ปชน. เปิดใจ แพ้ 2 สนามติด ลั่นไม่ท้อ เดินหน้าสร้างพรรคต่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4792877
ปชน. เปิดใจ แพ้ 2 สนามติด ลั่นไม่ท้อ เดินหน้าสร้างพรรคต่อ
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 15 กันยายน ภายหลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 ซึ่งนับแล้ว 98.07% พบว่าหมายเลข 2 นาย
จเด็ศ จันทรา หรือ
บู้ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้ไปกว่า 3.6 หมื่นคะแนน ส่วนหมายเลข 1 นาย
ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ หรือโฟล์ค ผู้สมัครจากพรรคประชาชน 3.1 หมื่นคะแนนนั้น
แกนนำพรรคประชาชน นำโดยนาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และโฆษกพรรคประชาชน พร้อมนาย
ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ และนาย
ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาพรรคประชาชน ได้ร่วมแถลงข่าวยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้
นายพริษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้ผลชัดเจนแล้วว่าประชาชนชาวพิษณุโลก เขต 1 วางใจเบอร์ 2 เพื่อไทย ให้เป็น ส.ส. ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลา เรายอมรับความพ่ายแพ้ ซึ่งแม้ผลออกมาเป็นแบบนี้เราก็ไม่ท้อ เพราะการแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ การแข่งขันเข้มข้นเป็นผลประโยชน์ของประชาชน และอวยพรให้นาย
จเด็ศประสบผลสำเร็จในการทำงานเพื่อยกคุณภาพชีวิตให้ชาวพิษณุโลก พวกเรายอมรับผลเลือกตั้งเราเดินหน้าทำงานต่อ ในพื้นที่เราทำงานอย่างเต็มที่ แม้เราจะไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชน พวกเราก็จะเดินหน้าทำงานต่อเต็มที่
“
ยืนยันเราไม่ท้อ เราจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาเราทำเต็มที่และยอมรับว่าเรายังไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน รอบที่แล้วบัตรดี 41% รอบนี้อันดับ 2 อยู่ที่ 45% ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนแม้จะไม่ใช่ที่ 1 ก็ตาม”
นาย
พริษฐ์กล่าวว่า ในฐานะคนการเมือง ระบอบประชาธิปไตย เราต้องการลงทุกสนาม หากมีการแข่งขันมาก ผลประโยชน์จะอยู่ที่ประชาชน การเลือกตั้งหลายๆ ครั้งมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เป็นโอกาสของประชาชน ที่จะเลือกตั้ง ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น แต่ละครั้งปัจจัยต่างกันขยายผลหรือตีความลำบาก หวังว่าการยกระดับมาตรการการเมืองของเราจะขยายไปยังทั่วประเทศต่อไป
“
ไม่ว่าผลวันนี้เป็นเช่นไร พรรคเราก็วิเคราะห์ผลงานของเรา และจะพยายามทำหน้าที่ให้มากขึ้นและทบทวนการทำงานเพื่อยกระดับเราให้ดียิ่งขึ้น ระบอบประชาธิปไตยแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ เป็นการแข่งขัน ยิ่งเข้มข้นยิ่งทำให้ประชาชนได้เลือกมากขึ้น เราอาจเสียดายที่เราไม่มีผู้แทนราษฎรที่มีคุณภาพในสภาได้ แต่เราก็จะทำหน้าที่ในสภาต่อเราจะเดินหน้าเต็มที่”
นาย
พริษฐ์กล่าวว่า การเมืองระดับประเทศ ปชน. ก็มี ส.ส. 143 คน เราเดินหน้าทำงานต่อใช้กลไกสภาทำงานเพื่อประชาชน เฉพาะหน้าคือ เรื่องน้ำท่วมที่ปัจจุบัน ส.ส.เขตที่ประสบภัยพยายามช่วยประสานงานเต็มที่ หากเห็นอะไรก็จะทำข้อเสนอถึงรัฐบาล เราก็จะทำให้เพื่อทุกคนจะได้ไม่มีความเสี่ยง และรวบรวมข้อมูลให้รัฐบาลช่วยเหลือได้ตรงจุดมากขึ้น สัปดาห์นี้ประชุมสภา จะมีกฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณา ทั้งเรื่องสุราก้าวหน้า พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า และจะมีการตั้งกระทู้สอบถามแทนประชาชน
นาย
ณฐชนนกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับเบอร์ 2 ที่ชนะเลือกตั้งครั้งนี้ เชื่อจะทำเพื่อคนพิษณุโลก ขอบคุณประชาชนที่มาใช้สิทธิทำให้การเลือกตั้งราบรื่นสมบูรณ์ รักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตย และขอให้ปรบมือกำลังใจกับทีมงานเราด้วย ขอบคุณสื่อมวลชนทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เข้ามาครั้งนี้ประชาชน 2 หมื่นกว่าคนให้ความไว้วางใจเราแม้เขาไม่รู้จักเรา แม้เราไม่ชนะ ก็ไม่ทำให้เราถอดใจในการทำงาน ตนยืนยันว่าหากมีประโยชน์กับชาวพิษณุโลกเขต 1 ก็ยินดีรับใช้ประชาชน และในอนาคตเป็นอย่างไร เราก็ยังมีจุดยืนว่าให้เอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ทำงานให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน และเราจะสู้ต่อไปด้วยกัน
