ฝ่ายค้าน ชูปฏิรูป 5 มิติ ยกเครื่องจัดทำงบประมาณ ให้ตอบโจทย์ประเทศ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9343251
“ฝ่ายค้าน” คิกออฟ ยกเครื่องจัดทำงบประมาณ ให้ตอบโจทย์ประเทศ ชู ปฏิรูป 5 มิติ “ชัยธวัช” ขอบคุณ ผลโพลความนิยมนำโด่ง เป็นกำลังใจผลักดันให้ทำงานต่อ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ส.ค. 2567 ที่ชั้น B1 อาคารรัฐสภา นาย
ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการจัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ครั้งที่ 5
โดยนาย
ชัยธวัช กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวาระพิเศษที่เราไม่ได้ไปจัดเวทีที่ต่างจังหวัด โดยจะเชิญชวนประชาชนมาใช้พื้นที่ในรัฐสภา เพื่อจะเชื่อมโยงให้ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งวันนี้ฝ่ายค้านจัดเวทีกิจกรรมทั้งวัน ในหัวข้อเรื่องปลดล็อกวิกฤตงบประมาณของประเทศ
โดยในช่วงเช้าจะเป็นเวทีใหญ่ เป็นการเสวนาเพื่อให้ตัวแทนพรรคฝ่ายค้านได้มาสื่อสารกับประชาชนว่า สถานการณ์ในการจัดงบประมาณปี 2568 ในขณะนี้มีความคืบหน้าไปอย่างไรแล้ว และเรามีข้อสังเกตอย่างไรบ้างในฐานะฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร รวมถึงหน้าที่โดยตรงของ สส. ในการจะอนุมัติงบประมาณ
ส่วนการสัมมนาในช่วงบ่ายเป็นกลุ่มย่อยๆ โดยเป็นเวทีที่จะนำเสนอการปฏิรูปกระบวนการงบประมาณของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการงบประมาณในเชิงระบบ หรือกระบวนการงบประมาณที่จะกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ตัวอย่างการจัดงบประมาณเพื่อจะพัฒนาแรงงานให้อัพสกิลมากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน รวมถึงตัวอย่างในการจัดงบประมาณที่จะนำไปสู่การสร้างรัฐบาลดิจิทัล
“
ไม่ใช่เวทีที่มาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียว แต่เราพยายามเสนอข้อเสนอในการปฏิรูประบบงบประมาณของประเทศไปด้วยในระยะยาว ซึ่งมีประชาชนลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้เป็นจำนวนมาก โดยเราได้เชิญหน่วยงานภาครัฐ และกลุ่มนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักเรียนนักศึกษาที่ให้ความสนใจได้มาเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย” นาย
ชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่าในอนาคตจะมีการจัดกิจกรรมที่ไหนอีกบ้างหรือไม่ นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า ตนพยายามจัดเวทีฝ่ายค้านผู้ประชาชนให้ได้ทุกเดือน ไม่อยากจะจัดแค่ในช่วงสมัยปิดประชุมเท่านั้น เราอยากทำให้การทำงานของฝ่ายค้านในสภาฯ มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น
ในขณะนี้มีแผนว่าจะจัดเวทีใหญ่อีกเวทีหนึ่ง คือ “
ครบรอบ 25 ปีการกระจายอำนาจ” ซึ่งเรากำลังอยู่ในช่วงทำแผนการกระจายอำนาจแผนใหม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ โดยน่าจะจัดที่กรุงเทพมหานคร
เมื่อถามว่าการจัดเวทีฝ่ายค้านพบประชาชน ปัญหาที่ประชาชนได้สะท้อนกลับมานั้น ทางฝ่ายค้านได้นำไปดำเนินการอย่างไรบ้าง นายธวัชชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราจัดเวทีฝ่ายค้านพบประชาชนไปแล้ว 4 ภาค ซึ่งเป็นประโยชน์มาก เราถือโอกาสรายงานการทำงานของฝ่ายค้านให้กับประชาชนทราบ และเราได้ข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมอยู่หลายอย่างจากพี่น้องประชาชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรม
ซึ่งเราก็ได้นำรูปธรรมเหล่านั้นไปดำเนินต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจทางภาคใต้ PM 2.5 เรื่องการจัดการน้ำในภาคอีสาน โดยประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสส.ที่ติดตามเรื่องนั้นอยู่ลงไปดำเนินการทันที
