สวัสดีค่า วันนี้เราอยากมาจะเล่าประสบการณ์การไปเรียนที่เมืองฮาร์บินเป็นระยะเวลา 1 เดือนค่ะ
ทั้งเหตุผลที่เราไปเรียนที่ฮาร์บิน การเตรียมตัวต่างๆ ห้องพัก การเดินทางในเมือง สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน และสิ่งที่ได้จากการไปเรียนที่ฮาร์บินค่ะ 🙇🏻♀️🙇🏻♀️
ถ้างั้นเราขอเริ่มจากการแนะนำตัวก่อนเลยนะคะ เราชื่อ มน อายุ 17 ปี กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1 ซึ่งการไปเรียนที่ฮาร์บินในครั้งนี้ มนไปเรียนที่ มหาวิทยาลัย Harbin Institute of Technology หรือเรียกง่ายๆว่า ฮาร์กงต้า 哈工大 ค่ะ ช่วงเวลาที่มนไปคือ 1-30 กค ค่ะ


*อันนี้เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตในมอ มีของขายครบมากๆ*
คือ มนต้องบอกก่อนเลยว่า นี่เป็นครั้งแรกของมนที่ไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ มนตั้งใจเอาไว้ว่า อยากไปช่วงกรกฎาคม เพราะว่าช่วงนั้นมนจะปิดเทอม ม.6 พอดี และเป็นช่วงที่มนรอเข้ามหาลัย ก็เลยว่างมากๆในช่วงนั้น เลยขอที่บ้านไปเรียน (+เที่ยว) ค่ะ แต่ๆๆ การหาคอร์สที่จะไปนั้นยากมาก เพราะส่วนมากจะจัดกันในช่วงเมษา ตอนนั้นมนไม่ได้มีการปักเมืองเอาไว้ในใจเลยว่าอยากไปเมืองไหน จนมนมาเจอบริษัท Goodtime Education ซึ่งเค้าจัดไปแค่ที่ฮาร์บิน ในช่วงที่เราว่างพอดี แต่มนไม่แน่ใจเลยว่า มนจะไปเรียนที่ฮาร์บินดีไหม เพราะมนเคยไปเที่ยวที่ฮาร์บินครั้งนึง อุณหภูมิเข้าขั้นติดลบ หนาวมากตอนนั้น ครั้งนี้มนเลยกังวลพอสมควรว่ามนจะอยู่ได้ไหม เพราะมนเองก็ไม่ค่อยถูกกับอากาศหนาวเท่าไร มนเลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติม จนได้ข้อสรุปว่า ช่วงเดือน กค เป็นช่วง Summer ของฮาร์บิน อากาศอยู่ประมาณ 20-30 องศา (ไม่ร้อนมาก ไม่หนาวเกิน รอดตายแล้วว T^T)
พอวางใจเรื่องอุณหภูมิ มนเลยเริ่มทักไปสอบถามข้อมูลกับพี่ๆกู๊ดไทม์ทันทีเพราะจากการหาข้อมูลเอเจนนี้รีวิวมากที่สุด เลยอยากท้าทายระบบว่าดีจริงมั้ยน้าา
พี่ๆเค้าก็เลยส่งรายละเอียดต่างๆให้ ทั้งค่าใช้จ่าย ตารางกิจกรรม ซึ่งจริงๆทุกอย่างพี่เค้าก็ลงไว้ให้ในเว็บไซต์หมดเลยนะ ค่อนข้าง
ดูง่ายเลยค่ะ และละเอียดมาก
พี่เค้าแจ้งไว้ว่า เราจะเรียนตั้งแต่ จ.-ศ. เรียนตั้งแต่ 8.30-12.00 แต่มีช่วงพักให้ระหว่างเรียนนะ ไม่ได้ลากยาวทีเดียว แล้วนักเรียนก็ต้องไปเรียนกับเพื่อนต่างชาติ โดยที่เราต้องสอบวัดระดับก่อน แต่ปีนี้นักเรียนต่างชาติเยอะมาก พี่เค้าเลยอำนวยความสะดวกให้เฉพาะนักเรียนของทางพี่ๆ ได้สอบสัมภาษณ์ออนไลน์กับอาจารย์ก่อนเดินทาง (ในใจมนคิดว่า มันโอเคเลยย ไม่ต้องมีเพื่อนๆมาต่อแถวกดดันด้วยย >< )
