จากข่าว ดื่มสุราเถื่อน เหยื่อยาดองมรณะดับ... เหตุจากเลือดเป็นกรด
อาจก่อให้เกิดความผิดปกติต่อสมองและระบบประสาทส่วนกลาง รุนแรงขั้นเสียชีวิตได้
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้
ภาวะเลือดเป็นกรด
ภาวะเลือดเป็นกรด (Acidosis) คือ ภาวะความผิดปกติของเลือดหรือของเหลวในร่างกายไม่สมดุล
ทำให้มีความเป็นกรดสูง ในทางการแพทย์จะยึดเกณฑ์ค่าพีเอช (pH) ของเลือดที่วัดได้ต่ำกว่า 7.35
ลงมาถึงจะจัดว่าร่างกายมีภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งอาจเกิดได้จากสภาวะหรือโรคต่าง ๆ
ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ความเป็นกรดด่างของเลือดหรือของเหลวในร่างกายวัดได้จากค่าพีเอชที่เป็นตัวช่วยให้การทำงานของเซลล์ในระบบต่าง ๆ
และการขนส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อเป็นปกติ โดยค่าพีเอชเลือดของคนปกติจะอยู่ในช่วง 7.35-7.45
ส่วนใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งเป็นการทำงานของปอด และการควบคุมความสมดุลของเกลือแร่และภาวะกรดด่างในร่างกายจากการทำงานของไต
เมื่อภาวะเลือดเป็นกรดที่เกิดจากปอดจะเรียกว่า ภาวะกรดจากระบบหายใจ
แต่หากเกิดจากการทำงานไตจะเรียกว่า ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ
ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ รวมทั้งการรักษาก็จะแตกต่างออกไปในแต่ละเหตุ

สาเหตุของภาวะเลือดเป็นกรดมาจากการที่ร่างกายมีกรดสะสมอยู่ในปริมาณมากหรือสูญเสียความเป็นด่างไป
รวมถึงมีโรคหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับปอด ไต ระบบการเผาผลาญ หรือระบบการหายใจ ซึ่งสาเหตุการเกิดแบ่งออกได้ดังนี้
1. ภาวะกรดจากระบบหายใจ
เกิดขึ้นเมื่อปอดไม่สามารถขจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกทางการหายใจได้เพียงพอ
จึงเกิดการสะสมของก๊าซภายในร่างกายเป็นจำนวนมากจนทำให้เลือดมีความเป็นกรดมากกว่าปกติ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ
โรคทางเดินหายอุดกั้นใจเรื้อรัง การบาดเจ็บบริเวณหน้าอก ภาวะหรือโรคอ้วนซึ่งอาจทำให้หายใจลำบาก
การใช้ยาที่มีฤทธิ์กดประสาทอย่างไม่เหมาะสม ทำให้การหายใจลดลง การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินปริมาณที่พอดี
ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท โครงสร้างของหน้าอกผิดรูปร่าง เช่น หลังค่อม กล้ามเนื้อหน้าอกที่เกี่ยวข้องกับการหายใจไม่แข็งแรง
2. ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ
เกิดขึ้นเมื่อไตไม่สามารถขับกรดออกไปได้หรือไตมีภาวะเป็นด่างมากเกินไป
ภาวะเลือดเป็นกรดจากกระบวนการเผาผลาญแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่
ภาวะเลือดเป็นกรดจากเบาหวาน เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
เพราะร่างกายขาดอินซูลินและมีการสร้างกรดคีโตนขึ้นในร่างกายจนทำให้เกิดเลือดเป็นกรด เพราะไม่สามารถควบคุมความสมดุลได้
ภาวะเลือดเป็นกรดร่วมกับคลอไรด์ในเลือดสูง เกิดจากการสูญเสียโซเดียมไบคาร์บอเนต
ที่ทำให้เลือดมีค่าเป็นกลาง ภาวะกรดในเลือดชนิดนี้ทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียน
ภาวะเลือดเป็นกรดจากกรดแลคติกในเลือดสูง เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีกรดแลคติกมากเกินไป
มีสาเหตุจากพิษสุราเรื้อรัง ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคมะเร็ง ลมชัก ตับวาย
การขาดออกซิเจนเป็นเวลานานและน้ำตาลในเลือดต่ำ
นอกจากนี้การออกกำลังกายเป็นเวลานานทำให้เกิดภาวะกรดแลคติกในเลือดเกินได้เช่นกัน
ภาวะเลือดเป็นกรดจากหลอดไตฝอย เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อไตไม่สามารถขับกรดออกทางปัสสาวะได้
จึงเป็นสาเหตุทำให้เลือดเป็นกรด