เมื่อถามทางสวนดุสิตโพลได้สำรวจเรื่องดัชนีชี้วัดทางการเมือง และคะแนนผลงานของพรรคฝ่ายค้าน มาเป็นอันดับหนึ่ง มองประเด็นนี้อย่างไร นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มองเห็นและสนับสนุนการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งด้านหนึ่งเป็นผลจากการบริหารงานของรัฐบาลด้วย ที่ประชาชนอาจจะมองเห็นว่ายังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชนได้
แต่สำหรับฝ่ายค้านถือว่าเป็นกำลังใจ และมุ่งมั่นในการทำงานอย่างเต็มที่มากขึ้น ฝ่ายค้านในปัจจุบันไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะงานที่เป็นฝ่ายค้านในแบบเดิมๆ แต่เราพยายามทำงานอย่างสร้างสรรค์ในการนำเสนอว่า รัฐบาลโดยฝ่ายบริหาร การบริหารและการแผ่นดินโดยรวมทั้งหมดที่ดีกว่านี้ควรจะเป็นอย่างไร
“
เราพยายามนำเสนอว่า มันถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องยกเครื่องหรือปฏิรูประบบงบประมาณกันอย่างจริงจัง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่เรื่องรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งเท่านั้น” นายชัยธวัช กล่าว
จากนั้น นาย
ชัยธวัช กล่าวเปิดงานว่า เราอยากเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ รวมถึงประชาชน คิดถึงการปลดล็อกระบบงบประมาณของประเทศ ยกเครื่องปฏิรูปครั้งใหญ่ให้เร็วที่สุดในอนาคต โดยเราจะใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอการปฏิรูประบบงบประมาณ และการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้ตอบโจทย์ในแต่ละเรื่อง
การดำเนินนโยบายสาธารณะ ต้องทำอย่างน้อย 3 เรื่อง ดังนี้
1. คน คือ บุคคลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลักดันนโยบาย
2. กฎ คือ ระเบียบ ซึ่งเป็นบทบาทของสภาผู้แทนราษฎรโดยตรง ทั้งการออกและแก้กฏหมาย แม้ว่างบประมาณจะนำเสนอจากฝ่ายบริหาร แต่ผู้อนุมัติคือรัฐสภา ในฐานะสถาบันการเมืองที่ประชาชนเลือกมา
3. งบ ซึ่งก็คืองบประมาณ
นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า เวลาพูดถึงงบประมาณของรัฐบาล หลายคนนึกถึงค่าใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของเครื่องจักรในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศ ดังนั้น จึงอยากให้ทุกคนคิดถึงการจัดสรรงบประมาณในอย่างน้อย 5 มิติ ได้แก่
1.
มิติความคุ้มค่า เพราะงบประมาณมาจากภาษีของประชาชน ดังนั้น การใช้งบต้องตอบโจทย์ความคุ้มค่า
ซึ่งที่ผ่านมาเราเห็นว่ามีการจัดสรรที่ไม่คุ้มค่า เพราะมีการตั้งธง และประมาณการต้นทุนโครงต่ำกว่าความจริง ซึ่งเห็นได้ในการจัดทําโครงสร้างพื้นฐานหลายเรื่องที่ไม่คุ้มค่าจนถูกปล่อยร้าง ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ ตามที่คาดการณ์ไว้แต่ต้น
2.
มิติที่ทำให้ประเทศพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ไม่ใช่การจัดสรรงบแบบเดิมๆ ตามความเคยชิน ปีที่แล้วเสนอยังไง ปีนี้ก็เสนออย่างนั้น โดยไม่มียุทธศาสตร์ ฉะนั้น ระบบงบประมาณที่ดีควรตอบโจทย์ความท้าทายในแต่ละด้าน ทั้งการเปลี่ยนผ่านด้านอุตสาหกรรม การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 หรือความผันผวนของภูมิอากาศ
3.
มิติเสริมพลังให้กับสังคม เพราะในสภาพที่มีความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในแง่โอกาสทางเศรษฐกิจ ต้องเสริมพลังให้กับภาคส่วนที่ยังขาดโอกาสยกระดับตัวเอง ซึ่งต้องทำให้เป็นระบบต่อเนื่อง ไม่คิดแทนประชาชนทุกเรื่อง เพราะสิ่งที่เราเห็นในงบปี 67 และปี 68 ไม่มีความเป็นระบบแต่อย่างใด
4.
มิติเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ด้วยการบริหารให้เรามีพื้นที่การคลังเพียงพอ ที่จะรองรับสถานการณ์ที่โลกปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูง เพราะเราไม่ทราบว่าจะเกิดวิกฤตอะไรในอนาคตแบบฉับพลัน ดังนั้น เราต้องมีสมดุลและความพร้อมในการเผชิญความไม่แน่นอนของโลก
5.
มิติสร้างความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์ เพราะที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบงบประมาณส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างระบบอุปถัมภ์ทางการเมือง ทั้งระหว่างรัฐมนตรีกับ สส. หรือฝ่ายการเมืองกับข้าราชการประจำ เพื่อสร้างฐานการเมืองในพื้นที่ สร้างระบบที่เราเรียกว่าบ้านใหญ่
“
เวทีวันนี้ไม่ใช่การวิจารณ์รัฐบาล แต่ชวนคิดถึงอนาคตว่าเราจำเป็นต้องยกเครื่องระบบงบประมาณ ด้วยความเชื่อว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน และการทำหน้าที่ของ สส. รวมถึงการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาธิปไตยของเรา ตอบโจทย์สังคมและประชาชนมากขึ้น” นาย
ชัยธวัช กล่าว
3 จังหวัดชายแดนใต้ ป่วนกลางดึก คนร้ายก่อเหตุ ขว้างปาระเบิด 30 จุด
https://www.matichon.co.th/region/news_4715629
คนร้ายก่อเหตุ ขว้างปาระเบิด 30 จุด ทั่ว 3 จังหวัดชายแดนใต้ กลางดึก
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม เกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุขว้างปาระเบิดก่อกวนกว่า 30 จุด ทั่วทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
โดยมีจุดเกิดเหตุต่างๆ ดังนี้ จ.ยะลา อ.เมืองยะลา อ.รามัน อ.กรงปินัง และ อ.บันนังสตา , จ.ปัตตานี อ.โคกโพธิ์ อ.กะพ้อ อ.สายบุรี อ.ยะหริ่ง และ อ.มายอ , จ.นราธิวาส อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร อ.ระแงะ อ.บาเจาะ และ อ.สุไหงโก-ลก ทั้งนี้ ยังพบแก๊งมอเตอร์ไซค์ขับขี่ในลักษณะสร้างความปั่นป่วน บริเวณสี่แยกบิ๊กซีสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ในเวลาไล่เลี่ยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนงดออกนอกเคหสถานในยามวิกาลเพื่อความปลอดภัย
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดตลาดเมื่อวานนี้ร่วงลงอย่างหนักในรอบ 8 เดือน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/411118
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันศุกร์ (2 ส.ค.) แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนกดดันตลาดด้วย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 73.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.71 ดอลลาร์ หรือ 3.41% ปิดที่ 76.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์นั้นร่วงลงมากกว่า 3 ดอลลาร์/บาร์เรลแตะระดับต่ำสุดของวัน
การจ้างงานของสหรัฐชะลอตัวเกินคาดในเดือนก.ค.และการว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%
ข้อมูลเศรษฐกิจจากจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ และผลสำรวจที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตอ่อนแอลงทั่วเอเชีย, ยุโรป และสหรัฐได้เพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลกซึ่งจะลดความต้องการใช้น้ำมัน
การประชุมกลุ่มโอเปกพลัสเมื่อวันพฤหัสบดี (1 ส.ค.) ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่ม ซึ่งรวมถึงแผนการที่จะเริ่มยกเลิกการปรับลดการผลิตน้ำมันบางส่วนตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป
บรรดานักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านระบุว่า ความขัดแย้งกับอิสราเอลได้เข้าสู่เฟสใหม่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า ยังไม่เกิดภาวะชะงักงันของอุปทานน้ำมันจากภูมิภาคนี้แต่อย่างใด ขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์เพียงไม่กี่วัน หลังจากที่การสังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านสนับสนุน อาทิ กลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์นั้น ทำให้เกิดความกังวลกันว่าจะเกิดสงครามอย่างเต็มรูปแบบ