หลังจากที่มนตัดสินใจไปเรียนแล้ว ก็ส่งเอกสารสมัครเรียนกับพี่ๆ เอกสารที่มนใช้ตอนนั้น มีแค่พาสปอร์ตกับรูปถ่ายเอง และกรอกฟอร์มใบสมัครนิดหน่อย แล้วก็ถึงขั้นตอนการชำระเงิน ตอนแรกมนเข้าใจว่าชำระทั้งหมดที่เดียว แต่ไม่เลยยย พี่ๆบอกว่า เราจะจ่ายกันทีละ step น้า พี่เค้าก็คอยแจ้งเราเองว่า ต้องชำระอะไร ตอนไหน เมื่อไหร่ (ตอนสมัครเราจ่ายยอดประมาณ 9,XXX กว่าบาท มนจำตัวเลขเป๊ะๆไม่ได้ แต่เพื่อนๆเข้าไปดูเว็บพี่เค้าได้นะคะ) หลังจากจ่ายค่าสมัครไปแล้ว พี่เค้าก็ให้เข้ากลุ่มไลน์ที่รวมเฉพาะเพื่อนๆที่ไปเรียน แล้วก็ผู้ปกครอง และให้เรารอเอกสารตอบรับจากมหาลัย จากนั้นถึงจะขอวีซ่า สำหรับเรากระบวนการของพี่ๆดีมากๆ ทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ และรายละเอียดชัดเจว่าเราจ่ายค่าอะไรไปแล้วบ้าง
และช่วงเวลานี้ก็มาถึงค่าา การทำวีซ่า ในขั้นตอนนี้เพื่อนๆไม่ต้องกังวลเลย มนแค่ส่งเอกสารให้พี่ๆกู๊ดไทม์ แล้วก็รอคิวที่จะไปยืนยันตัวตนที่ศูนย์ขอวีซ่าค่ะ (อันนี้คือการจ่ายเงินรอบที่ 2 ของมน ก็คือค่าวีซ่า มนให้พี่ๆดำเนินการให้ เลยจ่ายอยู่ที่ 2,900 บาท แต่ถ้าเพื่อนๆทำเองก็ไม่ต้องจ่ายส่วนนี้ให้บริษัทนะ จ่ายตอนที่เพื่อนๆไปยื่นวีซ่าของตัวเองเลย)
อย่างที่มนบอกค่ะ ว่าเราต้องมีการสอบวัดระดับ ต่อให้จะเป็นออนไลน์ และไม่มีเพื่อนมาต่อแถวกดดัน มนก็ยังแอบกังวลหน่อยๆ ว่าตัวเองจะได้อยู่ห้องไหน และจะเรียนได้ไหม เลยมีทักไปคุยกับพี่ๆ พี่เค้าบอกว่า เราไม่ต้องซีเรียส ถ้าทดลองเรียนแล้วเรารู้สึกว่ายากหรือง่ายเกินไป ให้เราแจ้งอาจารย์ อาจารย์เค้าจะพิจารณาให้เราย้ายห้องเอง
แต่พอได้เข้าสอบจริงๆ ก็ชิลล์อยู่นะคะ อาจารย์ก็จะเริ่มจากถามคำถามทั่วไป และมีอ่านคำถามในจอแล้วตอบ (และแล้วมนก็ได้เรียนห้อง C+ ค่าา)
ระบบห้องเรียนของที่จีนจะไล่ตั้งแต่ A-F ห้อง A คือ ห้องเริ่มต้นเรียนตั้งแต่ตัวเลข แต่ห้อง F คือ ยิ่งกว่าคนจีนเก่งเกิ๊น แต่งกลอนได้ด้วย
หลังจากขอวีซ่าเสร็จ ก็ถึงเวลาจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินค่า พี่เค้าจะมีการแจ้งล่วงหน้าว่าเราจะจองตั๋วกันวันไหน และวันเดินทางจะอยู่ประมาณวันไหน (มีบวกลบ 1-2 วันจากตาราง) และพวกโน้ตต่างๆค่ะ เช่น ถ้าเราจะรีเควสว่าเราจะเดินทางพร้อมกับเพื่อนที่สมัครมาด้วยกัน ก็แจ้งพี่เค้าให้เสร็จสรรพ แต่มนฉายเดี่ยวเลยค่า เดินทางกับใครก็ได้ (อ่อๆๆ มนลืมบอกไปค่ะ รูมเมท ก็สามารถแจ้งรีเควสได้นะคะ แต่มนไม่ได้มีเพื่อนมาด้วย เลยให้มหาลัยแรนด้อมให้เลยย เสี่ยงดวงเอาค่ะ)
