REVIEW: ชีวิตนักเรียนนอกในวัยเกษียณ การเรียนเข้าโค้งสุดท้าย กำลังจะขึ้นปีสุดท้าย และได้ working RP แล้วค่ะ (EP. 5)

สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกพันทิปทุกท่าน อมยิ้ม01

วันนี้หนูถิ่นจะมาอัพเดทการเรียนที่ประเทศฟินแลนด์ ต่อจาก EP.4 ค่ะ ตอนเริ่มต้นที่มาเขียนลงในพันทิป ไม่ได้คิดว่าจะเขียนต่อเนื่องมาเป็นเรื่องราว พอเขียนเล่าเรื่องมาเรื่อย ๆ แล้วติดพันเขียนต่อมาจนกลายเป็น EP.5 แล้ว ทีแรกไม่คิดว่าจะมีคนอ่านและติดตาม  พอมี Feedback กลับมา ทำให้หนูถิ่นมีกำลังใจในการเขียนมาก ๆ ค่ะ เผื่อท่านใดยังไม่เคยอ่าน สามารถอ่านย้อนหลังตามลิงค์ข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ เรียงลำดับตาม EP ที่วงเล็บต่อท้ายลิงค์ เพราะไม่สามารถเข้าไปแก้ไขพิมพ์ต่อท้ายหัวข้อกระทู้ที่ผ่านมาค่ะ

https://pantip.com/topic/41372528 (EP.1)
https://pantip.com/topic/41446525 (EP.2)
https://pantip.com/topic/41556664 (EP.3)
https://pantip.com/topic/41799671 (EP.4)
 
เวลาผ่านไปไวมาก ในที่สุดหนูถิ่นกำลังจะขึ้นปีสุดท้ายแล้ว ขึ้นปีที่ 3 ค่ะ หลักสูตรปริญญาตรี 3 ปี 210 หน่วยกิต จบปีที่ 2 หนูถิ่นเก็บได้ 148 หน่วยกิต (คาดว่าช่วงซัมเมอร์จะเก็บได้อีก 14 หน่วยกิต) ก็จะเหลืออีกเพียง 48 หน่วยกิต (ซึ่งรวมฝึกงาน 18 หน่วยกิต  Thesis  15 หน่วยกิต และ 3 วิชาที่ต้องเก็บให้หมดอีก 15 หน่วยกิต) เรียนแบบชิว ๆ ไม่ต้องรีบแล้วค่ะ เพราะก่อนหน้านี้หนูถิ่นลงทะเบียนเรียน 7-8 วิชาต่อหนึ่งเทอมการศึกษา ซึ่งหนักมาก เพราะมีงานต้องทำส่งทุกวิชา ทีแรกหนูถิ่นวางแผนไว้ว่าพอขึ้นปี 3 เทอมแรก จะเก็บอีก 6 วิชาให้หมด แล้วพอเทอมสุดท้าย จะเหลือแค่ฝึกงานอีก 500 ชั่วโมง กับเขียน Thesis แต่พอเช็ควิชาที่จะเปิดสอนในเทอมแรก ไม่ cover วิชาที่หนูถิ่นจะต้องเก็บให้หมด เพราะบางวิชาเขาเปิดสอนในเทอมสอง 

ก็เลยปรึกษาอาจารย์ว่าทำอย่างไรดี เพราะเทอมสุดท้าย หนูถิ่นไม่อยากเหลือวิชาที่ต้องมานั่งเรียนที่คลาสอีก จะเอาเวลาไปฝึกงานกับเขียน Thesis อาจารย์แนะนำให้ลงเรียนซัมเมอร์ใน Campusonline กับมหาวิทยาลัยอื่น เฮ้อ ! หนูถิ่นอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอคอยซัมเมอร์ จะได้พักผ่อนหัวสมอง ทำงานพาร์ทไทม์เพิ่มวันทำงาน เก็บเงินสักหน่อย และฝึกภาษาฟินนิชให้เก่งขึ้นเพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้า เพราะซัมเมอร์นี้เรายังไม่ต้องฝึกงาน ต้องมานั่งเรียนออนไลน์อีก และบางวิชาของมหาวิทยาลัยอื่นก็ไม่เทียบเท่ากับวิชาของมหาวิทยาลัยที่หนูถิ่นเรียน

ทำให้หนูถิ่นต้องเรียนเพิ่มอีก 5 วิชา ก็จะเทียบเท่า 3 วิชาของมหาวิทยาลัยที่หนูถิ่นเรียน ก็ลองสู้อีกสักตั้ง มาขนาดนี้แล้ว  ปี 3 จะได้เบา ๆ หน่อย ทำแบบนี้ จะทำให้เทอมแรกของปี 3 หนูถิ่นเหลืออีกแค่ 3 วิชาที่ต้องไปเรียนที่คลาส และเทอมสุดท้ายก็จะเหลือฝึกงานกับเขียน Thesis ซึ่งหนูถิ่นจะอยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะไม่ต้องเข้าคลาส และตอน present thesis ก็สามารถทำทางออนไลน์ได้ 