นาย
ศรายุทธิ์กล่าวว่า หลังจากวันนี้ ปชน.จะต้องกลับมาทำเรื่องการสร้างพรรคต่อ หลังจากที่ตั้งพรรคมาแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา เราจะเริ่มสร้างพรรคสัปดาห์หน้า ด้วยการจัดสัมมนาพรรค จากนั้นจะอบรมตัวแทนสมาชิกพรรคทั่วประเทศหลายเวทีในทุกภูมิภาคทุกสัปดาห์ ตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายเดือนนี้ จากนั้นจะเลือกตั้งตัวแทนสมาชิกพรรคทั้งสาขา อำเภอ ตำบล และเลือกตั้งกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ พรรคนี้ต้องเป็นของเราทุกคน การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา และต้องสร้างพรรคเข้มแข็ง เพื่ออนาคตเป็นพรรคของมวลชน
นันทนา จี้ ‘ภูมิธรรม’ ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ ทหารไม่มีสิทธิแบนงานวิจัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4792744
นันทนา จี้ ‘ภูมิธรรม’ ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ ทหารไม่มีสิทธิแบนงานวิจัย ล้ำเส้นพรมแดนแห่งความรู้
จากกรณีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ประกาศให้หนังสือ “
ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย” เป็นเอกสารต้องห้าม หวั่นว่าจะส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทำให้สังคมเข้าใจผิด และกระทบภาพลักษณ์ขององค์กรหน่วยงาน จึงขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่าย และจะประสานทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัดพิจารณาเรื่องจริยธรรมของผู้เขียน
จากการตรวจสอบพบว่า หนังสือดังกล่าวเป็นผลงานของ รศ.ดร.
พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ปีที่พิมพ์ พ.ศ.2567 จำนวนหน้า 304 หน้า ราคาประมาณ 360 บาท ปรับปรุง-แก้ไขเนื้อหาจากหนังสือภาษาอังกฤษของผู้เขียนเอง Infiltrating Society: The Thai Military’s Internal Security Affairs
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 กันยายน น.ส.
นันทนา นันทวโรภาส ส.ว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ โพสต์ผ่านเอ็กซ์ เรียกร้องการปกป้องผลงานทางวิชาการ โดยระบุว่า
ร่วมปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ ทหารไม่มีสิทธิแบนงานวิจัย เรียกร้องให้นายภูมิธรรม @phumtham ในฐานะรองนายกฯด้านความมั่นคง ออกมาปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ จากการแทรกแซงของทหาร
สืบเนื่องจากงานวิจัยของ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ “ในนามของความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมของกองทัพไทย” ได้รับรางวัลผลงานวิจัยเด่น สาขาสังคมศาสตร์ จากกองทุนรัชดาภิเษกสมโภช และได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังสือที่ดีที่สุดของปี 2022 จากวารสาร Foreign Affairs
หนังสือเล่มนี้ได้เปิดเผยวิธีการที่กองทัพ ใช้ กอ.รมน.เป็นเครื่องมือในการแทรกซึมและควบคุมสังคมไทย
กอ.รมน.ได้สั่งระงับการจำหน่ายหนังสือเล่มนี้ และอาจดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้เขียนอีกด้วย
นี่คือการปิดกั้นเสรีภาพทางวิชาการ ทหารไม่ควรล้ำเส้นพรมแดนแห่งความรู้
#สวนันทนา #ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ #ทหารไม่มีสิทธิแบนงานวิจัย
https://x.com/Dr_Nantana/status/1835214306973303124
หญิงหน่อย ปิดตาลุยหนองคาย มอบถุงยังชีพน้ำท่วม เดินหน้านโยบายแก้ปัญหาน้ำ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9414062
หญิงหน่อย ปิดตาลุยหนองคาย มอบถุงยังชีพน้ำท่วม เดินหน้านโยบายแก้ปัญหาน้ำ เผยอุทกภัยหลายจุดยังน่าห่วง กำชับทีมไทยสร้างไทย คอยช่วยเหลือประชาชนเต็มที่
วันที่ 15 ก.ย. 2567 ที่ จ.หนองคาย คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนาย
รัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ รองเลขาธิการพรรค นาย
ทิวากร สุระชน รองโฆษกพรรค นาย
พิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร นางสาว
ทศพร จันทร์ศรี และนาย
กฤษฎา เข็มรัตน์ ทีมไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ลงพื้นที่ชุมชนบ้านดอนสวรรค์ หมู่ 9 ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย และพื้นที่ชุมชนริมโขง
ซึ่งขณะนี้ยังมีน้ำท่วมขังหลายจุด โดยระดับน้ำนั้นยังสูงกว่า 1 เมตร หลายชุมชนได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และหลายพื้นที่งดจ่ายกระแสไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
โดยที่ชุมชนบ้านดอนสวรรค์ คุณหญิง
สุดารัตน์ พร้อมทีมไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ลุยน้ำ และลงเรือเข้าไปพบปะเพื่อให้กำลังใจประชาชนที่ติดอยู่ภายในชุมชน
คุณหญิง
สุดารัตน์ เปิดเผยว่า แม้จะมีอาการบาดเจ็บที่ดวงตาเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาใช้สายตาทำงานอย่างหนัก แต่เมื่อเห็นความทุกข์จากสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวหนองคายแล้ว จึงต้องลงพื้นที่มาให้กำลังใจ มอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากให้ผู้ประสบภัยในวันนี้
คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ตนได้ตรวจเยี่ยมศูนย์ประสานงานซึ่งจะมีทีมไทยสร้างไทยหนองคาย และจะคอยติดตามให้ความช่วยเหลือ จนไปถึงติดตามข้อเรียกร้อง เพื่อเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้
“
ที่ผ่านมาพี่น้องคนไทยโดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน ประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาตลอด แม้รัฐบาลจะมีหน่วยงานในการจัดการน้ำมากมาย และใช้เงินจำนวนมหาศาลในแต่ละปี แต่กลับขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ จึงเห็นภาพความเสียหายต่อประชาชน ระบบเศรษฐกิจมหาศาล พรรคไทยสร้างไทยจึงประกาศเดินหน้านโยบาย เพื่อแก้ปัญหา โขง เลย ชี มูล อย่างเป็นระบบ” คุณหญิง
สุดารัตน์กล่าว
JJNY : ปชน.ลั่นไม่ท้อ เดินหน้าสร้างพรรคต่อ│นันทนาจี้‘ภูมิธรรม’│หญิงหน่อยปิดตาลุยหนองคาย│ไต้ฝุ่นเบบินคาขึ้นฝั่งเซี่ยงไฮ้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4792877
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 15 กันยายน ภายหลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 ซึ่งนับแล้ว 98.07% พบว่าหมายเลข 2 นายจเด็ศ จันทรา หรือบู้ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้ไปกว่า 3.6 หมื่นคะแนน ส่วนหมายเลข 1 นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ หรือโฟล์ค ผู้สมัครจากพรรคประชาชน 3.1 หมื่นคะแนนนั้น
แกนนำพรรคประชาชน นำโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และโฆษกพรรคประชาชน พร้อมนายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ และนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาพรรคประชาชน ได้ร่วมแถลงข่าวยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้
นายพริษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้ผลชัดเจนแล้วว่าประชาชนชาวพิษณุโลก เขต 1 วางใจเบอร์ 2 เพื่อไทย ให้เป็น ส.ส. ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลา เรายอมรับความพ่ายแพ้ ซึ่งแม้ผลออกมาเป็นแบบนี้เราก็ไม่ท้อ เพราะการแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ การแข่งขันเข้มข้นเป็นผลประโยชน์ของประชาชน และอวยพรให้นายจเด็ศประสบผลสำเร็จในการทำงานเพื่อยกคุณภาพชีวิตให้ชาวพิษณุโลก พวกเรายอมรับผลเลือกตั้งเราเดินหน้าทำงานต่อ ในพื้นที่เราทำงานอย่างเต็มที่ แม้เราจะไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชน พวกเราก็จะเดินหน้าทำงานต่อเต็มที่
“ยืนยันเราไม่ท้อ เราจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาเราทำเต็มที่และยอมรับว่าเรายังไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน รอบที่แล้วบัตรดี 41% รอบนี้อันดับ 2 อยู่ที่ 45% ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนแม้จะไม่ใช่ที่ 1 ก็ตาม”
