ปัญหา การนอนกรน นับเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพ ที่พบได้บ่อยมากขึ้นในคนทั่วไป ทำให้สุขภาพโดยรวมแย่ลง ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานระหว่าง และอาจเพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุขณะใช้งานยานพาหนะได้ เนื่องจากผู้ที่มีอาการนอนกรน มักมีอาการง่วงนอนระหว่างวันร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุของการนอนกรนอาจเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ที่ต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล โดยการรักษาจะมีจุดมุ่งหมาย เพื่อลดภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ ที่เป็นต้นเหตุของเสียงกรน และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพด้านอื่นตามมา ปัจจุบัน การ รักษานอนกรน แบบไม่ผ่าตัด เป็นที่นิยม เพราะ ไม่ต้องพักฟื้นนาน ค่าใช้จ่ายน้อย และเห็นผลลัพธ์ดีในรายที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับยังไม่รุนแรง
การรักษานอนกรน แบบไม่ผ่าตัด ที่นิยมมากที่สุดรองลงมาจากเครื่องช่วยลดการนอนกรน หรือ เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) เนื่องจากผู้ใช้ CPAP เอง มักนอนหลับไม่สนิทจากเสียงของเครื่อง หรือจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งกับร่างกายขณะนอนหลับ ทำให้ประสิทธิการรักษาไม่สมบูรณ์ หรือ ลดลง อีกทั้งการหย่อนคล้อยของช่องทางเดินหายใจ หรือ ระดับความรุนแรงของการนอนกรน มักจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป หรือ อายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้อัตราความสำเร็จในการใช้ CPAP ลดลงเรื่อย ๆ
การใช้เครื่องมือทันตกรรมรักษานอนกรน จึงเหมาะกับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับและต้องการประสิทธิภาพในการรักษาระยะยาว สวมใส่สบาย อีกทั้งการใช้ Oral Appliance เป็นวิธีที่ง่าย สะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ไม่มีเสียง ไม่ใช้ไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ รวมถึงสามารถลดดัชนีการหยุดหายใจ หรือ Apnea-Hypopnea Index (AHI) และลดดัชนีการหายใจผิดปกติ หรือ Respiratory-Disturbance Index (RDI) ได้จริง ในขณะเดียวกัน เมื่อการหยุดหายใจขณะหลับลดลง จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต การนอนกัดฟัน เป็นต้น
วิธีรักษา นอนกรน แบบไม่ผ่าตัด
1. การใช้ เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน (Oral Appliance)
เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน (Oral Appliance) จะช่วยจัดตำแหน่งของขากรรไกรล่าง (Mandibular Repositioning) ในขณะหลับ ปัจจุบันในไทยเครื่องมือทันตกรรมนอนกรนก็เป็นที่นิยมมากที่สุดในการรักษาอาการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับในปัจจุบัน หลักการทำงานคือจะเลื่อนตำแหน่งขากรรไกรล่างและโคนลิ้นไปทางด้านหน้าขณะนอนหลับ ทำให้การทางเดินหายใจส่วนต้น (Upper Airway) กว้างขึ้น อีกทั้งเครื่องมือทันตกรรมนอนกรนยังช่วยจัดตำแหน่งของเพดานอ่อนให้เลื่อนมาทางด้านหน้า ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนหลังเพดานอ่อนกว้างขึ้น ทำให้ออกซิเจนเพียงพอต่อการนอนหลับและลดเสียงกรนได้
