‘ศิริกัญญา’ ยันจุดยืน ‘ปชน.’ ไม่เห็นด้วยงบ’68 ย้ำ จับตาการใช้เงิน ป้องทุจริต
https://www.matichon.co.th/politics/news_4774407
‘ศิริกัญญา’ ยันจุดยืน ‘ปชน.’ ไม่เห็นด้วยงบ’68 ย้ำ จับตาการใช้เงิน ป้องทุจริต
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 5 กันยายน ที่รัฐสภา น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ในวาระ 3 ว่า ยืนยันในจุดยืนเดิมตั้งแต่วาระ 1 และเมื่อวาระ 2 พรรค ปชน. ได้เข้าไปทำในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทำงานอย่างเข้มข้น แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนและปรับลดได้อย่างที่สมควรจะเป็น และรู้สึกว่ายังเป็นงบประมาณที่ไม่น่าพึงพอใจ ดังนั้น จึงยืนยันจุดยืนเดิมที่จะยังคงโหวตไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
เมื่อถามว่า ในฐานะฝ่ายค้านจะติดตามตรวจสอบอย่างไรบ้าง น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า แน่นอนว่าเรายังต้องติดตามต่อ และวานนี้ (4 ก.ย.) สส.ของพรรค ปชน.ได้อภิปรายถึงงบประมาณที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดการทุจริต หรือเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่ง ซึ่งตั้งแต่งบประมาณปี 2567 และปี 2568 ก็ยังมีการตั้งงบประมาณแบบเดิม ไม่มีการแก้ไขการจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา หรือทีโออาร์ ทำให้อาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ฉะนั้นเราจึงต้องติดตามการใช้งบประมาณอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชัน
“สมชัย”กางเหตุผลที่ดิจิทัลวอลเล็ต ต้องจ่ายเป็นเงินสด
https://www.dailynews.co.th/news/3828915/
อ๋อมันเป็นเช่นนี้เอง! “สมชัย” กาง 4 เหตุผล ที่ดิจิทัลวอลเล็ตต้องจ่ายเป็นเงินสด ชี้สุดท้ายคือลมพัดแผ่วที่ละลายเงินตามนโยบายที่คิดไม่รอบคอบเท่านั้น
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
มี 4 เหตุผล ที่ ดิจิทัลวอลเล็ต ต้องจ่ายเป็นเงินสด
1. เงินงบประมาณในส่วนปีงบประมาณ 2567 ต้องรีบใช้ให้ภายในสิ้นปีงบประมาณ คือเดือนกันยายน 2567 เมื่อระบบพัฒนาไม่ทัน จึงต้องรีบระบายเงินก้อนแรก ประมาณ 160,000 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มผู้เปราะบาง 16 ล้านคนก่อน
2. งบส่วนที่เหลืออีก ประมาณ 290,000 ล้านบาท เป็นของงบประมาณ 2568 ซึ่งสามารถจ่ายเป็นเงินดิจิทัล ตามแผนเดิมได้ แต่คาดว่าจะแจกเป็นเงินสดอีก หลังจากคัดแยกคนที่ได้รับงวดแรกไปแล้ว ด้วยเหตุแรงกดดันของประชาชน ว่า ต้องจ่ายในเงื่อนไขเหมือนกัน และเกรงปัญหาทางกฎหมายหากจ่ายเป็นดิจิทัล
3. เงื่อนไขทุกเงื่อนไข เช่น ต้องจ่ายในอำเภอ จ่ายได้เฉพาะบางรายการ นำไปชำระหนี้ไม่ได้ ชำระค่าน้ำค่าไฟค่าเชื้อเพลิงไม่ได้ ฯลฯ จะถูกยกเลิกเพราะจ่ายเป็นเงินสด
4. เมื่อเงินดิจิทัล เปลี่ยนเป็นเงินสด ไม่มีเงื่อนไขการใช้ และแจกทีละก้อน สิ่งที่คาดหวังว่าจะกระตุกเศรษฐกิจ สร้างสังคมเศรษฐกิจดิจิทัล กระจายการใช้จ่ายในท้องถิ่นทั่วไป ก่อให้เกิดพายุหมุนเท่านั้นเท่านี้ลูก สรุป คือลมพัดแผ่วที่ละลายเงินตามนโยบายที่คิดไม่รอบคอบเท่านั้น
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0ws9YL6U5s9zrfn6WRdt61eaqGs9tgy7zLCaazvP7RtJRB9KNhAyjtWk9yjJha9LJl
ประมงกว่าพันคน รวมกลุ่ม ยื่นฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายเอกชน ชดใช้นำเข้าหมอคางดำ กระทบอาชีพทำกิน.