นายพริษฐ์กล่าวว่า ในฐานะคนการเมือง ระบอบประชาธิปไตย เราต้องการลงทุกสนาม หากมีการแข่งขันมาก ผลประโยชน์จะอยู่ที่ประชาชน การเลือกตั้งหลายๆ ครั้งมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เป็นโอกาสของประชาชน ที่จะเลือกตั้ง ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น แต่ละครั้งปัจจัยต่างกันขยายผลหรือตีความลำบาก หวังว่าการยกระดับมาตรการการเมืองของเราจะขยายไปยังทั่วประเทศต่อไป
“ไม่ว่าผลวันนี้เป็นเช่นไร พรรคเราก็วิเคราะห์ผลงานของเรา และจะพยายามทำหน้าที่ให้มากขึ้นและทบทวนการทำงานเพื่อยกระดับเราให้ดียิ่งขึ้น ระบอบประชาธิปไตยแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ เป็นการแข่งขัน ยิ่งเข้มข้นยิ่งทำให้ประชาชนได้เลือกมากขึ้น เราอาจเสียดายที่เราไม่มีผู้แทนราษฎรที่มีคุณภาพในสภาได้ แต่เราก็จะทำหน้าที่ในสภาต่อเราจะเดินหน้าเต็มที่”
นายพริษฐ์กล่าวว่า การเมืองระดับประเทศ ปชน. ก็มี ส.ส. 143 คน เราเดินหน้าทำงานต่อใช้กลไกสภาทำงานเพื่อประชาชน เฉพาะหน้าคือ เรื่องน้ำท่วมที่ปัจจุบัน ส.ส.เขตที่ประสบภัยพยายามช่วยประสานงานเต็มที่ หากเห็นอะไรก็จะทำข้อเสนอถึงรัฐบาล เราก็จะทำให้เพื่อทุกคนจะได้ไม่มีความเสี่ยง และรวบรวมข้อมูลให้รัฐบาลช่วยเหลือได้ตรงจุดมากขึ้น สัปดาห์นี้ประชุมสภา จะมีกฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณา ทั้งเรื่องสุราก้าวหน้า พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า และจะมีการตั้งกระทู้สอบถามแทนประชาชน
นายณฐชนนกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับเบอร์ 2 ที่ชนะเลือกตั้งครั้งนี้ เชื่อจะทำเพื่อคนพิษณุโลก ขอบคุณประชาชนที่มาใช้สิทธิทำให้การเลือกตั้งราบรื่นสมบูรณ์ รักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตย และขอให้ปรบมือกำลังใจกับทีมงานเราด้วย ขอบคุณสื่อมวลชนทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เข้ามาครั้งนี้ประชาชน 2 หมื่นกว่าคนให้ความไว้วางใจเราแม้เขาไม่รู้จักเรา แม้เราไม่ชนะ ก็ไม่ทำให้เราถอดใจในการทำงาน ตนยืนยันว่าหากมีประโยชน์กับชาวพิษณุโลกเขต 1 ก็ยินดีรับใช้ประชาชน และในอนาคตเป็นอย่างไร เราก็ยังมีจุดยืนว่าให้เอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ทำงานให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน และเราจะสู้ต่อไปด้วยกัน
นายศรายุทธิ์กล่าวว่า หลังจากวันนี้ ปชน.จะต้องกลับมาทำเรื่องการสร้างพรรคต่อ หลังจากที่ตั้งพรรคมาแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา เราจะเริ่มสร้างพรรคสัปดาห์หน้า ด้วยการจัดสัมมนาพรรค จากนั้นจะอบรมตัวแทนสมาชิกพรรคทั่วประเทศหลายเวทีในทุกภูมิภาคทุกสัปดาห์ ตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายเดือนนี้ จากนั้นจะเลือกตั้งตัวแทนสมาชิกพรรคทั้งสาขา อำเภอ ตำบล และเลือกตั้งกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ พรรคนี้ต้องเป็นของเราทุกคน การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา และต้องสร้างพรรคเข้มแข็ง เพื่ออนาคตเป็นพรรคของมวลชน
นันทนา จี้ ‘ภูมิธรรม’ ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ ทหารไม่มีสิทธิแบนงานวิจัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4792744
นันทนา จี้ ‘ภูมิธรรม’ ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ ทหารไม่มีสิทธิแบนงานวิจัย ล้ำเส้นพรมแดนแห่งความรู้
จากกรณีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ประกาศให้หนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย” เป็นเอกสารต้องห้าม หวั่นว่าจะส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทำให้สังคมเข้าใจผิด และกระทบภาพลักษณ์ขององค์กรหน่วยงาน จึงขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่าย และจะประสานทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัดพิจารณาเรื่องจริยธรรมของผู้เขียน
จากการตรวจสอบพบว่า หนังสือดังกล่าวเป็นผลงานของ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ปีที่พิมพ์ พ.ศ.2567 จำนวนหน้า 304 หน้า ราคาประมาณ 360 บาท ปรับปรุง-แก้ไขเนื้อหาจากหนังสือภาษาอังกฤษของผู้เขียนเอง Infiltrating Society: The Thai Military’s Internal Security Affairs
