JJNY : พริษฐ์ถอนร่างแก้รธน. เหตุสิ้นสภาพ│"สุดารัตน์"ย้ำจุดยืนทสท.│อีสานหนี้ครัวเรือนพุ่ง│ฝรั่งเศสให้ประกันตัวซีอีโอ

พริษฐ์ ถอนร่างแก้รธน. โละม.272 ปิดสวิตช์สว.เลือกนายกฯ เหตุสิ้นสภาพแล้ว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9386078

“พริษฐ์” ขอถอนร่างแก้รัฐธรรมนูญ ยกเลิก ม.272 เหตุบทเฉพาะกาล-มาตราดังกล่าวสิ้นสภาพไปแล้ว หวังอนาคต ไม่มีใครดึงคนไม่ได้มาจากประชาชนร่วมโหวตนายกฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ส.ค. 2567 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่… พ.ศ…. ยกเลิกมาตรา 272 ที่นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับคณะเป็นผู้เสนอ
 
โดยนายพริษฐ์ วัชสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ขอเป็นตัวแทนของนายชัยธวัชในการชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพราะนายชัยธวัชไม่มีโอกาสมาชี้แจงเอง โดยเราได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 66 โดยเป็นการยกเลิกมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นมาตราที่ให้อำนาจของ สว. ที่มาจากการแต่งตั้งมาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีกับสส.ที่มาจากการเลือกตั้ง
 
ซึ่งเป็นความพยายาม ณ เวลานั้นในการทำให้การเลือกนายกฯ และการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.66 เป็นไปตามครรลองของประชาธิไตยแบบปกติตามระบบรัฐสภา นั่นคือใครก็ตามที่สามารถรวบรวมเสียงของสส.ที่มาจาการเลือกตั้งได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็จะมีสิทธิ์ในการตั้งรัฐบาล แล้วมีบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกฯ
 
ถ้านับจากวันที่เราเสนอร่าง มาจนถึงวันนี้ นับเป็นเวลา 414 วัน ล่วงเลยเวลามายาวนานพอสมควร เหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยหรือไม่ คงต้องให้ประชาชนเป็นผู้วินิจฉัย แต่ข้อเท็จจริงที่สำคัญ คือ มาตรา 272 ในเมื่ออยู่ในบทเฉพาะกาล ได้หมดอายุและสิ้นสภาพไปเรียบร้อยแล้ว
 
ดังนั้น เพื่อประหยัดเวลาของที่ประชุมรัฐสภา ผมขออาศัยอำนาจตามข้อบังคับข้อที่ 37 ในการถอนร่างแก้ไขรัฐธรรรมนูญฉบับดังกล่าว ออกจากระเบียบวาระ” นายพริษฐ์ กล่าว
 
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตพ่วงไปด้วย 2 ข้อ คือ 

1. ถึงแม้ว่ามาตรา 272 จะสิ้นสภาพแล้ว ตนก็หวังว่าจะไม่มีใครใครอนาคตที่จะเสนอแก้รัฐธรรมนูญใดๆ ที่ทำให้ใครก็ตามที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมีอำนาจในการมาร่วมเลือกนายกฯ ซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตยสากล
 
และ 2. ต้องยอมรับว่าถึงแม้มาตรา 272 จะสิ้นสภาพแล้ว แต่รัฐธรรมนูญ 60 ยังมีปัญหาอยู่อีกหลายจุดที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานประชาธิปไตยสากล และนำมาสู่ปัญหาทางการเมืองที่เราเห็นกันอยู่หลายเรื่องในปัจจุบัน
 
ซึ่งการจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และถ้าเราย้อนไปดูนับตั้งแต่วันที่มีการแต่งตั้งรัฐบาลชุดแรกหลังจากการเลือกตั้ง และมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เรามีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาแค่ 1 ครั้งเท่านั้น
 
ดังนั้น ถ้าเราอยากจะเดินหน้าในการแก้ไขบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหา พวกเราต้องประชุมรัฐสภาบ่อยขึ้น
ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เมื่อไม่มีผู้ใดขัดข้องตามที่นายพริษฐ์ขอถอน ถือว่าที่ประชุมรัฐสภาอนุญาตให้ถอนเรื่องดังกล่าวออกไปได้