ช่วงก่อนเดินทาง พี่ๆเค้าก็จะมีสอนปรับพื้นฐานออนไลน์ และปฐมนิเทศการเตรียมตัวให้เราก่อน และแจ้งเรื่องการชำระเงินในส่วนที่เหลือ พี่เค้าให้เราเลือกได้เลยว่า จะจ่ายที่ไทย หรือจะถือเงินหยวนไปจ่ายที่จีน แน่นอนว่ามนเลือกจ่ายที่ไทยค่ะ เพราะมนไม่อยากถือเงินไปเยอะ (แอบกลัวตัวเองทำหาย TT)
และๆๆ วันที่มนจะได้ไปฮาร์บินก็มาถึงค่าา พี่ๆเค้าจะมีการมานัดเจอที่สนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมเอกสารพร้อมบินใส่แฟ้มให้เราเรียบร้อยเลย พาพวกเราเช็กอิน แจ้งรายละเอียดเวลานัด แนะนำพี่สตาฟที่เดินทางไปกับเรา และอยู่ส่งเราจนขึ้นไปด้านบนเลยค่าา

*พอถึงฮาร์บิน ก็มีพี่สตาฟกับรถบัสมารับและก็นั่งยาวจนถึงมหาลัยเลยค่า*
ช่วงเวลาที่ลุ้นอีกอย่างนึงสำหรับมน ก็คือที่พักและรูมเมทค่ะ เนื่องจากมนไปคนเดียว มหาลัยเลยแรนด้อมรูมเมทให้ (ซึ่งรูมเมทเป็นเพื่อนๆที่ไปกับกู๊ดไทม์ด้วยกันนะคะ) ห้องมนมีรูมเมท 2 คน นับตัวเองด้วยเป็น 3 คน ตอนนั้นตั้งแต่ไปถึงหน้าตึกคือ นึกว่านอนโรงแรมดูใหม่มาก เป็นหอนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ พึ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ในห้องก็จะมี ห้องครัว ห้องนอน 2 ห้อง ห้องนั่งเล่น โต๊ะเขียนหนังสือ 3 ชุด เตียง ผ้าปูที่นอนมีเตรียมไว้ให้ ห้องอาบน้ำในตัว เครื่องซักผ้า คือดีเริ่ด แต่ก็มีของที่เราต้องไปเองด้วยหรือค่อยไปซื้อเพิ่มก็ได้ เช่น ถังขยะ ทิชชู่ น้ำยาล้างจาน เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่พี่ๆกู๊ดไทม์เขาได้แจ้งไว้ล่วงหน้าในวันปฐมนิเทศก่อนที่เราจะเดินทางค่ะ เลยไม่มีปัญหาอะไร และของใช้ร่วมกันต่างๆ ก็หารกันกับรูมเมท ช่วยกันทำความสะอาด แล้วเราต้องนำขยะไปทิ้งที่หน้าหอเอง (อันนี้มนคือโชคเข้าข้างสุดๆ ที่รูมเมทรักสะอาดมาก ทำความสะอาดบ่อยสุดๆ)


หลังจากนั้นพี่ๆสตาฟ ก็จะพาพวกเราไปลงทะเบียนเรียน แนะนำสิ่งต่างทั้งในมหาลัย และรอบๆมหาลัย รวมถึงการขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้าด้วยค่า พี่เค้าจะพาเราไปสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คของฮาร์บิน ก็คือ โบสถ์เซนต์โซเฟีย
(มนบอกเลยว่ามันสวยมากกก เพื่อนๆที่มาเที่ยวหรือมาเรียนที่ฮาร์บินต้องมานะคะ) และอีกจุดก็คือถนนจงยางค่ะ ซึ่งเป็นจุดที่รวบรวมทุกอย่างไว้ อารมณ์เหมือนสยามสแควร์บ้านเราเลย และเป็นอีกจุดที่สวยมากๆเลยค่ะ ตอนที่มาถึง พี่ๆเค้าจะแนะนำวิธีการกลับไปมหาลัยให้ค่ะ แล้วปล่อยให้พวกเราฟรีเลย เผื่อเราจะเดินเที่ยว หรือซื้อของอะไร ก็เต็มที่ได้เลยค่า ซึ่งมนเลือกที่จะกลับเอง จะได้เป็นการทดลองใช้ชีวิตด้วยย