ภาวะเลือดเป็นกรดจากระบบหายใจและกระบวนการเผาผลาญส่วนใหญ่จะมีอาการหลาย ๆ อย่างคล้ายกัน
ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นหลัก
ภาวะกรดจากระบบหายใจ อ่อนเพลีย เซื่องซึม เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
รู้สึกสับสน ปวดศีรษะ บางรายที่มีอาการรุนแรงอาจเกิดอาการไม่รู้ตัว หรือเสียชีวิต
ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ หายใจตื้นและถี่ รู้สึกสับสน อ่อนเพลีย
ปวดศีรษะ อาเจียน เบื่ออาหาร อาการดีซ่าน หัวใจเต้นเร็วขึ้น
ในกรณีที่เกิดจากโรคเบาหวาน ลมหายใจอาจมีกลิ่นคล้ายผลไม้ (Ketoacidosis)
การวินิจฉัยเลือดเป็นกรด
แพทย์จะสอบถามประวัติทางการแพทย์ อาการผิดปกติที่พบ และตรวจร่างกายทั่วไป
จากนั้นจึงมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้านอื่น ๆ เพิ่มเติมตามความเสี่ยงของผู้ป่วยแต่ละราย
การตรวจเลือด โดยการตรวจที่นิยมทำกันโดยทั่วไป เช่น การตรวจวิเคราะห์ก๊าซในเลือด
เป็นการตรวจวัดระดับก๊าซออกซิเจนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด และค่าความเป็นกรดของเลือด
หรือการตรวจเกลือแร่ในเลือด เพื่อดูการทำงานของไตและค่าความเป็นกรดด่าง
ร่วมไปถึงแคลเซียม โปรตีน น้ำตาล อิเล็กโทรไลต์หรือเกลือแร่
ซึ่งการตรวจทั้ง 2 ชนิดพอจะช่วยให้แพทย์ทราบได้ว่าภาวะเลือดเป็นกรดเกิดจากระบบการหายใจหรือกระบวนการเผาผลาญ
การตรวจเอกซเรย์ปอด หรือการตรวจสมรรถภาพปอด
เป็นการตรวจดูสุขภาพของปอดโดยรวม และยังช่วยตรวจหาสาเหตุของภาวะเลือดเป็นกรดจากระบบหายใจ
การตรวจปัสสาวะ เป็นการตรวจสำหรับผู้ป่วยที่คาดว่าน่าจะเกิดภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ
โดยแพทย์จะเก็บตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วย เพื่อตรวจวัดความเป็นกรดด่างที่ร่างกายขจัดออกมาว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่

ภาวะเลือดเป็นกรดรักษาได้เมื่อทราบสาเหตุที่เกิดอย่างแท้จริง
โดยเน้นให้ค่าความเป็นกรดด่างหรือค่าพีเอชกลับมาอยู่ในภาวะปกติ
วิธีการรักษาจึงขึ้นอยู่กับสาเหตุ ประเภท และระดับความรุนแรงของภาวะนี้เป็นหลัก
ภาวะกรดจากระบบหายใจ แพทย์จะรักษาโดยพยายามช่วยให้ปอดกลับมาทำงานได้ตามปกติ
และแก้ไขสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด อาจให้ยาขยายทางเดินหายใจ
ให้ออกซิเจน หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ในผู้ป่วยที่มีสิ่งอุดกั้นทางเดินหายใจ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญจะแตกต่างออกไปตามสาเหตุของโรคหรือภาวะความผิดปกตินั้น ๆ
เช่น ภาวะเลือดเป็นกรดร่วมกับคลอไรด์ในเลือดสูง และภาวะเลือดเป็นกรดจากไตล้มเหลว
อาจจะต้องรับประทานยาโซเดียมไบคาร์บอเนต หรือการคั่งของสารคีโตซีสในผู้ป่วยเบาหวานจนทำให้เลือดเป็นกรด
ผู้ป่วยอาจได้รับน้ำเกลือทางหลอดเลือดหรืออินซูลิน เพื่อช่วยปรับสมดุลความเป็นกรดด่างในเลือด
ส่วนภาวะเลือดเป็นกรดจากกรดแลคติกในเลือดสูง
แพทย์อาจให้รับประทานโซเดียมไบคาร์บอเนต ให้น้ำเกลือ ออกซิเจน หรือสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ ขึ้นอยู่กับสาเหตุหลัก

เลือดเป็นกรดยังป้องกันไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ แต่สามารถลดความเสี่ยงจากปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดภาวะนี้
ภาวะกรดจากระบบหายใจ
การรับประทานยาระงับประสาทหรือยานอนหลับ
ควรใช้ตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดและห้ามใช้ควบคู่กับแอลกอฮอล์ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคอ้วนและปัญหาในการหายใจได้ลำบาก
ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ
ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ
ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