JJNY : ชูปฏิรูป 5 มิติ│3 จว.ชายแดนใต้ ป่วนกลางดึก│น้ำมันดิบตลาดโลกร่วงหนัก│คิมโวยเกาหลีใต้ “ปล่อยเฟคนิวส์” เรื่องน้ำท่วม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9343251
“ฝ่ายค้าน” คิกออฟ ยกเครื่องจัดทำงบประมาณ ให้ตอบโจทย์ประเทศ ชู ปฏิรูป 5 มิติ “ชัยธวัช” ขอบคุณ ผลโพลความนิยมนำโด่ง เป็นกำลังใจผลักดันให้ทำงานต่อ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ส.ค. 2567 ที่ชั้น B1 อาคารรัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการจัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ครั้งที่ 5
โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวาระพิเศษที่เราไม่ได้ไปจัดเวทีที่ต่างจังหวัด โดยจะเชิญชวนประชาชนมาใช้พื้นที่ในรัฐสภา เพื่อจะเชื่อมโยงให้ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งวันนี้ฝ่ายค้านจัดเวทีกิจกรรมทั้งวัน ในหัวข้อเรื่องปลดล็อกวิกฤตงบประมาณของประเทศ
โดยในช่วงเช้าจะเป็นเวทีใหญ่ เป็นการเสวนาเพื่อให้ตัวแทนพรรคฝ่ายค้านได้มาสื่อสารกับประชาชนว่า สถานการณ์ในการจัดงบประมาณปี 2568 ในขณะนี้มีความคืบหน้าไปอย่างไรแล้ว และเรามีข้อสังเกตอย่างไรบ้างในฐานะฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร รวมถึงหน้าที่โดยตรงของ สส. ในการจะอนุมัติงบประมาณ
ส่วนการสัมมนาในช่วงบ่ายเป็นกลุ่มย่อยๆ โดยเป็นเวทีที่จะนำเสนอการปฏิรูปกระบวนการงบประมาณของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการงบประมาณในเชิงระบบ หรือกระบวนการงบประมาณที่จะกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ตัวอย่างการจัดงบประมาณเพื่อจะพัฒนาแรงงานให้อัพสกิลมากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน รวมถึงตัวอย่างในการจัดงบประมาณที่จะนำไปสู่การสร้างรัฐบาลดิจิทัล
“ไม่ใช่เวทีที่มาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียว แต่เราพยายามเสนอข้อเสนอในการปฏิรูประบบงบประมาณของประเทศไปด้วยในระยะยาว ซึ่งมีประชาชนลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้เป็นจำนวนมาก โดยเราได้เชิญหน่วยงานภาครัฐ และกลุ่มนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักเรียนนักศึกษาที่ให้ความสนใจได้มาเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่าในอนาคตจะมีการจัดกิจกรรมที่ไหนอีกบ้างหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนพยายามจัดเวทีฝ่ายค้านผู้ประชาชนให้ได้ทุกเดือน ไม่อยากจะจัดแค่ในช่วงสมัยปิดประชุมเท่านั้น เราอยากทำให้การทำงานของฝ่ายค้านในสภาฯ มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น
ในขณะนี้มีแผนว่าจะจัดเวทีใหญ่อีกเวทีหนึ่ง คือ “ครบรอบ 25 ปีการกระจายอำนาจ” ซึ่งเรากำลังอยู่ในช่วงทำแผนการกระจายอำนาจแผนใหม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ โดยน่าจะจัดที่กรุงเทพมหานคร
เมื่อถามว่าการจัดเวทีฝ่ายค้านพบประชาชน ปัญหาที่ประชาชนได้สะท้อนกลับมานั้น ทางฝ่ายค้านได้นำไปดำเนินการอย่างไรบ้าง นายธวัชชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราจัดเวทีฝ่ายค้านพบประชาชนไปแล้ว 4 ภาค ซึ่งเป็นประโยชน์มาก เราถือโอกาสรายงานการทำงานของฝ่ายค้านให้กับประชาชนทราบ และเราได้ข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมอยู่หลายอย่างจากพี่น้องประชาชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรม
ซึ่งเราก็ได้นำรูปธรรมเหล่านั้นไปดำเนินต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจทางภาคใต้ PM 2.5 เรื่องการจัดการน้ำในภาคอีสาน โดยประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสส.ที่ติดตามเรื่องนั้นอยู่ลงไปดำเนินการทันที