ทุกคนนน มนอยากบอกว่า การเดินทางที่จีนสะดวกสุดๆ ไปเลยย ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากเลยค่ะ มีให้เลือกเดินทางทุกรูปแบบตั้งแต่ เดิน รถไฟใต้ดิน รถเมล์ รถบัส ปั่นจักรยาน แท็กซี่ มีหมดและใช้ง่ายมาก ซึ่งราคารถเมล์ 2 หยวนทุกสาย ตลอดสายด้วยถูกกว่าเมืองไทย (2 หยวน ประมาณ 10 บาท) อยากไปไหนไปได้ทุกที่
ในส่วนของรถไฟใต้ดินที่เมืองฮาร์บินมีทั้งหมด 3 สาย สายสีเขียว เหลือง แดง แต่มีสายสีแดงสายเดียวที่ผ่านมหาลัย

(ส่วนตัวของมนเลือกใช้รถไฟใต้ดินกับรถเมล์เป็นส่วนใหญ่ เพราะจะครอบคลุมไปทุกสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ตอนที่ไปก็สามารถ Search เตรียมล่วงหน้าได้เลย หรือตอนที่มนไป มนก็ให้อาจารย์ที่สอนแนะนำหรือ ถามพี่ๆที่เรียนอยู่มาก่อน)
ได้เวลาเปิดเทอมค่าาา พอได้เรียนไปสักระยะ มนรู้สึกว่า มนตัดสินใจถูกมากๆเลยค่ะ ที่มาเรียนที่ฮาร์กงต้า อาจารย์สอนดีมากๆ เรียนสนุก มีกิจกรรมเรื่อยๆเลยค่ะในคลาส ได้ฝึกภาษาจริงๆเลยค่ะ มนชอบมากๆๆๆ เพื่อนๆที่อยู่ในคลาสเดียวกับมนก็โอเคเลย

*ถ่ายตอนที่รอคาบเริ่ม 555 เหงาจัด และนี่คือหนังสือที่มนใช้ ราคาหนังสือก็แล้วแต่ห้องที่ อย่างตอนมน
เรียนก็จะอยู่ที่ 60 หยวน อันนี้มนแนะนำนะคะ ให้เพื่อนๆทดลองเรียนก่อนว่าห้องนั้นเรียนเหมาะกับเพื่อนๆ ไหม อย่าเพิ่งรีบซื้อหนังสือน้า*
พอวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้เวลาเที่ยวค่า บางสถานที่พี่ๆก็พาไป บางสถานที่มนก็เลือกไปเองกับเพื่อนๆ ที่อยู่ในกรุ๊ปค่า เรียกว่า พากันตะลุยทั่วฮาร์บินเลยย
ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยว เมืองฮาร์บินขึ้นชื่อเรื่องความหนาว แต่พอไปหน้าร้อนฮาร์บินมีอะไรให้เที่ยวเยอะนะ อันนี้คือมนเที่ยวทุกวัน หลังเลิกเรียนก็คือเที่ยว ไปหมดทุกที่ แต่ที่ที่ไปบ่อยที่สุด คือ Popmart กับ Art Toys ราคาต่างกับที่ไทยใช้ได้เลยนะ ที่นี่ถูกกว่าเกือบครึ่ง หิ้วกลับไทยมาเยอะมาก
และที่ๆคนไปเยอะสุดไม่พ้น ถนนจงยางที่พี่ๆเค้าเคยพาไปแนะนำค่ะ (มนเองก็ไปเดินเล่นที่นี่บ่อยค่ะ) จากมหาลัยก็นั่งรถเมล์สาย 813 ไปกลับได้เลย หรือนั่งรถไฟใต้ดินก็ได้ แต่ต้องต่ออีกสาย
สถานที่ท่องเที่ยวที่มนเคยไปก็จะมี Harbin Polarland ฮาร์บินโรสซิปแลนด์ Capital Island Bowuguan วัดจี๋เล่อ โรงโอเปร่าฮาร์บิน พิพิธภัณฑ์ 731 สวนเสือ สวนดอกไม้ Ice Skating และที่ขาดไม่ได้คือ Sun Island หรือเกาะพระอาทิตย์ค่ะ (ในช่วงหน้าหนาวที่มนเคยไป ที่เกาะนี้จะเป็นที่จัดงานเทศกาลโคมไฟน้ำแข็งค่ะ ที่มีการแกะสลักหิมะต่างๆ)
ที่เกาะพระอาทิตย์จะมีกิจกรรมเยอะมาก ทั้งปั่นจักรยาน ถีบเรือเป็ด ถนนของกิน ที่ถ่ายรูป สวนสนุก และนั่งกระเช้า (แนะนำว่าให้ซื้อแบบนั่งไปกลับจะคุ้มกว่า นั่งไปอย่างเดียว 60 หยวน ไปกลับ 100 หยวนค่าา วิวสวยม๊ากก)












