหารที่ทำงานตอนนี้ เจ้าของเป็นคนประเทศเอสโตเนีย และเพื่อนร่วมงานก็อายุ 40 ขึ้นไป มีความเป็นผู้ใหญ่สูง ช่วยกันทำงาน คนล่ะไม้ล่ะมือ ไม่เกี่ยงงาน ไม่ว่าวันไหนจะมีลูกค้ามาทานกลางวันมากขึ้น งานทุกอย่างจะช่วยกันทำให้เสร็จและได้กลับบ้านบ่ายสามโมงทุกวัน love

งานที่ทำตอนนี้ ต่างจากงานที่หนูถิ่นเคยทำที่ไทย ตอนอยู่ที่ไทย ทำงานนั่งโต๊ะเป็นผู้จัดการ หนูถิ่นเบื่อแล้วงานแบบนี้ มีประชุม มีการแข่งขัน การเมืองเยอะ พอมาทำงานที่นี่ เป็นงานใช้แรงงาน แต่ก็ดี งานจบ เหนื่อยก็กลับบ้าน นอนหลับ ไม่มีอะไรต้องคิดมาก มีวันหยุดก็หาโอกาสไปเที่ยว ไม่ได้ต้องการความก้าวหน้าหรือตำแหน่งอะไรอีกแล้ว เพราะผ่านมาหมดแล้วค่ะ
 
หนูถิ่นยังมีแรงทำงานไหว ก็จะทำไปก่อน กะว่าจะทำไปจนถึงอายุ 65 ขอเกษียณที่ฟินแลนด์อีกรอบนึงค่ะ  อมยิ้ม01
 
ซัมเมอร์ปีนี้เป็นซัมเมอร์ครั้งที่สามที่หนูถิ่นมาอยู่ฟินแลนด์ ทุกทีซัมเมอร์ เราจะยุ่งฝึกงานกับทำงาน ปีนี้ว่างงาน ไม่มีอะไรทำเลย มีอยู่วันนึงไปเดินซื้อของที่ห้าง เจอเพื่อนคนฟินน์ที่เคยรู้จัก แต่ไม่สนิท เขาเข้ามาทัก และหนูถิ่นก็บอกว่าตอนนี้หนูถิ่นเรียนจบแล้ว แต่ยังหางานใหม่ไม่ได้ เขาเลยแนะนำให้หนูถิ่นเก็บบลูเบอร์รี่ไปพลาง ๆ ก่อน และให้ที่เก็บเบอร์รี่มาหนึ่งอันด้วย 

พอได้ที่เก็บเบอร์รี่ ก็เลยลองเอาไปเกี่ยวบลูเบอร์รี่ในป่าหลังหอพัก  เกี่ยวมาได้ประมาณหนึ่งกิโล คัดทำความสะอาดเก็บใบไม้ กิ่งไม้ออกไป เลยลองเอาไปถามที่ตลาดนัดว่ารับซื้อไหม สรุปว่าเขารับซื้อบลูเบอร์รี่แบบทำความสะอาดแล้ว ให้กิโลล่ะ 5 ยูโร 


รูปข้างบน เป็นการเริ่มต้นไปเก็บบลูเบอร์รี่ มีอุปกรณ์ที่เกี่ยวอันเล็กหนึ่งอัน และไปเก็บในป่าหลังหอพักในมหาวิทยาลัย อุปกรณ์ยังไม่พร้อมค่ะ 
เอาไปขายที่ตลาดนัด แผงนี้รับซื้อบลูเบอร์รี่แบบทำความสะอาดแล้วค่ะ

หนูถิ่นไม่รู้ป่าไหนมีบลูเบอร์รี่ดก ๆ และลูกใหญ่ ๆ  เพื่อนคนฟินน์พาหนูถิ่นไปลุยในป่าที่มีบลูเบอร์รี่ดกมาก แต่ที่เกี่ยวของเราอันเล็กก็ยังเกี่ยวได้น้อย เพื่อนให้ยืมที่เกี่ยวที่ใหญ่ขึ้น ก็จะเก็บได้มากขึ้น แต่งานเก็บเบอร์รี่ในป่า มันเหนื่อยจริง ขอแค่ทำสนุก ๆ ค่ะ 

ตอนหลังที่ตลาดนัดเขาไม่รับซื้อบลูเบอร์รี่แบบทำความสะอาดแล้ว  ก็ยังมีอีกที่ที่รับซื้อแบบรวมขยะ แต่ราคาจะแค่กิโลล่ะ 2.30 ยูโร ตอนหลังหนูถิ่นก็เลยขายแบบรวมขยะ พอบลูเบอร์รี่วาย ก็เก็บ Lingonberry  แต่ราคาถูกกว่าบลูเบอร์รี่  Lingonberry กิโลล่ะ 1.20 ยูโร  ถ้าคนที่เขาแข็งแรงเขาสามารถเก็บทำเงินได้เยอะเลย แต่หนูถิ่นทำเท่าที่ทำไหวค่ะ