อายุการใช้งานของเครื่องมือทันตกรรมนอนกรน (Oral Appliance) ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่สั่งผลิตขึ้นมาเฉพาะรายบุคคลชนิด Custom–made ปัจจุบันมีอายุการใช้งานนานสูงสุด7-8ปี ผลิตชิ้นงานอุปกรณ์แม่นยำและรวดเร็วด้วยเทคนิคเฉพาะของแต่ละทันตแพทย์ผู้ให้การรักษา และสวมใส่สบายมากขึ้น การรักษาด้วยวิธีนี้ต้องได้รับการวินิจฉัยรวมถึงออกแบบเครื่องมือโดยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมนอนกรนโดยเฉพาะ และเมื่อได้รับการรักษาควรได้รับการนัดตรวจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับน้อยลง อาการเพลียดีขึ้น
ข้อดีของการใช้เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน
> มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก
> เหมาะสำหรับคนนอนกรนเสียงดัง
> ไม่มีสายอุปกรณ์ ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า
> สวมใส่ง่าย เพียงใส่ในช่องปากขณะนอนหลับ
> สามารถใช้เครื่องมือทันตกรรมนอนกรนแทน CPAP
> ช่วยบรรเทาอาการนอนกัดฟันที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
> ทำความสะอาและดูแลรักษาง่าย
> สั่งผลิตเฉพาะบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีของการรักษา
> ลดอาการง่วง เพลีย ในระหว่างวัน
เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน (Oral Appliance) รูปแบบชนิดปรับได้ พบว่าผู้ป่วยมีระดับความพึงพอใจในการใช้เครื่องมือมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์และสามารถใช้ต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานานกว่าการใช้เครื่องอัดแรงดันบวก (CPAP)
เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน (Oral Appliance) มีการออกแบบหลากหลายตามวัตถุประสงค์และกลไกของการทำงาน คำนึงถึงความสะดวกสบายในการสวมใส่ในช่องปาก การสั่งทำอุปกรณ์ขึ้น เฉพาะบุคคลจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้นจะต้องวัดจาก การลดเสียงกรน (Snoring) ลดดัชนีการหยุดหายใจ หรือ Apnea-Hypopnea Index (AHI) ลดดัชนีการหายใจผิดปกติ หรือ Respiratory-Disturbance Index (RDI) และต้องเพิ่มระดับออกซิเจนต่ำสุดในเลือดขณะนอนหลับได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
2. คลื่นวิทยุรักษานอนกรน (Radio frequency: RF BOT)
การรักษานอนกรนด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน (Radio frequency: RF BOT) เป็นการรักษานอนกรนและโรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นิยมมากเฉพาะผู้มีปัญหาเสียงกรนเพียงอย่างเดียวหรือผู้ทีเริ่มนอนกรน และผู้ที่มีปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับน้อยถึงปานกลาง สามารถใช้คลื่นวิทยุรักษานอนกรนควบคู่กับทุกการรักษา เช่น เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน หรือ เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการรักษานอนกรนอื่น ๆ
วีธีการรักษานอนกรนด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน
บริเวณที่นิยมรักษาเสียงกรนและโรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยคลื่นวิทยุคือ บริเวณเพดานอ่อน (Soft Palate) เป็นบริเวณที่มีการหย่อนและเกิดการอุดกั้นได้มากที่สุด แพทย์จะนำเข็มชนิดพิเศษปล่อยคลื่นบริเวณที่มีเพดานที่มีการหย่อน จากนั้นจะปล่อยคลื่นวิทยุเข้าไปในเนื้อเยื่อเพื่อให้เกิดความร้อนส่งผลให้บริเวณเพดานอ่อนที่มีการหย่อนนั้นหดตัวและมีพังผืดเกิดขึ้น ทางเดินหายใจจะกว้างขึ้น เสียงกรนจะลดน้อยลงจากพังผืดและการหดตัวด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน การใช้คลื่นวิทยุจะช่วยลดการสั่นสะเทือนที่เป็นต้นกำเนิดเสียงกรนได้ดี แผลมีขนาดเล็กมากจากรอยเข็ม พักฟื้นน้อย เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในระยะเวลาที่รวดเร็ว
ข้อดีข้อการรักษาด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน
> ลดเสียงกรนได้ดี