[CR] รีวิวไปเรียนภาษาที่ฮาร์บินเมืองน้ำแข็ง (ฉบับฤดูร้อน) รีวิวละเอียดถึงห้องเรียน
ทั้งเหตุผลที่เราไปเรียนที่ฮาร์บิน การเตรียมตัวต่างๆ ห้องพัก การเดินทางในเมือง สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน และสิ่งที่ได้จากการไปเรียนที่ฮาร์บินค่ะ 🙇🏻♀️🙇🏻♀️
ถ้างั้นเราขอเริ่มจากการแนะนำตัวก่อนเลยนะคะ เราชื่อ มน อายุ 17 ปี กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1 ซึ่งการไปเรียนที่ฮาร์บินในครั้งนี้ มนไปเรียนที่ มหาวิทยาลัย Harbin Institute of Technology หรือเรียกง่ายๆว่า ฮาร์กงต้า 哈工大 ค่ะ ช่วงเวลาที่มนไปคือ 1-30 กค ค่ะ
*อันนี้เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตในมอ มีของขายครบมากๆ*
คือ มนต้องบอกก่อนเลยว่า นี่เป็นครั้งแรกของมนที่ไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ มนตั้งใจเอาไว้ว่า อยากไปช่วงกรกฎาคม เพราะว่าช่วงนั้นมนจะปิดเทอม ม.6 พอดี และเป็นช่วงที่มนรอเข้ามหาลัย ก็เลยว่างมากๆในช่วงนั้น เลยขอที่บ้านไปเรียน (+เที่ยว) ค่ะ แต่ๆๆ การหาคอร์สที่จะไปนั้นยากมาก เพราะส่วนมากจะจัดกันในช่วงเมษา ตอนนั้นมนไม่ได้มีการปักเมืองเอาไว้ในใจเลยว่าอยากไปเมืองไหน จนมนมาเจอบริษัท Goodtime Education ซึ่งเค้าจัดไปแค่ที่ฮาร์บิน ในช่วงที่เราว่างพอดี แต่มนไม่แน่ใจเลยว่า มนจะไปเรียนที่ฮาร์บินดีไหม เพราะมนเคยไปเที่ยวที่ฮาร์บินครั้งนึง อุณหภูมิเข้าขั้นติดลบ หนาวมากตอนนั้น ครั้งนี้มนเลยกังวลพอสมควรว่ามนจะอยู่ได้ไหม เพราะมนเองก็ไม่ค่อยถูกกับอากาศหนาวเท่าไร มนเลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติม จนได้ข้อสรุปว่า ช่วงเดือน กค เป็นช่วง Summer ของฮาร์บิน อากาศอยู่ประมาณ 20-30 องศา (ไม่ร้อนมาก ไม่หนาวเกิน รอดตายแล้วว T^T)
พอวางใจเรื่องอุณหภูมิ มนเลยเริ่มทักไปสอบถามข้อมูลกับพี่ๆกู๊ดไทม์ทันทีเพราะจากการหาข้อมูลเอเจนนี้รีวิวมากที่สุด เลยอยากท้าทายระบบว่าดีจริงมั้ยน้าา
พี่ๆเค้าก็เลยส่งรายละเอียดต่างๆให้ ทั้งค่าใช้จ่าย ตารางกิจกรรม ซึ่งจริงๆทุกอย่างพี่เค้าก็ลงไว้ให้ในเว็บไซต์หมดเลยนะ ค่อนข้าง
ดูง่ายเลยค่ะ และละเอียดมาก
พี่เค้าแจ้งไว้ว่า เราจะเรียนตั้งแต่ จ.-ศ. เรียนตั้งแต่ 8.30-12.00 แต่มีช่วงพักให้ระหว่างเรียนนะ ไม่ได้ลากยาวทีเดียว แล้วนักเรียนก็ต้องไปเรียนกับเพื่อนต่างชาติ โดยที่เราต้องสอบวัดระดับก่อน แต่ปีนี้นักเรียนต่างชาติเยอะมาก พี่เค้าเลยอำนวยความสะดวกให้เฉพาะนักเรียนของทางพี่ๆ ได้สอบสัมภาษณ์ออนไลน์กับอาจารย์ก่อนเดินทาง (ในใจมนคิดว่า มันโอเคเลยย ไม่ต้องมีเพื่อนๆมาต่อแถวกดดันด้วยย >< )