เสียดายมากปีสุดท้ายหนูถิ่นเกือบจะไม่ต้องจ่ายค่าเทอม เนื่องจากว่าถ้าเรามี residence permit นอกเหนือจาก student residence permit เช่น working
residence permit เราจะไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเลย หนูถิ่นก็ไปคุยกับอาเจ้เจ้าของร้านแฮมเบอร์เกอร์ที่หนูถิ่นทำงานอยู่ว่าเปลี่ยนสัญญาจ้างจากพาร์ทไทม์เป็นฟูลไทม์ได้ไหม เนื่องจากหนูถิ่นทำงานกับอาเจ้มาครบปีแล้ว เขาก็รู้ว่าเราเป็นอย่างไร ก็เลยตกลงจะรับหนูถิ่นเป็นฟูลไทม์ การยื่นเอกสารขอ working residence permit ใช้เวลา 2 เดือน แต่เอาเข้าจริง 2 เดือนก็ยังไม่อนุมัติ 
 
การยื่นขอ working residence permit ต้องให้นายจ้างกรอกเอกสาร แบบฟอร์ม TEM054 พอเรายื่นเรื่องไปแล้ว รอไป 1 เดือน ทางเจ้าหน้าที่จะติดต่อถามนายจ้างเกี่ยวกับเรื่องรับเราเข้าทำงานให้นายจ้างตอบทางอีเมลล์ ตรงนี้จะผ่านขั้นตอน partial decision ขั้นตอนต่อไปคือรอทาง Migri ดำเนินการต่อ หนูถิ่นก็ได้แต่รอ รอ รอ 

เลยกำหนดที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ว่าต้องแสดงเอกสาร working residence permit พอยังไม่ได้อนุมัติ หนูถิ่นไม่มีเอกสารไปให้ทางมหาวิทยาลัยว่าเราจะขอผ่อนผันไม่จ่ายค่าเทอม ก็เลยต้องยอมจ่ายค่าเทอม 3,000 ยูโร  เพราะได้ทุน 50% ค่าเทอมจริง ๆ แล้วปีล่ะ 6,000 ยูโร เสียดาย 3,000 ยูโรที่ต้องจ่ายมาก ๆ 

เฮ้อ! กว่าจะได้ working residence permit ใช้เวลาไป 4 เดือนเต็มค่ะ แต่ก็ดีค่ะที่ได้ working residence permit ทำให้เราสามารถทำงานเพิ่มขึ้นค่ะ จากทำงานได้ไม่เกิน 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ถ้าเป็นนักเรียน  เพิ่มเป็น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เลยค่ะ และได้ working residence permit 4 ปีเลยทีเดียว หนูถิ่นจะอยู่ที่ฟินแลนด์ได้ถึงมิถุนายน 2027 จากเดิมอยู่ได้ถึงปี 2024 ช่วงหลัง ๆ นี่ ก็จะมีเวลาว่างเยอะ เพราะมีวิชาเรียนน้อยลงค่ะ สามารถทำงานได้เต็มที่

ทีแรกหนูถิ่นวางแผนไว้ว่า ช่วงที่เราฝึกงาน 500 ชั่วโมง อยากจะไปหาที่ฝึกงานบริษัทที่ทำทัวร์ จะได้ตรงกับสายที่เราเรียน กะว่าจะย้ายไปอยู่เมือง  Rovaniemi เมืองหมู่บ้านซานตาคลอส แต่ก็เสียดายงานประจำที่ร้านอาเจ้ เพราะเป็นแหล่งหารายได้ของเรา และอาจจะกระทบกับ working residence permit ของเราด้วย เลยต้องกลับมาคิดแผนใหม่หาที่ฝึกงานในเมืองที่หนูถิ่นอยู่ คือเมือง Kajaani

คิดว่าจะไปขอฝึกงานที่โรงแรมในเมืองนี้ ชื่อโรงแรม Hotel Kajanus  ซึ่งก็จะตรงกับสายที่เราเรียนด้วยคือการท่องเที่ยวและการโรงแรม อันที่จริงเราสามารถเอาชั่วโมงทำงานมาเป็นการฝึกงานก็ได้ แต่ต้องไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาก่อน เพราะอาจารย์อยากให้นักศึกษาไปฝึกงานในที่ที่สามารถเอามาเขียน Thesis ได้ค่ะ 

คิดได้ดังนี้ ก็เลยรีบเขียนอีเมลล์ไปขอฝึกงานที่ Hotel Kajanus ทาง G.M. ของโรงแรมก็ตอบอีเมลล์กลับมาไวมาก บอกว่ามีงานให้ฝึก เขามีโรงแรมในเครือเขาอีกหลายแห่งด้วย เลยนัดวันคุยกันค่ะ สุดท้ายทางโรงแรมตกลงรับหนูถิ่นเข้าฝึกงาน แต่ช่วงนี้ติดซัมเมอร์ อาจารย์ที่ปรึกษาของหนูถิ่นไปพักร้อนอยู่ค่ะ เพราะการจะไปฝึกงานต้องทำเรื่องอะไรอีกมากมาย ก็เลยต้องรออาจารย์กลับมาก่อนประมาณเดือนสิงหาคม 2023 ส่วนในรายละเอียดว่าจะไปเริ่มฝึกเมื่อไหร่ ต้องไปคุยกันอีกที แล้วจะมาอัพเดทอีกทีค่ะ