> แผลขนาดเล็กมาก ไม่ต้องพักฟื้น ทานอาหารได้ปกติทันที
> ขณะทำการรักษาไม่มีอาการเจ็บปวด เนื่องจากใช้ยาชาเฉพาะที่
> เป็นการรักษารวดเร็วที่สุดในการรักษาเสียงกรน
> ไม่ต้องใส่อุปกรณ์ใดๆขณะนอนหลับ
> สามารถทำการรักษาร่วมกับการรักษาอื่นๆได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาที่ดียิ่งขึ้น
> มีผลงานวิจัยรองรับการรักษามากกว่าการใช้เลเซอร์
การรักษานอนกรนด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน (Radio frequency: RF BOT) เป็นการรักษานอนกรนที่รวดเร็วและเห็นผลเร็วที่สุด จากงานวิจัยเสียงกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับจะดีขึ้นภายใน 3-4 สัปดาห์หลังทำ และควรทำต่อเนื่องประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ยาวนาน อย่างไรก็ตามผลขึ้นกับบุคคลและการวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
3. การรักษาด้วยการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก : CPAP
การรักษาด้วยการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก : CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้หลักการอัดแรงดันอากาศให้แก่ผู้ใช้ในขณะหายใจเข้า เพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจส่วนต้นให้กว้างขึ้น เป็นการรักษาที่ยอดนิยมระดับโลก ต้องใช้การปรับตั้งค่าจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อใช้ในการรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับ เครื่องช่วยหายใจหรือCPAPตัวนี้ไม่ได้รักษาด้วยการผลิตออกซิเจนหรือเครื่องเพิ่มปริมาณออกซิเจนแต่อย่างใด เครื่องช่วยหายใจหรือCPAP นี้จะนำอากาศจากภายนอกมาสร้างแรงดันบวกเข้าไปในบริเวณที่มีการอุดกั้นในลำคอ ทำให้เวลาที่มีการอุดกั้นกว้างพอที่ให้อากาศเข้าไปได้อย่างเพียงพอ
เครื่อง CPAP ในปัจจุบัน ที่นิยมใช้เพื่อลดนอนกรน คือ เครื่องช่วยหายใจ CPAP แบบปรับแรงดันอัตโนมัติ (Auto CPAP) และ เครื่องช่วยหายใจ แบบแรงดัน 2 ระดับ (Bilevel PAP หรือ BiPAP) ซึ่งแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษานอนกรนจะเป็นผู้แนะนำว่าเครื่องประเภทไหนที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย พร้อมแนะนำความดันลมที่เหมาะสมกับภาวะโรคการหยุดหายใจขณะหลับในช่วงเวลานั้น ๆ และอาจแนะนำการรักษาอื่นเพิ่มเติมที่เหมาะสมร่วมด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
4. การรักษานอนกรนที่ต้นเหตุ (Myofunctional Therapy)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้งานวิจัย พบว่า การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายส่วนต้น สามารถลดการนอนกรนในผู้ใหญ่ได้มากถึง 50% และลดการนอนกรนในเด็กได้มากถึง 62%
การบริหารกล้ามเนื้อปากและลำคออาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยกลุ่มภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea : OSA) ซึ่งวิธีนี้เป็นที่ยอมรับทั่วโลกและมีงานวิจัยรองรับ เช่น การบริหารปากและลำคอ โดยผสมผสานการออกแรงแบบ บ Isotonic และ Isometric ของกล้ามเนื้อส่วนปาก คอหอย และทางเดินหายใจส่วนบน โดยการทำกิริยาต่าง ๆ เช่น การพูด การหายใจของกล้ามเนื้อใบหน้าและกล้ามเนื้อหายใจทั้งหมด ฝึกการเคี้ยว และการกลืน ในปัจจุบันมีการทำบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) ในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดโครงหน้าขากรรไกร : Upper Jaw (Maxilla) and Lower Jaw (Mandible) หรือ Orthognathic Surgery การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน และเป็นหนึ่งในวิธีการรักษานอนกัดฟัน (Bruxism) ที่ต้นเหตุได้