และติดตามการรักษาสม่ำเสมอซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการคั่งของสารคีโตนในเลือด
ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เกินปริมาณที่พอดีต่อวัน
ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์


ภาวะเลือดเป็นกรด เกิดจากอะไร
อาจก่อให้เกิดความผิดปกติต่อสมองและระบบประสาทส่วนกลาง รุนแรงขั้นเสียชีวิตได้
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้
ภาวะเลือดเป็นกรด (Acidosis) คือ ภาวะความผิดปกติของเลือดหรือของเหลวในร่างกายไม่สมดุล
ทำให้มีความเป็นกรดสูง ในทางการแพทย์จะยึดเกณฑ์ค่าพีเอช (pH) ของเลือดที่วัดได้ต่ำกว่า 7.35
ลงมาถึงจะจัดว่าร่างกายมีภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งอาจเกิดได้จากสภาวะหรือโรคต่าง ๆ
ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ความเป็นกรดด่างของเลือดหรือของเหลวในร่างกายวัดได้จากค่าพีเอชที่เป็นตัวช่วยให้การทำงานของเซลล์ในระบบต่าง ๆ
และการขนส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อเป็นปกติ โดยค่าพีเอชเลือดของคนปกติจะอยู่ในช่วง 7.35-7.45
ส่วนใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งเป็นการทำงานของปอด และการควบคุมความสมดุลของเกลือแร่และภาวะกรดด่างในร่างกายจากการทำงานของไต
เมื่อภาวะเลือดเป็นกรดที่เกิดจากปอดจะเรียกว่า ภาวะกรดจากระบบหายใจ
แต่หากเกิดจากการทำงานไตจะเรียกว่า ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ
ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ รวมทั้งการรักษาก็จะแตกต่างออกไปในแต่ละเหตุ
รวมถึงมีโรคหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับปอด ไต ระบบการเผาผลาญ หรือระบบการหายใจ ซึ่งสาเหตุการเกิดแบ่งออกได้ดังนี้
1. ภาวะกรดจากระบบหายใจ
เกิดขึ้นเมื่อปอดไม่สามารถขจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกทางการหายใจได้เพียงพอ
จึงเกิดการสะสมของก๊าซภายในร่างกายเป็นจำนวนมากจนทำให้เลือดมีความเป็นกรดมากกว่าปกติ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ
โรคทางเดินหายอุดกั้นใจเรื้อรัง การบาดเจ็บบริเวณหน้าอก ภาวะหรือโรคอ้วนซึ่งอาจทำให้หายใจลำบาก
การใช้ยาที่มีฤทธิ์กดประสาทอย่างไม่เหมาะสม ทำให้การหายใจลดลง การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินปริมาณที่พอดี
ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท โครงสร้างของหน้าอกผิดรูปร่าง เช่น หลังค่อม กล้ามเนื้อหน้าอกที่เกี่ยวข้องกับการหายใจไม่แข็งแรง
2. ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ
เกิดขึ้นเมื่อไตไม่สามารถขับกรดออกไปได้หรือไตมีภาวะเป็นด่างมากเกินไป
ภาวะเลือดเป็นกรดจากกระบวนการเผาผลาญแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่
ภาวะเลือดเป็นกรดจากเบาหวาน เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
เพราะร่างกายขาดอินซูลินและมีการสร้างกรดคีโตนขึ้นในร่างกายจนทำให้เกิดเลือดเป็นกรด เพราะไม่สามารถควบคุมความสมดุลได้
ภาวะเลือดเป็นกรดร่วมกับคลอไรด์ในเลือดสูง เกิดจากการสูญเสียโซเดียมไบคาร์บอเนต
ที่ทำให้เลือดมีค่าเป็นกลาง ภาวะกรดในเลือดชนิดนี้ทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียน
ภาวะเลือดเป็นกรดจากกรดแลคติกในเลือดสูง เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีกรดแลคติกมากเกินไป
มีสาเหตุจากพิษสุราเรื้อรัง ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคมะเร็ง ลมชัก ตับวาย
การขาดออกซิเจนเป็นเวลานานและน้ำตาลในเลือดต่ำ
นอกจากนี้การออกกำลังกายเป็นเวลานานทำให้เกิดภาวะกรดแลคติกในเลือดเกินได้เช่นกัน
ภาวะเลือดเป็นกรดจากหลอดไตฝอย เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อไตไม่สามารถขับกรดออกทางปัสสาวะได้