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4774498
ประมงกว่าพันคน รวมกลุ่ม ยื่นฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายเอกชน ชดใช้นำเข้าหมอคางดำ กระทบอาชีพทำกิน
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ศาลเเพ่งกรุงเทพใต้ นายปัญญา โตกทอง อายุ 66 ปี สมาชิกเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยตอนบน และเครือข่ายประชาคมคนรักแม่กลอง พร้อมชาวบ้านกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และประมงพื้นบ้าน ในเขตอําเภออัมพวา อําเภอบางคนที และอําเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ที่เป็นตัวแทนชาวบ้าน กว่า 1,400 คน ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำ เดินทางมายังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ พร้อมด้วยคณะทำงานสิ่งแวดล้อม จากสภาทนายความฯ ยื่นฟ้องบริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ และกรรมการบริหารรวม 9 คน ในคดีสิ่งแวดล้อม
โดยนายปัญญา บอกว่า พวกตนได้รับผลกระทบ และถูกละเมิดสิทธิมานาน การประกอบอาชีพย่ำแย่ ขาดรายได้ มีหนี้สิน เพราะสัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยง ทั้ง ปลา กุ้ง ไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้ซึ่งตอนนี้ในบ่อที่เลี้ยงมีแต่ปลาหมอคางดำ
และตั้งแต่ที่ตนเองและกลุ่มสมาชิก พบปลาหมอคางดำตั้งแต่ปี 2555 แต่ที่รุนแรงช่วงปี 2559-2560 ซึ่งตนเองและกลุ่มสมาชิกก็ได้ ไปร้องเรียนมาหลายที่แล้ว ทั้งนายกรัฐมนตรี กรรมการสิทธิมนุษยชน ก็แล้วก็ยังไม่มีการดำเนินการอะไร จากตอนแรกแค่ในจังหวัดตนเอง แต่ตอนนี้แพร่ไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศแล้ว รวมถึงรัฐก็ไม่ได้เข้ามาดูแลเยียวยาพวกตน และในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มาร้องศาลแพ่งให้ช่วยเหลือในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ
ซึ่งขั้นตอนการดำเนินคดีจะเป็นการฟ้องคดีแบบกลุ่ม เรียกค่าสินไหมทดแทนจากการขาดรายได้ในอาชีพประมงเพาะเลี้ยงและประมงพื้นบ้าน และจากการถูกละเมิดสิทธิในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งมีคําขอบังคับให้บริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ แก้ไขฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่สูญเสียไปให้กลับสู่สภาพเดิม
สำหรับจํานวนค่าสินไหมทดแทนที่กลุ่มประมงเรียกร้อง แยกออกเป็น2กลุ่ม
1. กลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ตามจํานวนพื้นที่ที่เพาะเลี้ยงในอัตราไร่ละ 10,000 บาทต่อปี เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2560 – 2567) และค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิการใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรอีกรายละ 50,000 บาท โดยกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีจํานวนสมาชิกกว่า1,000 ราย มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรวมกันกว่า 27,000 ไร่ ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้องเป็นเงินกว่า 1,982,000,000 บาท
2. กลุ่มประมงพื้นบ้าน เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ตามจํานวนวันในอัตราวันละ 500 บาท (ปีละ 182,500 บาท) เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2560 – 2567) และค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรอีกรายละ 50,000 บาท โดยกลุ่มประมงพื้นบ้านมีจํานวนสมาชิกกว่า 380 ราย ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้องเป็นเงินกว่า 19,000,000 บาท รวมเป็นเงินค่าสินไหมทดแทนที่ในเขตจังหวัดสมุทรสงครามเป็นเงินกว่า 2,486,450,000 บาท
นอกจากฟ้องร้องคดีแพ่ง เพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทน
ช่วงเช้าวันนี้ตัวแทนจากสภาทนายความ ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอาชีพ ประมงพื้นบ้าน จังหวัดสมุทรสงครามจำนวน 54 คน ก็จะยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ 18 หน่วยงาน ต่อศาลปกครองกลาง ฐานความผิดละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบไปด้วย 1.กรมประมง 2.อธิบดีกรมประมง 3.คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ 4. คณะกรรมการระดับสถาบันด้านความ ปลอดภัยและความหลากหลายทางชีวภาพของกรมประมง 5. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 7. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 8. อธิบดีกรม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 9. คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจดั การทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝั่ง 10. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 11. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 12. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 13. คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณะแห่งชาติ 14.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 15.อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 16.กระทรวงมหาดไทย 17.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 18.กระทรวงการคลัง
ซึ่งผู้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองทั้ง 54 คน ได้เรียกร้องให้ผู้ถูกฟ้องซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเร่งประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อนำเงินฉุกเฉินเยียวยาต่อผู้ฟ้องตามเวลาที่ศาลกำหนด นอกจากนี้ให้ผู้ถูกฟ้องติดตามเงินจาก บริษัทเอกชน ผู้ก่อให้เกิดผลกระทบ ชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐตามมูลค่าความเสียหาย
JJNY : ‘ศิริกัญญา’ ยันจุดยืน ‘ปชน.’│“สมชัย”กางเหตุผล│ประมงรวมกลุ่มฟ้องแพ่งเอกชน│ชนะเลิศ!ไทยคว้าแชมป์อันดับ1 คู่ครองนอกใจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4774407
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 5 กันยายน ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ในวาระ 3 ว่า ยืนยันในจุดยืนเดิมตั้งแต่วาระ 1 และเมื่อวาระ 2 พรรค ปชน. ได้เข้าไปทำในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทำงานอย่างเข้มข้น แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนและปรับลดได้อย่างที่สมควรจะเป็น และรู้สึกว่ายังเป็นงบประมาณที่ไม่น่าพึงพอใจ ดังนั้น จึงยืนยันจุดยืนเดิมที่จะยังคงโหวตไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
เมื่อถามว่า ในฐานะฝ่ายค้านจะติดตามตรวจสอบอย่างไรบ้าง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แน่นอนว่าเรายังต้องติดตามต่อ และวานนี้ (4 ก.ย.) สส.ของพรรค ปชน.ได้อภิปรายถึงงบประมาณที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดการทุจริต หรือเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่ง ซึ่งตั้งแต่งบประมาณปี 2567 และปี 2568 ก็ยังมีการตั้งงบประมาณแบบเดิม ไม่มีการแก้ไขการจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา หรือทีโออาร์ ทำให้อาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ฉะนั้นเราจึงต้องติดตามการใช้งบประมาณอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชัน
“สมชัย”กางเหตุผลที่ดิจิทัลวอลเล็ต ต้องจ่ายเป็นเงินสด
https://www.dailynews.co.th/news/3828915/
อ๋อมันเป็นเช่นนี้เอง! “สมชัย” กาง 4 เหตุผล ที่ดิจิทัลวอลเล็ตต้องจ่ายเป็นเงินสด ชี้สุดท้ายคือลมพัดแผ่วที่ละลายเงินตามนโยบายที่คิดไม่รอบคอบเท่านั้น
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
มี 4 เหตุผล ที่ ดิจิทัลวอลเล็ต ต้องจ่ายเป็นเงินสด
1. เงินงบประมาณในส่วนปีงบประมาณ 2567 ต้องรีบใช้ให้ภายในสิ้นปีงบประมาณ คือเดือนกันยายน 2567 เมื่อระบบพัฒนาไม่ทัน จึงต้องรีบระบายเงินก้อนแรก ประมาณ 160,000 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มผู้เปราะบาง 16 ล้านคนก่อน
2. งบส่วนที่เหลืออีก ประมาณ 290,000 ล้านบาท เป็นของงบประมาณ 2568 ซึ่งสามารถจ่ายเป็นเงินดิจิทัล ตามแผนเดิมได้ แต่คาดว่าจะแจกเป็นเงินสดอีก หลังจากคัดแยกคนที่ได้รับงวดแรกไปแล้ว ด้วยเหตุแรงกดดันของประชาชน ว่า ต้องจ่ายในเงื่อนไขเหมือนกัน และเกรงปัญหาทางกฎหมายหากจ่ายเป็นดิจิทัล
3. เงื่อนไขทุกเงื่อนไข เช่น ต้องจ่ายในอำเภอ จ่ายได้เฉพาะบางรายการ นำไปชำระหนี้ไม่ได้ ชำระค่าน้ำค่าไฟค่าเชื้อเพลิงไม่ได้ ฯลฯ จะถูกยกเลิกเพราะจ่ายเป็นเงินสด
4. เมื่อเงินดิจิทัล เปลี่ยนเป็นเงินสด ไม่มีเงื่อนไขการใช้ และแจกทีละก้อน สิ่งที่คาดหวังว่าจะกระตุกเศรษฐกิจ สร้างสังคมเศรษฐกิจดิจิทัล กระจายการใช้จ่ายในท้องถิ่นทั่วไป ก่อให้เกิดพายุหมุนเท่านั้นเท่านี้ลูก สรุป คือลมพัดแผ่วที่ละลายเงินตามนโยบายที่คิดไม่รอบคอบเท่านั้น
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0ws9YL6U5s9zrfn6WRdt61eaqGs9tgy7zLCaazvP7RtJRB9KNhAyjtWk9yjJha9LJl
ประมงกว่าพันคน รวมกลุ่ม ยื่นฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายเอกชน ชดใช้นำเข้าหมอคางดำ กระทบอาชีพทำกิน.