การบริหารกล้ามเนื้อปากและลำคออาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยกลุ่มภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea : OSA) ซึ่งวิธีนี้เป็นที่ยอมรับทั่วโลกและมีงานวิจัยรองรับ เช่น การบริหารปากและลำคอ โดยผสมผสานการออกแรงแบบ บ Isotonic และ Isometric ของกล้ามเนื้อส่วนปาก คอหอย และทางเดินหายใจส่วนบน โดยการทำกิริยาต่าง ๆ เช่น การพูด การหายใจของกล้ามเนื้อใบหน้าและกล้ามเนื้อหายใจทั้งหมด ฝึกการเคี้ยว และการกลืน ในปัจจุบันมีการทำบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) ในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดโครงหน้าขากรรไกร : Upper Jaw (Maxilla) and Lower Jaw (Mandible) หรือ Orthognathic Surgery การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน และเป็นหนึ่งในวิธีการรักษานอนกัดฟัน (Bruxism) ที่ต้นเหตุได้
อ้างอิงข้อมูลจาก
VitalSleep Clinic
นอนกรน เรื่องใหญ่กว่าที่คิด รักษาได้ ไม่ผ่าตัด Update 2024
ปัญหา การนอนกรน นับเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพ ที่พบได้บ่อยมากขึ้นในคนทั่วไป ทำให้สุขภาพโดยรวมแย่ลง ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานระหว่าง และอาจเพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุขณะใช้งานยานพาหนะได้ เนื่องจากผู้ที่มีอาการนอนกรน มักมีอาการง่วงนอนระหว่างวันร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุของการนอนกรนอาจเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ที่ต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล โดยการรักษาจะมีจุดมุ่งหมาย เพื่อลดภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ ที่เป็นต้นเหตุของเสียงกรน และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพด้านอื่นตามมา ปัจจุบัน การ รักษานอนกรน แบบไม่ผ่าตัด เป็นที่นิยม เพราะ ไม่ต้องพักฟื้นนาน ค่าใช้จ่ายน้อย และเห็นผลลัพธ์ดีในรายที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับยังไม่รุนแรง
การรักษานอนกรน แบบไม่ผ่าตัด ที่นิยมมากที่สุดรองลงมาจากเครื่องช่วยลดการนอนกรน หรือ เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) เนื่องจากผู้ใช้ CPAP เอง มักนอนหลับไม่สนิทจากเสียงของเครื่อง หรือจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งกับร่างกายขณะนอนหลับ ทำให้ประสิทธิการรักษาไม่สมบูรณ์ หรือ ลดลง อีกทั้งการหย่อนคล้อยของช่องทางเดินหายใจ หรือ ระดับความรุนแรงของการนอนกรน มักจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป หรือ อายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้อัตราความสำเร็จในการใช้ CPAP ลดลงเรื่อย ๆ
การใช้เครื่องมือทันตกรรมรักษานอนกรน จึงเหมาะกับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับและต้องการประสิทธิภาพในการรักษาระยะยาว สวมใส่สบาย อีกทั้งการใช้ Oral Appliance เป็นวิธีที่ง่าย สะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ไม่มีเสียง ไม่ใช้ไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ รวมถึงสามารถลดดัชนีการหยุดหายใจ หรือ Apnea-Hypopnea Index (AHI) และลดดัชนีการหายใจผิดปกติ หรือ Respiratory-Disturbance Index (RDI) ได้จริง ในขณะเดียวกัน เมื่อการหยุดหายใจขณะหลับลดลง จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต การนอนกัดฟัน เป็นต้น
วิธีรักษา นอนกรน แบบไม่ผ่าตัด
1. การใช้ เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน (Oral Appliance)
เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน (Oral Appliance) จะช่วยจัดตำแหน่งของขากรรไกรล่าง (Mandibular Repositioning) ในขณะหลับ ปัจจุบันในไทยเครื่องมือทันตกรรมนอนกรนก็เป็นที่นิยมมากที่สุดในการรักษาอาการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับในปัจจุบัน หลักการทำงานคือจะเลื่อนตำแหน่งขากรรไกรล่างและโคนลิ้นไปทางด้านหน้าขณะนอนหลับ ทำให้การทางเดินหายใจส่วนต้น (Upper Airway) กว้างขึ้น อีกทั้งเครื่องมือทันตกรรมนอนกรนยังช่วยจัดตำแหน่งของเพดานอ่อนให้เลื่อนมาทางด้านหน้า ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนหลังเพดานอ่อนกว้างขึ้น ทำให้ออกซิเจนเพียงพอต่อการนอนหลับและลดเสียงกรนได้
อายุการใช้งานของเครื่องมือทันตกรรมนอนกรน (Oral Appliance) ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่สั่งผลิตขึ้นมาเฉพาะรายบุคคลชนิด Custom–made ปัจจุบันมีอายุการใช้งานนานสูงสุด7-8ปี ผลิตชิ้นงานอุปกรณ์แม่นยำและรวดเร็วด้วยเทคนิคเฉพาะของแต่ละทันตแพทย์ผู้ให้การรักษา และสวมใส่สบายมากขึ้น การรักษาด้วยวิธีนี้ต้องได้รับการวินิจฉัยรวมถึงออกแบบเครื่องมือโดยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมนอนกรนโดยเฉพาะ และเมื่อได้รับการรักษาควรได้รับการนัดตรวจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับน้อยลง อาการเพลียดีขึ้น
ข้อดีของการใช้เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน
> มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก
> เหมาะสำหรับคนนอนกรนเสียงดัง
> ไม่มีสายอุปกรณ์ ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า
> สวมใส่ง่าย เพียงใส่ในช่องปากขณะนอนหลับ
> สามารถใช้เครื่องมือทันตกรรมนอนกรนแทน CPAP
> ช่วยบรรเทาอาการนอนกัดฟันที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
> ทำความสะอาและดูแลรักษาง่าย
> สั่งผลิตเฉพาะบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีของการรักษา
> ลดอาการง่วง เพลีย ในระหว่างวัน
เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน (Oral Appliance) รูปแบบชนิดปรับได้ พบว่าผู้ป่วยมีระดับความพึงพอใจในการใช้เครื่องมือมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์และสามารถใช้ต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานานกว่าการใช้เครื่องอัดแรงดันบวก (CPAP)
เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน (Oral Appliance) มีการออกแบบหลากหลายตามวัตถุประสงค์และกลไกของการทำงาน คำนึงถึงความสะดวกสบายในการสวมใส่ในช่องปาก การสั่งทำอุปกรณ์ขึ้น เฉพาะบุคคลจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้นจะต้องวัดจาก การลดเสียงกรน (Snoring) ลดดัชนีการหยุดหายใจ หรือ Apnea-Hypopnea Index (AHI) ลดดัชนีการหายใจผิดปกติ หรือ Respiratory-Disturbance Index (RDI) และต้องเพิ่มระดับออกซิเจนต่ำสุดในเลือดขณะนอนหลับได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
2. คลื่นวิทยุรักษานอนกรน (Radio frequency: RF BOT)
การรักษานอนกรนด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน (Radio frequency: RF BOT) เป็นการรักษานอนกรนและโรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นิยมมากเฉพาะผู้มีปัญหาเสียงกรนเพียงอย่างเดียวหรือผู้ทีเริ่มนอนกรน และผู้ที่มีปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับน้อยถึงปานกลาง สามารถใช้คลื่นวิทยุรักษานอนกรนควบคู่กับทุกการรักษา เช่น เครื่องมือทันตกรรมนอนกรน หรือ เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการรักษานอนกรนอื่น ๆ