จึงเป็นสาเหตุทำให้เลือดเป็นกรด
ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นหลัก
ภาวะกรดจากระบบหายใจ อ่อนเพลีย เซื่องซึม เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
รู้สึกสับสน ปวดศีรษะ บางรายที่มีอาการรุนแรงอาจเกิดอาการไม่รู้ตัว หรือเสียชีวิต
ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ หายใจตื้นและถี่ รู้สึกสับสน อ่อนเพลีย
ปวดศีรษะ อาเจียน เบื่ออาหาร อาการดีซ่าน หัวใจเต้นเร็วขึ้น
ในกรณีที่เกิดจากโรคเบาหวาน ลมหายใจอาจมีกลิ่นคล้ายผลไม้ (Ketoacidosis)
แพทย์จะสอบถามประวัติทางการแพทย์ อาการผิดปกติที่พบ และตรวจร่างกายทั่วไป
จากนั้นจึงมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้านอื่น ๆ เพิ่มเติมตามความเสี่ยงของผู้ป่วยแต่ละราย
การตรวจเลือด โดยการตรวจที่นิยมทำกันโดยทั่วไป เช่น การตรวจวิเคราะห์ก๊าซในเลือด
เป็นการตรวจวัดระดับก๊าซออกซิเจนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด และค่าความเป็นกรดของเลือด
หรือการตรวจเกลือแร่ในเลือด เพื่อดูการทำงานของไตและค่าความเป็นกรดด่าง
ร่วมไปถึงแคลเซียม โปรตีน น้ำตาล อิเล็กโทรไลต์หรือเกลือแร่
ซึ่งการตรวจทั้ง 2 ชนิดพอจะช่วยให้แพทย์ทราบได้ว่าภาวะเลือดเป็นกรดเกิดจากระบบการหายใจหรือกระบวนการเผาผลาญ
การตรวจเอกซเรย์ปอด หรือการตรวจสมรรถภาพปอด
เป็นการตรวจดูสุขภาพของปอดโดยรวม และยังช่วยตรวจหาสาเหตุของภาวะเลือดเป็นกรดจากระบบหายใจ
การตรวจปัสสาวะ เป็นการตรวจสำหรับผู้ป่วยที่คาดว่าน่าจะเกิดภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ
โดยแพทย์จะเก็บตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วย เพื่อตรวจวัดความเป็นกรดด่างที่ร่างกายขจัดออกมาว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่
โดยเน้นให้ค่าความเป็นกรดด่างหรือค่าพีเอชกลับมาอยู่ในภาวะปกติ
วิธีการรักษาจึงขึ้นอยู่กับสาเหตุ ประเภท และระดับความรุนแรงของภาวะนี้เป็นหลัก
ภาวะกรดจากระบบหายใจ แพทย์จะรักษาโดยพยายามช่วยให้ปอดกลับมาทำงานได้ตามปกติ
และแก้ไขสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด อาจให้ยาขยายทางเดินหายใจ
ให้ออกซิเจน หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ในผู้ป่วยที่มีสิ่งอุดกั้นทางเดินหายใจ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญจะแตกต่างออกไปตามสาเหตุของโรคหรือภาวะความผิดปกตินั้น ๆ
เช่น ภาวะเลือดเป็นกรดร่วมกับคลอไรด์ในเลือดสูง และภาวะเลือดเป็นกรดจากไตล้มเหลว
อาจจะต้องรับประทานยาโซเดียมไบคาร์บอเนต หรือการคั่งของสารคีโตซีสในผู้ป่วยเบาหวานจนทำให้เลือดเป็นกรด
ผู้ป่วยอาจได้รับน้ำเกลือทางหลอดเลือดหรืออินซูลิน เพื่อช่วยปรับสมดุลความเป็นกรดด่างในเลือด
ส่วนภาวะเลือดเป็นกรดจากกรดแลคติกในเลือดสูง
แพทย์อาจให้รับประทานโซเดียมไบคาร์บอเนต ให้น้ำเกลือ ออกซิเจน หรือสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ ขึ้นอยู่กับสาเหตุหลัก
ภาวะกรดจากระบบหายใจ
การรับประทานยาระงับประสาทหรือยานอนหลับ
ควรใช้ตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดและห้ามใช้ควบคู่กับแอลกอฮอล์ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคอ้วนและปัญหาในการหายใจได้ลำบาก
ภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญ
ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ
ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
และติดตามการรักษาสม่ำเสมอซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการคั่งของสารคีโตนในเลือด
ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เกินปริมาณที่พอดีต่อวัน
ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์