เมื่อถามทางสวนดุสิตโพลได้สำรวจเรื่องดัชนีชี้วัดทางการเมือง และคะแนนผลงานของพรรคฝ่ายค้าน มาเป็นอันดับหนึ่ง มองประเด็นนี้อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มองเห็นและสนับสนุนการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งด้านหนึ่งเป็นผลจากการบริหารงานของรัฐบาลด้วย ที่ประชาชนอาจจะมองเห็นว่ายังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชนได้
แต่สำหรับฝ่ายค้านถือว่าเป็นกำลังใจ และมุ่งมั่นในการทำงานอย่างเต็มที่มากขึ้น ฝ่ายค้านในปัจจุบันไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะงานที่เป็นฝ่ายค้านในแบบเดิมๆ แต่เราพยายามทำงานอย่างสร้างสรรค์ในการนำเสนอว่า รัฐบาลโดยฝ่ายบริหาร การบริหารและการแผ่นดินโดยรวมทั้งหมดที่ดีกว่านี้ควรจะเป็นอย่างไร
“เราพยายามนำเสนอว่า มันถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องยกเครื่องหรือปฏิรูประบบงบประมาณกันอย่างจริงจัง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่เรื่องรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งเท่านั้น” นายชัยธวัช กล่าว
จากนั้น นายชัยธวัช กล่าวเปิดงานว่า เราอยากเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ รวมถึงประชาชน คิดถึงการปลดล็อกระบบงบประมาณของประเทศ ยกเครื่องปฏิรูปครั้งใหญ่ให้เร็วที่สุดในอนาคต โดยเราจะใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอการปฏิรูประบบงบประมาณ และการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้ตอบโจทย์ในแต่ละเรื่อง
การดำเนินนโยบายสาธารณะ ต้องทำอย่างน้อย 3 เรื่อง ดังนี้
1. คน คือ บุคคลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลักดันนโยบาย
2. กฎ คือ ระเบียบ ซึ่งเป็นบทบาทของสภาผู้แทนราษฎรโดยตรง ทั้งการออกและแก้กฏหมาย แม้ว่างบประมาณจะนำเสนอจากฝ่ายบริหาร แต่ผู้อนุมัติคือรัฐสภา ในฐานะสถาบันการเมืองที่ประชาชนเลือกมา
3. งบ ซึ่งก็คืองบประมาณ
นายชัยธวัช กล่าวว่า เวลาพูดถึงงบประมาณของรัฐบาล หลายคนนึกถึงค่าใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของเครื่องจักรในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศ ดังนั้น จึงอยากให้ทุกคนคิดถึงการจัดสรรงบประมาณในอย่างน้อย 5 มิติ ได้แก่
1. มิติความคุ้มค่า เพราะงบประมาณมาจากภาษีของประชาชน ดังนั้น การใช้งบต้องตอบโจทย์ความคุ้มค่า
ซึ่งที่ผ่านมาเราเห็นว่ามีการจัดสรรที่ไม่คุ้มค่า เพราะมีการตั้งธง และประมาณการต้นทุนโครงต่ำกว่าความจริง ซึ่งเห็นได้ในการจัดทําโครงสร้างพื้นฐานหลายเรื่องที่ไม่คุ้มค่าจนถูกปล่อยร้าง ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ ตามที่คาดการณ์ไว้แต่ต้น
2. มิติที่ทำให้ประเทศพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ไม่ใช่การจัดสรรงบแบบเดิมๆ ตามความเคยชิน ปีที่แล้วเสนอยังไง ปีนี้ก็เสนออย่างนั้น โดยไม่มียุทธศาสตร์ ฉะนั้น ระบบงบประมาณที่ดีควรตอบโจทย์ความท้าทายในแต่ละด้าน ทั้งการเปลี่ยนผ่านด้านอุตสาหกรรม การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 หรือความผันผวนของภูมิอากาศ
3. มิติเสริมพลังให้กับสังคม เพราะในสภาพที่มีความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในแง่โอกาสทางเศรษฐกิจ ต้องเสริมพลังให้กับภาคส่วนที่ยังขาดโอกาสยกระดับตัวเอง ซึ่งต้องทำให้เป็นระบบต่อเนื่อง ไม่คิดแทนประชาชนทุกเรื่อง เพราะสิ่งที่เราเห็นในงบปี 67 และปี 68 ไม่มีความเป็นระบบแต่อย่างใด
4. มิติเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ด้วยการบริหารให้เรามีพื้นที่การคลังเพียงพอ ที่จะรองรับสถานการณ์ที่โลกปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูง เพราะเราไม่ทราบว่าจะเกิดวิกฤตอะไรในอนาคตแบบฉับพลัน ดังนั้น เราต้องมีสมดุลและความพร้อมในการเผชิญความไม่แน่นอนของโลก