วีธีการรักษานอนกรนด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน
บริเวณที่นิยมรักษาเสียงกรนและโรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยคลื่นวิทยุคือ บริเวณเพดานอ่อน (Soft Palate) เป็นบริเวณที่มีการหย่อนและเกิดการอุดกั้นได้มากที่สุด แพทย์จะนำเข็มชนิดพิเศษปล่อยคลื่นบริเวณที่มีเพดานที่มีการหย่อน จากนั้นจะปล่อยคลื่นวิทยุเข้าไปในเนื้อเยื่อเพื่อให้เกิดความร้อนส่งผลให้บริเวณเพดานอ่อนที่มีการหย่อนนั้นหดตัวและมีพังผืดเกิดขึ้น ทางเดินหายใจจะกว้างขึ้น เสียงกรนจะลดน้อยลงจากพังผืดและการหดตัวด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน การใช้คลื่นวิทยุจะช่วยลดการสั่นสะเทือนที่เป็นต้นกำเนิดเสียงกรนได้ดี แผลมีขนาดเล็กมากจากรอยเข็ม พักฟื้นน้อย เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในระยะเวลาที่รวดเร็ว
ข้อดีข้อการรักษาด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน
> ลดเสียงกรนได้ดี
> แผลขนาดเล็กมาก ไม่ต้องพักฟื้น ทานอาหารได้ปกติทันที
> ขณะทำการรักษาไม่มีอาการเจ็บปวด เนื่องจากใช้ยาชาเฉพาะที่
> เป็นการรักษารวดเร็วที่สุดในการรักษาเสียงกรน
> ไม่ต้องใส่อุปกรณ์ใดๆขณะนอนหลับ
> สามารถทำการรักษาร่วมกับการรักษาอื่นๆได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาที่ดียิ่งขึ้น
> มีผลงานวิจัยรองรับการรักษามากกว่าการใช้เลเซอร์
การรักษานอนกรนด้วยคลื่นวิทยุรักษานอนกรน (Radio frequency: RF BOT) เป็นการรักษานอนกรนที่รวดเร็วและเห็นผลเร็วที่สุด จากงานวิจัยเสียงกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับจะดีขึ้นภายใน 3-4 สัปดาห์หลังทำ และควรทำต่อเนื่องประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ยาวนาน อย่างไรก็ตามผลขึ้นกับบุคคลและการวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
3. การรักษาด้วยการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก : CPAP
การรักษาด้วยการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก : CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้หลักการอัดแรงดันอากาศให้แก่ผู้ใช้ในขณะหายใจเข้า เพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจส่วนต้นให้กว้างขึ้น เป็นการรักษาที่ยอดนิยมระดับโลก ต้องใช้การปรับตั้งค่าจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อใช้ในการรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับ เครื่องช่วยหายใจหรือCPAPตัวนี้ไม่ได้รักษาด้วยการผลิตออกซิเจนหรือเครื่องเพิ่มปริมาณออกซิเจนแต่อย่างใด เครื่องช่วยหายใจหรือCPAP นี้จะนำอากาศจากภายนอกมาสร้างแรงดันบวกเข้าไปในบริเวณที่มีการอุดกั้นในลำคอ ทำให้เวลาที่มีการอุดกั้นกว้างพอที่ให้อากาศเข้าไปได้อย่างเพียงพอ
เครื่อง CPAP ในปัจจุบัน ที่นิยมใช้เพื่อลดนอนกรน คือ เครื่องช่วยหายใจ CPAP แบบปรับแรงดันอัตโนมัติ (Auto CPAP) และ เครื่องช่วยหายใจ แบบแรงดัน 2 ระดับ (Bilevel PAP หรือ BiPAP) ซึ่งแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษานอนกรนจะเป็นผู้แนะนำว่าเครื่องประเภทไหนที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย พร้อมแนะนำความดันลมที่เหมาะสมกับภาวะโรคการหยุดหายใจขณะหลับในช่วงเวลานั้น ๆ และอาจแนะนำการรักษาอื่นเพิ่มเติมที่เหมาะสมร่วมด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
4. การรักษานอนกรนที่ต้นเหตุ (Myofunctional Therapy)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อ้างอิงข้อมูลจาก VitalSleep Clinic