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4774498
ประมงกว่าพันคน รวมกลุ่ม ยื่นฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายเอกชน ชดใช้นำเข้าหมอคางดำ กระทบอาชีพทำกิน
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ศาลเเพ่งกรุงเทพใต้ นายปัญญา โตกทอง อายุ 66 ปี สมาชิกเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยตอนบน และเครือข่ายประชาคมคนรักแม่กลอง พร้อมชาวบ้านกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และประมงพื้นบ้าน ในเขตอําเภออัมพวา อําเภอบางคนที และอําเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ที่เป็นตัวแทนชาวบ้าน กว่า 1,400 คน ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำ เดินทางมายังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ พร้อมด้วยคณะทำงานสิ่งแวดล้อม จากสภาทนายความฯ ยื่นฟ้องบริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ และกรรมการบริหารรวม 9 คน ในคดีสิ่งแวดล้อม
โดยนายปัญญา บอกว่า พวกตนได้รับผลกระทบ และถูกละเมิดสิทธิมานาน การประกอบอาชีพย่ำแย่ ขาดรายได้ มีหนี้สิน เพราะสัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยง ทั้ง ปลา กุ้ง ไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้ซึ่งตอนนี้ในบ่อที่เลี้ยงมีแต่ปลาหมอคางดำ
และตั้งแต่ที่ตนเองและกลุ่มสมาชิก พบปลาหมอคางดำตั้งแต่ปี 2555 แต่ที่รุนแรงช่วงปี 2559-2560 ซึ่งตนเองและกลุ่มสมาชิกก็ได้ ไปร้องเรียนมาหลายที่แล้ว ทั้งนายกรัฐมนตรี กรรมการสิทธิมนุษยชน ก็แล้วก็ยังไม่มีการดำเนินการอะไร จากตอนแรกแค่ในจังหวัดตนเอง แต่ตอนนี้แพร่ไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศแล้ว รวมถึงรัฐก็ไม่ได้เข้ามาดูแลเยียวยาพวกตน และในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มาร้องศาลแพ่งให้ช่วยเหลือในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ
ซึ่งขั้นตอนการดำเนินคดีจะเป็นการฟ้องคดีแบบกลุ่ม เรียกค่าสินไหมทดแทนจากการขาดรายได้ในอาชีพประมงเพาะเลี้ยงและประมงพื้นบ้าน และจากการถูกละเมิดสิทธิในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งมีคําขอบังคับให้บริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ แก้ไขฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่สูญเสียไปให้กลับสู่สภาพเดิม
สำหรับจํานวนค่าสินไหมทดแทนที่กลุ่มประมงเรียกร้อง แยกออกเป็น2กลุ่ม
1. กลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ตามจํานวนพื้นที่ที่เพาะเลี้ยงในอัตราไร่ละ 10,000 บาทต่อปี เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2560 – 2567) และค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิการใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรอีกรายละ 50,000 บาท โดยกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีจํานวนสมาชิกกว่า1,000 ราย มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรวมกันกว่า 27,000 ไร่ ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้องเป็นเงินกว่า 1,982,000,000 บาท
2. กลุ่มประมงพื้นบ้าน เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ตามจํานวนวันในอัตราวันละ 500 บาท (ปีละ 182,500 บาท) เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2560 – 2567) และค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรอีกรายละ 50,000 บาท โดยกลุ่มประมงพื้นบ้านมีจํานวนสมาชิกกว่า 380 ราย ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้องเป็นเงินกว่า 19,000,000 บาท รวมเป็นเงินค่าสินไหมทดแทนที่ในเขตจังหวัดสมุทรสงครามเป็นเงินกว่า 2,486,450,000 บาท
นอกจากฟ้องร้องคดีแพ่ง เพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทน
ช่วงเช้าวันนี้ตัวแทนจากสภาทนายความ ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอาชีพ ประมงพื้นบ้าน จังหวัดสมุทรสงครามจำนวน 54 คน ก็จะยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ 18 หน่วยงาน ต่อศาลปกครองกลาง ฐานความผิดละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบไปด้วย 1.กรมประมง 2.อธิบดีกรมประมง 3.คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ 4. คณะกรรมการระดับสถาบันด้านความ ปลอดภัยและความหลากหลายทางชีวภาพของกรมประมง 5. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 7. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 8. อธิบดีกรม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 9. คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจดั การทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝั่ง 10. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 11. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 12. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 13. คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณะแห่งชาติ 14.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 15.อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 16.กระทรวงมหาดไทย 17.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 18.กระทรวงการคลัง
ซึ่งผู้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองทั้ง 54 คน ได้เรียกร้องให้ผู้ถูกฟ้องซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเร่งประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อนำเงินฉุกเฉินเยียวยาต่อผู้ฟ้องตามเวลาที่ศาลกำหนด นอกจากนี้ให้ผู้ถูกฟ้องติดตามเงินจาก บริษัทเอกชน ผู้ก่อให้เกิดผลกระทบ ชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐตามมูลค่าความเสียหาย