ช่วงที่ปิดเทอมซัมเมอร์นี้ หนูถิ่นมีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองใกล้ ๆ หนูถิ่นไปเที่ยวเมือง Oulu นั่งรถไฟจาก Kajaani ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ เป็นเมืองใหญ่กว่าเมืองที่หนูถิ่นอยู่มาก ๆ เลยค่ะ มีร้านที่ขายของนำเข้ามาจากไทย หนูถิ่นแวะไปซื้อใบกะเพรา พริกขี้หนู ผักคะน้า ผักบุ้ง คิดถึงอาหารไทย ผัดกะเพราหมู ของโปรดของหนูถิ่นเลยค่ะ ที่ฟินแลนด์ร้านอาหารไทย ใช้ใบกะเพราทดแทน ไม่ได้รสชาติแบบที่ไทยเลย ไม่มีใบอะไรมาแทนใบกะเพราไทยได้เลย  ได้ทานให้หายคิดถึงไปอีกสักพักค่ะ ทำอาหารทานเอง อร่อยมาก ๆๆๆ แบ่งให้เพื่อนคนจีนทานด้วย แต่รสชาติคงจะเผ็ดเกินไปสำหรับน้องคนจีน หนูถิ่นทำสปาเก็ตตี้กะเพราไก่ค่ะ มีรูปภาพประกอบด้วย ใบกะเพรานำเข้าจากไทยแพงมาก 100 กรัม ประมาณ 104 บาท พริกแดงก็เหมือนกัน 100 กรัม ประมาณ 104 บาท

อร่อยมาก ๆ ฝีมือของหนูถิ่นเองค่ะอมยิ้ม05

หนูถิ่นมีเพื่อนที่ทำงานเป็นคนฟินน์ เขาก็มาเล่าให้ฟังว่า เขาจะลาพักร้อนไปเที่ยวเมืองชายแดนประเทศสวีเดน หนูถิ่นก็ถามว่าไปอย่างไร เขาบอกว่าเขาไปกับครอบครัว ขับรถไป หนูถิ่นเลยมาหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต คือจะเป็นเมืองฝาแฝดของฟินแลนด์กับสวีเดน เป็นเมืองชายแดนของสองประเทศนี้ ผู้คนของสองเมืองนี้ก็จะข้ามกันไปมา คนฟินน์ก็ข้ามไปซื้อเบียร์ คงจะถูกกว่ามั้งคะ ชื่อเมือง Tornio กับ Haparanda  ซึ่งสามารถนั่งรถไฟจากเมือง Oulu เมืองที่หนูถิ่นจะไปเที่ยวอยู่พอดี นั่งรถไฟแค่สองชั่วโมงกว่า ๆ ก็จะไปถึงเมือง Tornio ของฟินแลนด์ และเดินข้ามชายแดนเข้าเมือง Haparanda ของประเทศสวีเดน จะมีรถไฟจากเมือง Oulu ไปเมือง Tornio สัปดาห์ล่ะสองวันคือวันพฤหัสบดี และวันเสาร์ สามารถไปเช้าเย็นกลับได้ เพราะรถไฟขาไปออกเช้ามาก และขากลับก็ดึกมาก หนูถิ่นได้ไปเที่ยวทั้งสองเมือง หนูถิ่นทำวีดิโอให้ดูด้วยค่ะ ทั้งเมือง Oulu, Tornio & Haparanda เชิญรับชมได้เลยค่ะ อมยิ้ม04

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

มีอีกเรื่องหนึ่งที่หนูถิ่นได้ลองไปทำ คือเป็น Forest planter ทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะทำงาน summer job นี้ แต่พอดีมีน้องคนไทยสมัครไว้ แล้วไม่ได้ไปทำ เพราะจะไปเยี่ยมญาติที่สวีเดน หนูถิ่นเลยขอไปแทน ช่วงวันที่ไม่ได้ไปทำงานที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์ ไปทำได้สองวัน แล้วต้องขอบ๊ายบาย สู้ไม่ไหวค่ะ เขาให้ไปปลูกต้นสน เป็นงานเหมา ต้นล่ะ 0.11 ยูโร วันแรกหนูถิ่นปลูกได้แค่ 300 ต้น วันที่สองปลูกได้ 490 ต้น การปลูกต้นสนไม่ยาก เพราะมีเครื่องมือ แต่เวลาเดินเข้าไปปลูกในป่า มันเดินลำบากมาก ได้ลองทำแล้วก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง แต่งานนี้ไม่เหมาะกับหนูถิ่น ขอทำแค่สองวันก็พอ เด็กฟินน์ผู้ชาย เขาปลูกได้วันล่ะพันกว่าต้น เก่งมากกก
วีดิโอวิธีปลูกต้นสนค่ะ 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ต้นกล้ากระบะล่ะ 300 ต้นค่ะ


กระทู้นี้ หนูถิ่นขอแชร์ประสบการณ์เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่