5. มิติสร้างความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์ เพราะที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบงบประมาณส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างระบบอุปถัมภ์ทางการเมือง ทั้งระหว่างรัฐมนตรีกับ สส. หรือฝ่ายการเมืองกับข้าราชการประจำ เพื่อสร้างฐานการเมืองในพื้นที่ สร้างระบบที่เราเรียกว่าบ้านใหญ่
“เวทีวันนี้ไม่ใช่การวิจารณ์รัฐบาล แต่ชวนคิดถึงอนาคตว่าเราจำเป็นต้องยกเครื่องระบบงบประมาณ ด้วยความเชื่อว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน และการทำหน้าที่ของ สส. รวมถึงการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาธิปไตยของเรา ตอบโจทย์สังคมและประชาชนมากขึ้น” นายชัยธวัช กล่าว
3 จังหวัดชายแดนใต้ ป่วนกลางดึก คนร้ายก่อเหตุ ขว้างปาระเบิด 30 จุด
https://www.matichon.co.th/region/news_4715629
คนร้ายก่อเหตุ ขว้างปาระเบิด 30 จุด ทั่ว 3 จังหวัดชายแดนใต้ กลางดึก
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม เกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุขว้างปาระเบิดก่อกวนกว่า 30 จุด ทั่วทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
โดยมีจุดเกิดเหตุต่างๆ ดังนี้ จ.ยะลา อ.เมืองยะลา อ.รามัน อ.กรงปินัง และ อ.บันนังสตา , จ.ปัตตานี อ.โคกโพธิ์ อ.กะพ้อ อ.สายบุรี อ.ยะหริ่ง และ อ.มายอ , จ.นราธิวาส อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร อ.ระแงะ อ.บาเจาะ และ อ.สุไหงโก-ลก ทั้งนี้ ยังพบแก๊งมอเตอร์ไซค์ขับขี่ในลักษณะสร้างความปั่นป่วน บริเวณสี่แยกบิ๊กซีสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ในเวลาไล่เลี่ยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนงดออกนอกเคหสถานในยามวิกาลเพื่อความปลอดภัย
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดตลาดเมื่อวานนี้ร่วงลงอย่างหนักในรอบ 8 เดือน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/411118
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันศุกร์ (2 ส.ค.) แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนกดดันตลาดด้วย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 73.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.71 ดอลลาร์ หรือ 3.41% ปิดที่ 76.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์นั้นร่วงลงมากกว่า 3 ดอลลาร์/บาร์เรลแตะระดับต่ำสุดของวัน
การจ้างงานของสหรัฐชะลอตัวเกินคาดในเดือนก.ค.และการว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%
ข้อมูลเศรษฐกิจจากจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ และผลสำรวจที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตอ่อนแอลงทั่วเอเชีย, ยุโรป และสหรัฐได้เพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลกซึ่งจะลดความต้องการใช้น้ำมัน
การประชุมกลุ่มโอเปกพลัสเมื่อวันพฤหัสบดี (1 ส.ค.) ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่ม ซึ่งรวมถึงแผนการที่จะเริ่มยกเลิกการปรับลดการผลิตน้ำมันบางส่วนตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป
บรรดานักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านระบุว่า ความขัดแย้งกับอิสราเอลได้เข้าสู่เฟสใหม่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า ยังไม่เกิดภาวะชะงักงันของอุปทานน้ำมันจากภูมิภาคนี้แต่อย่างใด ขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์เพียงไม่กี่วัน หลังจากที่การสังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านสนับสนุน อาทิ กลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์นั้น ทำให้เกิดความกังวลกันว่าจะเกิดสงครามอย่างเต็มรูปแบบ