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 กันยายน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ โพสต์ผ่านเอ็กซ์ เรียกร้องการปกป้องผลงานทางวิชาการ โดยระบุว่า
ร่วมปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ ทหารไม่มีสิทธิแบนงานวิจัย เรียกร้องให้นายภูมิธรรม @phumtham ในฐานะรองนายกฯด้านความมั่นคง ออกมาปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ จากการแทรกแซงของทหาร
สืบเนื่องจากงานวิจัยของ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ “ในนามของความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมของกองทัพไทย” ได้รับรางวัลผลงานวิจัยเด่น สาขาสังคมศาสตร์ จากกองทุนรัชดาภิเษกสมโภช และได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังสือที่ดีที่สุดของปี 2022 จากวารสาร Foreign Affairs
หนังสือเล่มนี้ได้เปิดเผยวิธีการที่กองทัพ ใช้ กอ.รมน.เป็นเครื่องมือในการแทรกซึมและควบคุมสังคมไทย
กอ.รมน.ได้สั่งระงับการจำหน่ายหนังสือเล่มนี้ และอาจดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้เขียนอีกด้วย
นี่คือการปิดกั้นเสรีภาพทางวิชาการ ทหารไม่ควรล้ำเส้นพรมแดนแห่งความรู้
#สวนันทนา #ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ #ทหารไม่มีสิทธิแบนงานวิจัย
https://x.com/Dr_Nantana/status/1835214306973303124
หญิงหน่อย ปิดตาลุยหนองคาย มอบถุงยังชีพน้ำท่วม เดินหน้านโยบายแก้ปัญหาน้ำ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9414062
หญิงหน่อย ปิดตาลุยหนองคาย มอบถุงยังชีพน้ำท่วม เดินหน้านโยบายแก้ปัญหาน้ำ เผยอุทกภัยหลายจุดยังน่าห่วง กำชับทีมไทยสร้างไทย คอยช่วยเหลือประชาชนเต็มที่
วันที่ 15 ก.ย. 2567 ที่ จ.หนองคาย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ รองเลขาธิการพรรค นายทิวากร สุระชน รองโฆษกพรรค นายพิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร นางสาวทศพร จันทร์ศรี และนายกฤษฎา เข็มรัตน์ ทีมไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ลงพื้นที่ชุมชนบ้านดอนสวรรค์ หมู่ 9 ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย และพื้นที่ชุมชนริมโขง
ซึ่งขณะนี้ยังมีน้ำท่วมขังหลายจุด โดยระดับน้ำนั้นยังสูงกว่า 1 เมตร หลายชุมชนได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และหลายพื้นที่งดจ่ายกระแสไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
โดยที่ชุมชนบ้านดอนสวรรค์ คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมทีมไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ลุยน้ำ และลงเรือเข้าไปพบปะเพื่อให้กำลังใจประชาชนที่ติดอยู่ภายในชุมชน
คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า แม้จะมีอาการบาดเจ็บที่ดวงตาเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาใช้สายตาทำงานอย่างหนัก แต่เมื่อเห็นความทุกข์จากสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวหนองคายแล้ว จึงต้องลงพื้นที่มาให้กำลังใจ มอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากให้ผู้ประสบภัยในวันนี้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ตนได้ตรวจเยี่ยมศูนย์ประสานงานซึ่งจะมีทีมไทยสร้างไทยหนองคาย และจะคอยติดตามให้ความช่วยเหลือ จนไปถึงติดตามข้อเรียกร้อง เพื่อเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้
“ที่ผ่านมาพี่น้องคนไทยโดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน ประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาตลอด แม้รัฐบาลจะมีหน่วยงานในการจัดการน้ำมากมาย และใช้เงินจำนวนมหาศาลในแต่ละปี แต่กลับขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ จึงเห็นภาพความเสียหายต่อประชาชน ระบบเศรษฐกิจมหาศาล พรรคไทยสร้างไทยจึงประกาศเดินหน้านโยบาย เพื่อแก้ปัญหา โขง เลย ชี มูล อย่างเป็นระบบ” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว