JJNY : 5in1 เท้งลุยช่วยโฟล์ค│วิโรจน์ยันต้องให้โอกาสอุ๊งอิ๊ง│ชี้ตั้งครม.วุ่น│อสังหาฯสาหัส!│รัสเซียชี้ชัด สหรัฐสั่งระเบิด

เท้ง ลั่นแพ้ไม่ได้ ลุยช่วย โฟล์ค สู้ศึกเลือกตั้งซ่อมส.ส.พิษณุโลก ปลุกพลังปชช.สะสมชัยชนะ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4746080

 
‘เท้ง’ ประเดิมหาเสียงรอบเมืองช่วย ‘โฟล์ค ณฐชนน’ สู้ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 พิษณุโลกก่อนจับเบอร์พรุ่งนี้ เปิดวงสมาชิกสัมพันธ์ปลุกพลังประชาชนร่วมปักธงสะสมชัยชนะเลือกตั้งซ่อม-ท้องถิ่นสู่เป้าการเลือกตั้ง 70
 
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน, นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคประชาชน และ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมกิจกรรมพบปะประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 แทนตำแหน่งที่ว่างลง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ก.ย.นี้
 
โดยในช่วงเช้า ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ก่อนเดินหาเสียงพบปะประชาชนภายในบริเวณร้านค้ารอบวัด ก่อนร่วมกันขึ้นรถแห่หาเสียงไปรอบเมืองพิษณุโลก ท่ามกลางการต้อนรับจากประชาชนตามร้านค้าและสองข้างทาง จากนั้นในช่วงบ่าย นายณัฐพงษ์และนายณฐชนนได้ร่วมวงพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการภายในเมืองพิษณุโลก ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยถึงปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจโดยภาพรวมของเมืองพิษณุโลก รวมทั้งความคาดหวังของผู้ประกอบการต่อการเมืองในอนาคต
 
ส่วนในช่วงเย็น ทั้งสามได้เปิดวงพูดคุยสมาชิกสัมพันธ์กับสมาชิกพรรคประชาชนในจังหวัดพิษณุโลก เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนถึงก้าวย่างต่อไปของพรรคประชาชน โดยเฉพาะภารกิจเฉพาะหน้าในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
 
นายณัฐพงษ์กล่าวในตอนหนึ่งระหว่างพบปะกับสมาชิกว่า เวทีเลือกตั้งซ่อมที่พิษณุโลกเขต 1 ครั้งนี้แน่นอนว่ามีความสำคัญที่แพ้ไม่ได้ และต้องขอแรงสมาชิกทุกท่านอีกครั้งให้ช่วยกัน และในอนาคตข้างหน้าก็ยังมีอีกเวทีหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ก็คือการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งพรรคประชาชนเองก็มีพื้นที่ยุทธศาสตร์หลายพื้นที่ โดยมีจังหวัดราชบุรีเป็นพื้นที่แรกที่จะเกิดการเลือกตั้งนายก อบจ.ขึ้น
 
ต่อจากนี้จนถึงการเลือกตั้งปี 2570 เวทีการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีความสำคัญ ที่จะทำให้พรรคประชาชนมีโอกาสเข้าไปทำงานให้ประชาชนเห็นการเมืองที่ไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์ ทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร ด้วยโอกาสนี้พรรคประชาชนจะปักธงทีละขั้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งสู่การเลือกตั้งปี 2570 ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ตนหรือผู้บริหารพรรค แต่มาจากการทำงานของพวกเราร่วมกัน โดยเฉพาะจากฐานสมาชิกพรรคของเราที่จะช่วยกันสื่อสารและบอกต่อถึงเป้าหมายและอุดมการณ์ของพวกเรา
 
ด้านนายณฐชนนได้กล่าวในช่วงหนึ่งของการแลกเปลี่ยนกับสมาชิกว่า ทุกคนรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ทำ ส.ส.ที่มีคุณภาพที่สุดของพิษณุโลกคนหนึ่งต้องถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง การต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องของตนคนเดียว หรือเพื่อตำแหน่งหรืออำนาจใด แต่เพื่อยืนยันว่าไม่ว่าเขาจะกระทำกับพวกเรากี่ครั้ง จะมีคนยืนหยัดลุกขึ้นมาสู้เสมอ จะมีคนยืนอยู่ข้างเรามากขึ้นเสมอ มีคนไม่ยอมแพ้และออกมาสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเสมอ วันนี้พิษณุโลก เขต 1 มีปัญหาที่แตกต่างกันไป และตนพร้อมที่จะเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านที่ใช้ความกล้าหาญในการเรียกร้องในสิ่งที่เป็นสิทธิที่ประชาชนทุกคนควรต้องได้รับอยู่แล้ว
 


วิโรจน์ ยันต้องให้โอกาสอุ๊งอิ๊ง รับไม่อยากให้ซ้ำรอยสมัยปู ลั่นขอเป็นฝ่ายค้านโฟกัสที่งาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4745230

วิโรจน์ ยันต้องให้โอกาสอุ๊งอิ๊ง รับไม่อยากให้ซ้ำรอยสมัยปู เจอบูลลี่สารพัด ลั่นขอเป็นฝ่ายค้านโฟกัสที่งาน 

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่าน แอพพลิเคชั่นเอ็กซ์ว่า 
 
ผมคิดว่า ควรให้โอกาส คุณแพทองธาร ชินวัตร ทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ควรเพ่งโทษคุณแพทองธารที่นามสกุล เพราะอย่างไร เขาก็มาตามระบบรัฐสภา

อยากให้การวิพากษ์วิจารณ์ Focus ที่การทำงาน และผลงาน

ไม่อยากให้จ้องจับผิด และเหยียดหยาม คุณแพทองธารในแบบที่คุณยิ่งลักษณ์เคยเจอ

ผมจำได้ว่า ตอนนั้นคุณยิ่งลักษณ์ถูกเหยียดหยาม ถูกด้อยค่า ถูกบูลลี่ ถูกกดขี่ทางเพศ จากฝ่ายตรงข้าม อย่างรุนแรงมาก

จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังชื่นชมคุณยิ่งลักษณ์ว่า มีความใจกว้าง และอดทนอดกลั้น ต่อการด่าทอที่ขาดสติได้ดีมากๆ

ผมไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นกับคุณแพทองธารอีก

ผมยืนยันว่า ผมจะติดตามตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ คุณแพทองธาร และ ครม. ใหม่อย่างเต็มที่

แต่การเป็นฝ่ายค้าน ที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน เป็นมืออาชีพ ไม่ประนีประนอมกับความไม่ถูกต้อง ไม่ลดราวาศอกหากพบว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่จำเป็นต้องเหยียดหยาม ด้อยค่ากันเลยนี่ครับ

https://x.com/wirojlak/status/1825563683293970489
https://x.com/wirojlak/status/1825565423326089275
https://x.com/wirojlak/status/1825566284786094124


 
อ.โอฬาร ชี้ตั้งครม.อิ๊งค์วุ่น เหตุการเมืองเรื่องต่อรอง เชื่อใช้เวลาสอบจริยธรรม ทีมอกหักจ้องโค่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4745681

อ.โอฬาร ชี้มรสุมตั้ง ครม.อิ๊งค์ ขึ้นอยู่กับการเมืองข้างหลัง ดีลจบไหม หลังทีมอกหักจ้องโค่น
 
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้ความเห็นต่อกรณีการตั้ง ครม.ชุดใหม่ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่ามีการตรวจสอบคุณสมบัติเกี่ยวกับจริยธรรมของนักการเมือง ตนเห็นด้วยเพราะเป็นมาตรฐานเบื้องต้นของนักการเมืองที่จะไปนั่งตำแหน่งรัฐมนตรี หากมองในเรื่องของ นายเศรษฐา ทวีสิน แล้ว จะเห็นว่าหลุดจากตำแหน่ง ในเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีปัญหาทางด้านจริยธรรม นี่เป็นจุดหนึ่งในการแก้ปัญหาในเบื้องต้น ที่จะต้องหา ครม.ชุดใหม่ที่ไม่มีปัญหาทางด้านจริยธรรม
 
แต่ในความเป็นจริงคิดว่า สถานการณ์ในตอนนี้ยากมาก เพราะทุกพรรคการเมืองอาจกล่าวได้ว่ามีปัญหาทางด้านจริยธรรมทั้งนั้น อาทิ เอานักโทษข้อหากบฏเป็นรัฐมนตรี บางพรรคเอาคนที่โดนไล่ออกจากสถาบันการศึกษามาเป็นรัฐมนตรี หากมองไปถึงตัวนายกรัฐมนตรีก็มีปัญหากรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ มองไปแล้ว ครม.ชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นมีปัญหาในเรื่องจริยธรรมทั้งหมด
 
ช่วงการตรวจสอบรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมองไปแล้วอาจจะต้องใช้เวลา ก็เพราะว่าทุกคนก็ไม่อยากตกขบวน ประกอบกับการเมืองเป็นเรื่องของการต่อรอง และพร้อมที่จะหักหลังกันตลอดเวลา
 
สถานการณ์แบบนี้ เช่น พรรคพลังประชารัฐแบ่งออกเป็น 2 ข้าง ข้างหนึ่งอยากเข้าร่วมรัฐบาลก็จะหักหลังอีกข้างหนึ่ง ทางด้าน พรรคเพื่อไทย ก็อยากจะปิดบ้านป่ารอยต่อ อยากจะปิดสวิตช์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากพูดตรงๆ นายทักษิณ ชินวัตร ก็อยากหักหลัง พล.อ.ประวิตร ขยายความต่อไป พล.อ.ประวิตรก็อยากหักหลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มองไปแล้ววุ่นวายกันไปหมด
 
ถ้าดูวันแรกการพระราชทานโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มมีการโค่นล้มนายกรัฐมนตรีแล้ว เพราะกลุ่มคนที่ถูกหักหลังจากนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย ก็จะไปรวมเป็นพันธมิตร เพื่อโค่นอุ๊งอิ๊ง ตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว

ผศ.ดร.โอฬารกล่าวว่า การตั้ง ครม.ในครั้งนี้หากมองไปแล้วจะเป็น “ธุรกิจการเมือง” ไม่ใช่เข้ามาทำงานตามอุดมการณ์เพื่อบ้านเพื่อเมือง คิดว่าสุดท้ายการตั้ง ครม.คงผ่านไปได้ เพื่อให้มีตำแหน่งแห่งที่ เพราะรู้ดีว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยขึ้นอยู่กับประเด็นการเมือง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักการและความชอบธรรมแต่เพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นทุกคนก็อยากมีตำแหน่งแห่งที่เสียก่อน แล้วค่อยมาว่ากันทีหลัง
 
ส่วน ครม.ชุดใหม่จะมีคนหน้าเดิมเข้ามามาก มองดูแล้วการแก้ไขปัญหาของประเทศคงเป็นไปได้ยาก เพราะติดตรงเงื่อนไขเชิงโครงสร้างทางการเมือง ทำให้เกิดรัฐบาลแบบนี้ขึ้นมา นอกเสียจาก นายทักษิณ ชินวัตร จะต้องกำชับเป็นพิเศษว่า ครม.ในสัดส่วนของพรรคต่างๆ หากเป็นไปได้ 100 เปอร์เซ็นต์จะต้องไม่มีปัญหาด้านจริยธรรมการเมืองเลย อาจจะต้องเปิดพื้นที่สัดส่วนให้กับรัฐมนตรีหน้าใหม่ เพื่อให้อุ๊งอิ๊งสามารถบริหารงานได้ง่ายขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเจอคนหน้าเดิม และสูงวัยกว่า การเจรจาเรื่องบ้านเรื่องเมืองก็อาจมีข้อจำกัด จึงต้องมีรัฐมนตรีที่มีอายุไล่เลี่ยกับอุ๊งอิ๊ง
นอกจากนี้จะต้องประสานในเรื่องผลประโยชน์กับพรรคการเมืองต่างๆ หากไม่สามารถประสานผลประโยชน์กันได้ ก็จะไปเกี่ยวข้องกับเสถียรภาพของรัฐบาลถึงแม้ว่าจะมี 300 กว่าเสียงก็ตาม
 
เพราะมองในเรื่องจุดยืนทางการเมืองแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องผลประโยชน์เฉพาะหน้า ของพรรคร่วมทั้งสิ้น ทำให้มีโอกาสเกิดความวุ่นวายสูงขึ้น ตามที่กล่าวไปแล้วกลุ่มคนที่อกหัก และถูกหักหลังทั้งหมดจะมารวมตัวกัน และเป็นกลุ่มสำคัญที่จะโค่นรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง โดยมองได้จากวันแรกที่ได้มีการโปรดเกล้าฯ อุ๊งอิ๊ง เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนวันแถลงนโยบายของอุ๊งอิ๊ง เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา หากตั้ง ครม.เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะทุกอย่างเป็นเพียงพิธีกรรม อ่านนโยบายได้ก็เพียงพอแล้ว” อาจารย์โอฬารกล่าวและว่า

ส่วนในเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง ที่มีปัญหากับนักการเมืองในขณะนี้ มองแล้วถือว่าเป็นกรอบที่กว้างมากกว่ากฎหมายปกติ หากมีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล จะมองอย่างไร ทุกวันนี้ประชาชนไม่ค่อยเชื่อหรือศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม ประชาชนมองว่าเป็นเรื่องทางการเมืองมากกว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองในช่วงนั้น โดยเฉพาะการดีลกับอำนาจเก่าได้มากน้อยแค่ไหน หากอำนาจเก่าไว้วางใจก็สามารถผ่านไปได้ หากอุ๊งอิ๊ง-ทักษิณ ไม่สามารถดีลกับอำนาจเก่า หรือผลประโยชน์ทางการเมืองไม่ลงตัว อุ๊งอิ๊งก็อาจจะเจอปัญหาทางด้านจริยธรรมนักการเมืองได้เช่นกัน เพราะคำว่า “จริยธรรมนักการเมือง” มีความหมายกว้างมาก ไม่มีขอบเขตที่แน่นอน
 
ในความเป็นจริงจริยธรรมนักการเมืองควรจะมีขอบเขตที่ชัดเจนแน่นอน การใช้ดุลยพินิจของศาลจะต้องอธิบายเป็นเหตุเป็นผลและสังคมยอมรับได้ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ส่วนจะเน้นไปในเรื่องของการทุจริต คอร์รัปชั่น ถือว่าเป็นกรอบที่ใช้ได้เหมือนกัน อาทิ คนที่ถูกพ้นโทษไปแล้วเกี่ยวกับทางด้านการศึกษา ติดคุกจากคดีค้ายาเสพติด ถึงแม้ว่าจะเป็นคดีในต่างประเทศ ถูกข้อหากบฏล้มล้างประชาธิปไตย หรือคดีที่สร้างภาพลบให้กับรัฐบาล ก็ถือว่าชัดเจน ไม่ต้องมาตีความ เพราะว่าจริยธรรมทางการเมืองนั้นสูงกว่ากฎหมาย ซึ่งคนเหล่านี้ไม่สมควรดำรงตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง
 
ผศ.ดร.โอฬารกล่าวอีกว่า ถ้าจะให้มีการตีกรอบคำว่า “จริยธรรมนักการเมือง” ถือว่ายากมาก เพราะจริยธรรมกว้างมาก ยากที่จะตีกรอบได้ชัดเจน หากมามองนักการเมืองที่จะได้นั่งตำแหน่งใน ครม.หากรู้ตัวเองว่ามีปัญหาตามที่กล่าวมา อย่าเล่นการเมืองเลยดีกว่า เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ ครม.มัวหมอง และไปทำการเมืองในรูปแบบอื่นจะดีกว่า อาทิ การเมืองไปช่วยเหลือประชาชน หรือเมื่อเข้าไปใน ครม.แล้ว ก็ต้องระวังในเรื่องการฟ้องร้องเป็นคดีความ การทุจริตคอร์รัปชั่น

ความหวังของตนนั้นหากเข้าไปมีตำแหน่งใน ครม. อยากให้ทำงานตามหน้าที่ ไม่ใช้อาจหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ให้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง หากรับผิดชอบเกี่ยวกับกฎหมาย จะต้องมีทีมงานคอยให้คำแนะนำ อย่าใช้ดุลยพินิจของตัวเองเป็นตัวกำหนด คดีความต่างๆ ไม่แล้วเสร็จ คดีที่สุ่มเสี่ยงกับจริยธรรมนักการเมือง จะต้องพิจารณาว่าจะไปต่อ หรือยุติบทบาท เพราะไม่เช่นนั้นจะมีการร้องเรียนกันทุกคดี เพราะนักการเมืองมีปัญหาคดีความเยอะ เกี่ยวกับบรรทัดฐานทางจริยธรรม หรือผิดวินัยร้ายแรง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่