หลังจากที่มนตัดสินใจไปเรียนแล้ว ก็ส่งเอกสารสมัครเรียนกับพี่ๆ เอกสารที่มนใช้ตอนนั้น มีแค่พาสปอร์ตกับรูปถ่ายเอง และกรอกฟอร์มใบสมัครนิดหน่อย แล้วก็ถึงขั้นตอนการชำระเงิน ตอนแรกมนเข้าใจว่าชำระทั้งหมดที่เดียว แต่ไม่เลยยย พี่ๆบอกว่า เราจะจ่ายกันทีละ step น้า พี่เค้าก็คอยแจ้งเราเองว่า ต้องชำระอะไร ตอนไหน เมื่อไหร่ (ตอนสมัครเราจ่ายยอดประมาณ 9,XXX กว่าบาท มนจำตัวเลขเป๊ะๆไม่ได้ แต่เพื่อนๆเข้าไปดูเว็บพี่เค้าได้นะคะ) หลังจากจ่ายค่าสมัครไปแล้ว พี่เค้าก็ให้เข้ากลุ่มไลน์ที่รวมเฉพาะเพื่อนๆที่ไปเรียน แล้วก็ผู้ปกครอง และให้เรารอเอกสารตอบรับจากมหาลัย จากนั้นถึงจะขอวีซ่า สำหรับเรากระบวนการของพี่ๆดีมากๆ ทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ และรายละเอียดชัดเจว่าเราจ่ายค่าอะไรไปแล้วบ้าง
และช่วงเวลานี้ก็มาถึงค่าา การทำวีซ่า ในขั้นตอนนี้เพื่อนๆไม่ต้องกังวลเลย มนแค่ส่งเอกสารให้พี่ๆกู๊ดไทม์ แล้วก็รอคิวที่จะไปยืนยันตัวตนที่ศูนย์ขอวีซ่าค่ะ (อันนี้คือการจ่ายเงินรอบที่ 2 ของมน ก็คือค่าวีซ่า มนให้พี่ๆดำเนินการให้ เลยจ่ายอยู่ที่ 2,900 บาท แต่ถ้าเพื่อนๆทำเองก็ไม่ต้องจ่ายส่วนนี้ให้บริษัทนะ จ่ายตอนที่เพื่อนๆไปยื่นวีซ่าของตัวเองเลย)
อย่างที่มนบอกค่ะ ว่าเราต้องมีการสอบวัดระดับ ต่อให้จะเป็นออนไลน์ และไม่มีเพื่อนมาต่อแถวกดดัน มนก็ยังแอบกังวลหน่อยๆ ว่าตัวเองจะได้อยู่ห้องไหน และจะเรียนได้ไหม เลยมีทักไปคุยกับพี่ๆ พี่เค้าบอกว่า เราไม่ต้องซีเรียส ถ้าทดลองเรียนแล้วเรารู้สึกว่ายากหรือง่ายเกินไป ให้เราแจ้งอาจารย์ อาจารย์เค้าจะพิจารณาให้เราย้ายห้องเอง
แต่พอได้เข้าสอบจริงๆ ก็ชิลล์อยู่นะคะ อาจารย์ก็จะเริ่มจากถามคำถามทั่วไป และมีอ่านคำถามในจอแล้วตอบ (และแล้วมนก็ได้เรียนห้อง C+ ค่าา)
ระบบห้องเรียนของที่จีนจะไล่ตั้งแต่ A-F ห้อง A คือ ห้องเริ่มต้นเรียนตั้งแต่ตัวเลข แต่ห้อง F คือ ยิ่งกว่าคนจีนเก่งเกิ๊น แต่งกลอนได้ด้วย
หลังจากขอวีซ่าเสร็จ ก็ถึงเวลาจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินค่า พี่เค้าจะมีการแจ้งล่วงหน้าว่าเราจะจองตั๋วกันวันไหน และวันเดินทางจะอยู่ประมาณวันไหน (มีบวกลบ 1-2 วันจากตาราง) และพวกโน้ตต่างๆค่ะ เช่น ถ้าเราจะรีเควสว่าเราจะเดินทางพร้อมกับเพื่อนที่สมัครมาด้วยกัน ก็แจ้งพี่เค้าให้เสร็จสรรพ แต่มนฉายเดี่ยวเลยค่า เดินทางกับใครก็ได้ (อ่อๆๆ มนลืมบอกไปค่ะ รูมเมท ก็สามารถแจ้งรีเควสได้นะคะ แต่มนไม่ได้มีเพื่อนมาด้วย เลยให้มหาลัยแรนด้อมให้เลยย เสี่ยงดวงเอาค่ะ)
ช่วงก่อนเดินทาง พี่ๆเค้าก็จะมีสอนปรับพื้นฐานออนไลน์ และปฐมนิเทศการเตรียมตัวให้เราก่อน และแจ้งเรื่องการชำระเงินในส่วนที่เหลือ พี่เค้าให้เราเลือกได้เลยว่า จะจ่ายที่ไทย หรือจะถือเงินหยวนไปจ่ายที่จีน แน่นอนว่ามนเลือกจ่ายที่ไทยค่ะ เพราะมนไม่อยากถือเงินไปเยอะ (แอบกลัวตัวเองทำหาย TT)