ป่าที่เพื่อนคนฟินน์พาไป ไม่มีคนไปเก็บเลย เหมือนเป็นสวนส่วนตัวของหนูถิ่นเลยค่ะ พอบลูเบอร์รี่วาย Lingonberry ก็ขึ้นมาแทนที่เลยค่ะ เก็บไม่หวัดไม่ไหว ดกมากไม่รู้จะเกี่ยวตรงไหนเลย หนูถิ่นเก็บบลูเบอร์รี่และ Lingonberry แช่ฟรีชไว้ในตู้เย็น เก็บไว้ทำสมูทตี้ทานเองค่ะ

อุปกรณ์มีเกือบครบแล้วค่ะ เพื่อนให้ยืมที่เกี่ยวหน้ากว้างขึ้น เก็บได้เร็วขึ้น 


บลูเบอร์รี่ลูกใหญ่ ๆ และดกมาก


เก็บได้มากขึ้น อุปกรณ์พร้อม เริ่มมีถังใหญ่ขึ้น อมยิ้ม01


เต็นท์รับซื้อแบบรวมขยะค่ะ


Lingonberry สุกเต็มที่ สีสวยมาก ๆ เลยค่ะ

พาพันไฟท์ติ้ง
มีที่เกี่ยวเพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่ง ไม่ต้องก้ม ยืนเกี่ยวได้เลยค่ะ ไม่ปวดหลังเลยค่ะ

  
ระหว่างทางขับรถไปเก็บเบอร์รี่ ผ่านทุ่งข้าวโอ๊ตสวยงามมาก ๆ เลยค่ะ

พอหนูถิ่นเรียนจบแล้ว ก็ไม่สามารถพักที่หอพักในมหาวิทยาลัยได้ ต้องย้ายออก แต่หนูถิ่นไม่ได้ย้ายออกทันที เพราะการที่เราจะหาที่พักใหม่ เขาจะขอดูสลิปเงินเดือนหรือไม่ก็สัญญาจ้างงาน หนูถิ่นเลยอยู่ยืดมาจนกระทั่งหางานใหม่ได้ ถ้าหนูถิ่นไม่ได้ไปบอกบริษัทที่หาที่พักให้ เขาก็ยังไม่ทราบหรอกค่ะ เพราะหนูถิ่นเรียนจบก่อนกำหนดหนึ่งเทอม พอได้งานใหม่หนูถิ่นก็อยากย้ายออกไปอยู่ private  ไม่อยากอยู่ shared apartment แล้ว รอไม่นาน ก็ได้ที่พักใหม่ ที่สำคัญจะต้องมีที่จอดรถที่สามารถชาร์ตไฟอุ่นรถได้ในหน้าหนาว มิฉะนั้นหน้าหนาวจะลำบากค่ะ บริษัทที่ช่วยหาหอพัก เขาต้องขอดูรายได้เรา เพราะเขาคงกลัวว่าเราจะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านมั้ง หนูถิ่นได้ apartment ใหม่เป็นบ้านชั้นเดียว ใกล้ที่ทำงานใหม่ ห่างกันแค่หนึ่งกิโลเองค่ะ ที่ทำงานใหม่ห่างจากหอพักที่เคยอยู่ในมหาวิทยาลัยประมาณ 4.5 กิโล แต่พอมีรถ ไปไหนมาไหนก็จะสะดวกมาก ๆ  ที่ Kajaani เป็นเมืองเล็ก ๆ ขับรถรอบเมือง ก็อยู่ในรัศมีแค่ 4-5 กิโลเองค่ะ

ที่วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวหลังเรียนจบ เลยยังไม่ได้เริ่มเลย เดี๋ยวขอจัดการชีวิตให้ลงตัวกว่านี้ก่อน งานลงตัว ที่พักลงตัว แล้วค่อยคิดไปเที่ยว  กะว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีโอกาสได้ไปเที่ยว เพราะช่วงคริสมาสต์ถึงปีใหม่ ที่ร้านปิดประมาณสองสัปดาห์ แล้วจะกลับมาเล่าเรื่องราวไปเที่ยวใน EP หน้านะคะ สำหรับ EP. 7 นี้ขอเล่าเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบค่ะ lovelovelove
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่