"สุดารัตน์" ย้ำจุดยืนไทยสร้างไทย ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_768055/
 
“สุดารัตน์” ย้ำจุดยืนไทยสร้างไทย ขอทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบรัฐบาล ย้อนเจ็บการเป็นนักการเมืองที่ดี “เก่ง” อย่างเดียวไม่พอ ต้องมี”คุณธรรม”ด้วย
 
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านทาง เฟซบุ๊ก โดยยืนยันถึงจุดยืนของพรรคไทยสร้างไทยว่า 
พรรคไทยสร้างไทย จะขอทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบรัฐบาลชุดนี้ โดยระบุข้อความดังนี้
 
“เมื่อสักครู่ มีเพื่อนส่งข่าวนี้ให้ดิฉันดู ตามข่าวมีความปรากฏว่า “ นายสรวงศ์(เลขาธิการพรรคเพื่อไทย) เดินหน้าหาพันธมิตรแบบ ยกพรรคและยกก๊วน ทั้ง ปชป. -ทสท.-ธรรมนัส-พรรคเล็ก หวังมีเสียง 319 หรือมากกว่าตอนโหวต อุ๊งอิ๊ง“
 
ดิฉันและกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย ขอยืนยันว่า พรรคไทยสร้างไทยขอทำหน้าที่เป็น #ฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นในการให้ข่าวจากฝั่งใดก็ตาม อย่ามาอ้างชื่อ #พรรคไทยสร้างไทย ไปสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ อย่างเด็ดขาด!!!
ในการโหวตเลือกคุณ #อุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯ มีสส.ของพรรคไปโหวตให้ 6 คน ซึ่งพรรคได้ ให้“กรรมการจริยธรรม” ของพรรคดำเนินการเรียกทั้ง 6 คนมาสอบข้อเท็จจริง โดยเรียกทีละคน เพราะพรรคต้องอำนวยความยุติธรรม ให้ทุกคนอย่างเต็มที่ จะให้ทุกคนได้มีโอกาสชี้แจงและรับฟังเหตุผลของแต่ละคนอย่างเที่ยงตรง ซึ่งคณะกรรมการจริยธรรม ได้พิจารณาลงโทษ คนแรกไปแล้ว
 
โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย เพราะกระทำการ“ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง” และผู้บริหารพรรคกำลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ต่อผู้กระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อไป
 
การเป็นนักการเมืองที่ดี “เก่ง” อย่างเดียวไม่พอ ต้องมี“คุณธรรม”ด้วย ดิฉันจึงวางหลักคิดในการทำงานให้คนในพรรคยึด “ธรรม เป็นอำนาจ” และต้องใช้อำนาจที่ประชาชนมอบให้มา ทำงานรับใช้ประชาชนด้วยความสุจริต ไม่ทรยศหักหลังประชาชน
 
การเมืองที่คิดแต่การแย่งอำนาจ เพื่อให้ได้เป็น #นายก เป็น #รัฐบาล ทั้งการ #ตระบัดสัตย์ ละทิ้งอุดมการณ์ การใช้“เงิน”และ“ตำแหน่ง” มาหลอกล่อคนจากพรรคอื่น โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง และจริยธรรมอันดี ทั้งที่นักการเมืองควรเป็นตัวอย่างให้กับสังคมและยังไม่ละอายใจ กล้าพูดออกมาว่า พร้อมที่จะดึงคนของพรรคการเมืองอื่นออกมาแบบเป็น“ก๊วน” ก็ได้ เพื่ออำนาจของตนเอง ทั้งที่พรรคการเมืองนั้นเขาไม่ได้เห็นชอบ
 
”ถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าข่ายการกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง“
 
การเมืองยุค #เลอะเทอะ ไร้จริยธรรม เริ่มต้นด้วยความไม่ตรงไปตรงมา แล้วต่อไปจะทำงานให้ประชาชนอย่างซื่อสัตย์ได้จริงหรือ
ดิฉันขอฝาก #นายกอุ๊งอิ๊ง ในฐานะเป็นคนรุ่นใหม่ ให้ช่วยมาแก้ไขความ เลอะเทอะ ไร้จริยธรรม ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ให้ด้วย
 
https://www.facebook.com/sudaratofficial/posts/pfbid0kiQGSnAqWLqsRNqmB51SL25GNJ1NrdtpAGgtkMQJU7U2zeYk1pSNXBPRCFFe5Coxl



อีสานหนี้ครัวเรือนพุ่ง สัดส่วน 60.8% สูงสุดในไทย 'อำนาจเจริญ' หนี้สูงอันดับหนึ่ง
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/414702

สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงาน อีสานหนี้ครัวเรือนพุ่ง สัดส่วน 60.8% สูงสุดในไทย 'อำนาจเจริญ' หนี้สูงอันดับหนึ่ง 'ขอนแก่น' หนี้น้อยสุด
สำนักงานสถิติแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผย รายงานภาวะหนี้ครัวเรือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานรวม 20 จังหวัดในปี 2566 ในภาพรวมพบว่า ภาคอีสานเป็นภาคที่มีจำนวนครัวเรือน ซึ่งมีหนี้สินในสัดส่วนที่สูงสุดของประเทศไทยถึง 60.8% หนี้สินประเภทเพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนในภาคอีสานเป็นประเภทหนี้สินที่มีการก่อหนี้ที่มากที่สุดนอกจากนี้ ภาวะหนี้ครัวเรือนเฉลี่ยและสัดส่วนหนี้ครัวเรือนกลับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ในปี 2566 หนี้ครัวเรือนเฉลี่ยทั้งภาคอีสานอยู่ที่ 208,481 บาท
 
รายงานดังกล่าว พบว่า 5 จังหวัดแรกที่มีหนี้ครัวเรือนโดยเฉลี่ยสูงที่สุดในปี 2566 มีดังนี้
 
1. จังหวัดอำนาจเจริญ 337,610 บาท
2. จังหวัดนครราชสีมา 303,257 บาท
3. จังหวัดสุรินทร์ 290,152 บาท
4. จังหวัดมุกดาหาร 285,176 บาท
5. จังหวัดหนองบัวลำภู 260,061 บาท
 
ขณะที่ 5 จังหวัดท้ายสุดที่มีหนี้ครัวเรือนเฉลี่ยน้อยที่สุดใน 20 จังหวัดภาคอีสานประจำปี 2566 ได้แก่ 

20. จังหวัดขอนแก่น 62,884 บาท
19. จังหวัดอุดรธานี 105,266 บาท
18. จังหวัดมหาสารคาม 154,313 บาท
17. จังหวัดร้อยเอ็ด 161,510 บาท
16. จังหวัดกาฬสินธุ์ 164,052 บาท

สำหรับสาเหตุของการเกิดภาวะหนี้ครัวเรือนในภาคอีสาน มาจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่ 43.9% เป็นการกู้ยืมเพื่อซื้อ หรือเช่าซื้อบ้านที่อยู่อาศัย ถัดมา 25.3% เป็นการกู้ยืมเพื่อทำการเกษตร และ 21.3% เป็นการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายในครัวเรือน
 
ทั้งนี้ จังหวัดที่มีหนี้ครัวเรือนเฉลี่ยระหว่างอันดับที่ 6 ถึงอันดับที่ 15 มีดังนี้

6. จังหวัดเลย 257,883 บาท
7. จังหวัดศรีสะเกษ 238,414 บาท
8. จังหวัดสกลนคร 221,537 บาท
9. จังหวัดชัยภูมิ 203,222 บาท
10. จังหวัดอุบลราชบุรี 202,806 บาท
11. จังหวัดนครพนม 193,929 บาท
12. จังหวัดหนองคาย 193,443 บาท
13. จังหวัดบึงกาฬ 189,019 บาท
14. จังหวัดบุรีรัมย์ 177,744 บาท
15. จังหวัดยโสธร 167,342 บาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่