และๆๆ วันที่มนจะได้ไปฮาร์บินก็มาถึงค่าา พี่ๆเค้าจะมีการมานัดเจอที่สนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมเอกสารพร้อมบินใส่แฟ้มให้เราเรียบร้อยเลย พาพวกเราเช็กอิน แจ้งรายละเอียดเวลานัด แนะนำพี่สตาฟที่เดินทางไปกับเรา และอยู่ส่งเราจนขึ้นไปด้านบนเลยค่าา
*พอถึงฮาร์บิน ก็มีพี่สตาฟกับรถบัสมารับและก็นั่งยาวจนถึงมหาลัยเลยค่า*
ช่วงเวลาที่ลุ้นอีกอย่างนึงสำหรับมน ก็คือที่พักและรูมเมทค่ะ เนื่องจากมนไปคนเดียว มหาลัยเลยแรนด้อมรูมเมทให้ (ซึ่งรูมเมทเป็นเพื่อนๆที่ไปกับกู๊ดไทม์ด้วยกันนะคะ) ห้องมนมีรูมเมท 2 คน นับตัวเองด้วยเป็น 3 คน ตอนนั้นตั้งแต่ไปถึงหน้าตึกคือ นึกว่านอนโรงแรมดูใหม่มาก เป็นหอนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ พึ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ในห้องก็จะมี ห้องครัว ห้องนอน 2 ห้อง ห้องนั่งเล่น โต๊ะเขียนหนังสือ 3 ชุด เตียง ผ้าปูที่นอนมีเตรียมไว้ให้ ห้องอาบน้ำในตัว เครื่องซักผ้า คือดีเริ่ด แต่ก็มีของที่เราต้องไปเองด้วยหรือค่อยไปซื้อเพิ่มก็ได้ เช่น ถังขยะ ทิชชู่ น้ำยาล้างจาน เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่พี่ๆกู๊ดไทม์เขาได้แจ้งไว้ล่วงหน้าในวันปฐมนิเทศก่อนที่เราจะเดินทางค่ะ เลยไม่มีปัญหาอะไร และของใช้ร่วมกันต่างๆ ก็หารกันกับรูมเมท ช่วยกันทำความสะอาด แล้วเราต้องนำขยะไปทิ้งที่หน้าหอเอง (อันนี้มนคือโชคเข้าข้างสุดๆ ที่รูมเมทรักสะอาดมาก ทำความสะอาดบ่อยสุดๆ)
หลังจากนั้นพี่ๆสตาฟ ก็จะพาพวกเราไปลงทะเบียนเรียน แนะนำสิ่งต่างทั้งในมหาลัย และรอบๆมหาลัย รวมถึงการขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้าด้วยค่า พี่เค้าจะพาเราไปสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คของฮาร์บิน ก็คือ โบสถ์เซนต์โซเฟีย
(มนบอกเลยว่ามันสวยมากกก เพื่อนๆที่มาเที่ยวหรือมาเรียนที่ฮาร์บินต้องมานะคะ) และอีกจุดก็คือถนนจงยางค่ะ ซึ่งเป็นจุดที่รวบรวมทุกอย่างไว้ อารมณ์เหมือนสยามสแควร์บ้านเราเลย และเป็นอีกจุดที่สวยมากๆเลยค่ะ ตอนที่มาถึง พี่ๆเค้าจะแนะนำวิธีการกลับไปมหาลัยให้ค่ะ แล้วปล่อยให้พวกเราฟรีเลย เผื่อเราจะเดินเที่ยว หรือซื้อของอะไร ก็เต็มที่ได้เลยค่า ซึ่งมนเลือกที่จะกลับเอง จะได้เป็นการทดลองใช้ชีวิตด้วยย
ทุกคนนน มนอยากบอกว่า การเดินทางที่จีนสะดวกสุดๆ ไปเลยย ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากเลยค่ะ มีให้เลือกเดินทางทุกรูปแบบตั้งแต่ เดิน รถไฟใต้ดิน รถเมล์ รถบัส ปั่นจักรยาน แท็กซี่ มีหมดและใช้ง่ายมาก ซึ่งราคารถเมล์ 2 หยวนทุกสาย ตลอดสายด้วยถูกกว่าเมืองไทย (2 หยวน ประมาณ 10 บาท) อยากไปไหนไปได้ทุกที่
ในส่วนของรถไฟใต้ดินที่เมืองฮาร์บินมีทั้งหมด 3 สาย สายสีเขียว เหลือง แดง แต่มีสายสีแดงสายเดียวที่ผ่านมหาลัย
(ส่วนตัวของมนเลือกใช้รถไฟใต้ดินกับรถเมล์เป็นส่วนใหญ่ เพราะจะครอบคลุมไปทุกสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ตอนที่ไปก็สามารถ Search เตรียมล่วงหน้าได้เลย หรือตอนที่มนไป มนก็ให้อาจารย์ที่สอนแนะนำหรือ ถามพี่ๆที่เรียนอยู่มาก่อน)
ได้เวลาเปิดเทอมค่าาา พอได้เรียนไปสักระยะ มนรู้สึกว่า มนตัดสินใจถูกมากๆเลยค่ะ ที่มาเรียนที่ฮาร์กงต้า อาจารย์สอนดีมากๆ เรียนสนุก มีกิจกรรมเรื่อยๆเลยค่ะในคลาส ได้ฝึกภาษาจริงๆเลยค่ะ มนชอบมากๆๆๆ เพื่อนๆที่อยู่ในคลาสเดียวกับมนก็โอเคเลย
*ถ่ายตอนที่รอคาบเริ่ม 555 เหงาจัด และนี่คือหนังสือที่มนใช้ ราคาหนังสือก็แล้วแต่ห้องที่ อย่างตอนมน
เรียนก็จะอยู่ที่ 60 หยวน อันนี้มนแนะนำนะคะ ให้เพื่อนๆทดลองเรียนก่อนว่าห้องนั้นเรียนเหมาะกับเพื่อนๆ ไหม อย่าเพิ่งรีบซื้อหนังสือน้า*
พอวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้เวลาเที่ยวค่า บางสถานที่พี่ๆก็พาไป บางสถานที่มนก็เลือกไปเองกับเพื่อนๆ ที่อยู่ในกรุ๊ปค่า เรียกว่า พากันตะลุยทั่วฮาร์บินเลยย
ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยว เมืองฮาร์บินขึ้นชื่อเรื่องความหนาว แต่พอไปหน้าร้อนฮาร์บินมีอะไรให้เที่ยวเยอะนะ อันนี้คือมนเที่ยวทุกวัน หลังเลิกเรียนก็คือเที่ยว ไปหมดทุกที่ แต่ที่ที่ไปบ่อยที่สุด คือ Popmart กับ Art Toys ราคาต่างกับที่ไทยใช้ได้เลยนะ ที่นี่ถูกกว่าเกือบครึ่ง หิ้วกลับไทยมาเยอะมาก
และที่ๆคนไปเยอะสุดไม่พ้น ถนนจงยางที่พี่ๆเค้าเคยพาไปแนะนำค่ะ (มนเองก็ไปเดินเล่นที่นี่บ่อยค่ะ) จากมหาลัยก็นั่งรถเมล์สาย 813 ไปกลับได้เลย หรือนั่งรถไฟใต้ดินก็ได้ แต่ต้องต่ออีกสาย
สถานที่ท่องเที่ยวที่มนเคยไปก็จะมี Harbin Polarland ฮาร์บินโรสซิปแลนด์ Capital Island Bowuguan วัดจี๋เล่อ โรงโอเปร่าฮาร์บิน พิพิธภัณฑ์ 731 สวนเสือ สวนดอกไม้ Ice Skating และที่ขาดไม่ได้คือ Sun Island หรือเกาะพระอาทิตย์ค่ะ (ในช่วงหน้าหนาวที่มนเคยไป ที่เกาะนี้จะเป็นที่จัดงานเทศกาลโคมไฟน้ำแข็งค่ะ ที่มีการแกะสลักหิมะต่างๆ)
ที่เกาะพระอาทิตย์จะมีกิจกรรมเยอะมาก ทั้งปั่นจักรยาน ถีบเรือเป็ด ถนนของกิน ที่ถ่ายรูป สวนสนุก และนั่งกระเช้า (แนะนำว่าให้ซื้อแบบนั่งไปกลับจะคุ้มกว่า นั่งไปอย่างเดียว 60 หยวน ไปกลับ 100 หยวนค่าา วิวสวยม๊ากก)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้