ชัยธวัช บุกอุดร เปิดเวทีปลุกอีสาน ใช้สิทธิแลกนโยบายรัฐ แก้ปัญหาให้ตัวเอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4642835
“ชัยธวัช” ปลุกคนอีสานรู้จักต่อรอง-ใช้สิทธิ์ตัวเอง ลั่น ที่ผ่านมามีวาทกรรม “โง่ จน เจ็บ” บอกไม่เห็นด้วย เผย สถิติเกษตรอีสานน่าห่วง ผลิตลด-หนี้พุ่ง รับ ไม่รู้จักคนอีสานดี หยอดคารมประทับใจ ที่ผลักดันตัวเอง
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ที่ UD Town อ.เมือง จ.อุดรธานี ในงาน “
ก้าวไกล Policy Fest อุดรจ้วดๆ” เพื่อเปิดเวทีโชว์วิสัยทัศน์ เปลี่ยนอุดรธานี เปลี่ยนอีสาน เปลี่ยนประเทศไทย นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปาฐกถาพิเศษบนเวที ถึงการดำเนินการแถลงของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวกับภาคอีสาน ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น่าเป็นห่วงกว่ามวลรวมของเศรษฐกิจในระดับชาติ 1-2% ในปี 2567 หาก GDP ปลายปีนี้โต 2-3% อีสานก็จะต่ำกว่านี้ ซึ่งน่าสนใจว่าทุกภาคมีอัตราเพิ่มขึ้นแต่อีสานลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจผูกติดกับภาคเกษตรกรรม กว่า 60% ของครัวเรือนเป็นเกษตรกร หากภาคอุตสาหกรรมเติบโต จังหวัดที่ได้ประโยชน์ ก็แค่ นครราชสีมา ขอนแก่น ด้านท่องเที่ยวก็มีแค่นครพนม อุดรธานี หนองคาย
นาย
ชัยธวัช กล่าวต่อว่า พื้นที่การเกษตรในภาคอีสาน รวมกันประมาณ 5-10% ในพื้นที่ชลประทาน ที่เหลือพึ่งแหล่งน้ำธรรมชาติ เมื่อไหร่ที่ธรรมชาติผันผวน การเกษตร รายได้ของชาวอีสานก็จะเป็นตามไปด้วย
นอกจากนี้ ความสามารถในการผลิตของภาคเกษตรกรรมของไทยมีแนวโน้มต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์พุ่งสูงขึ้น ซึ่งตนไม่ได้หมายความว่าต่างประเทศมีการปลูกและผลิตผลมากกว่าประเทศไทย แต่กำลังหมายถึงจำนวนพื้นที่เท่ากัน แต่ประเทศไทยอาจจะต้องใช้ค่าแรง ค่าปุ๋ยมากกว่า จึงทำให้มีข้อแตกต่างในส่วนนี้ ซึ่งความน่าเป็นห่วงของสถานการณ์นี้ครัวเรือนในภาคอีสาน 80% ของครัวเรือนเกษตรกรภาคอีสาน เป็นหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนสูงที่สุด จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ จากที่ปี 2556 เป็น 120,000 บาท แต่ล่าสุดเป็นหนี้ต่อมากกว่า 260,000 บาท
นาย
ชัยธวัช ยอมรับว่า ตนเป็นคนภาคใต้ ในจังหวัดสงขลา จึงไม่ได้มีความรู้จักมักคุ้น ในภาคอีสานเท่าคนในพื้นที่ จากความเข้าใจของตน ในครั้งแรกที่พบกับคนภาคอีสานว่าจะมีความยากจน แต่ความจริงแล้วรู้สึกประทับใจที่คนอีสานรับรู้โลกกว้างมากกว่าภาคอื่น เนื่องจากสิ่งที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว มีการผลักดันพยายามให้ตนเองไปอยู่ในจังหวัด ต่างประเทศ ครั้งหนึ่ง ตนและชาวอีสานพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลถึงความรู้ด้านเกษตรกรรม โดยยกตัวอย่างในประเทศอิสราเอล การทำเกษตรแบบน้ำน้อยทำอย่างไร หรือสวัสดิการแบบชาวสแกนดิเนเวียเป็นอย่างไร
นาย
ชัยธวัช กล่าวว่าต่อว่า ตนรู้จักอีสานแบบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนครั้งหนึ่ง จากการชุมนุมกับเกษตรกร ที่พี่น้องชาวอีสานที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล จึงรู้ว่าภาคอีสานมีปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับการเมือง มีการเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาล กฎหมาย ระเบียบ
นาย
ชัยธวัช กล่าวย้ำบนเวทีว่า ที่ผ่านมาภาคอีสานถูกกล่าวหาว่า “
โง่ จน เจ็บ” ไม่มีการศึกษา ไม่มีความรู้ด้านการเมือง แต่ตอนกลับเห็นภาพกลับกันว่าพี่น้องชาวภาคอีสานได้ใช้ประโยชน์จากระบอบประชาธิปไตย โดยการเลือกตั้งเป็นพื้นที่ที่ใช้ระบอบดังกล่าว ในการต่อรองกดดันเรียกร้องและแลกเปลี่ยน ซึ่งทรัพยากร และสิทธิ์ที่ควรได้อย่างชาญฉลาด เหมือนกับร่างกฎหมายฉบับแรกที่เกี่ยวข้องกับการลดหนี้เกษตรกรถูกร่างโดยประชาชนที่มีชาวอีสานเป็นส่วนใหญ่
และทิ้งท้ายว่าในยุคที่การเมืองจะหวังอะไรไม่ได้ ได้แค่ 500-1000 ก็ต้องรับไว้แค่นี้ ในยุคที่หวังได้มากกว่าอย่างถนน โรงเรียน ก็ต้องเอาคะแนนเสียงไปแลกมา มันเป็นกลไกตลาดทางการเมือง แต่วันนี้ตนเชื่อว่า สิ่งที่พี่น้องเรียกร้องจะยิ่งใหญ่มากกว่านั้น คือนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาว
ชัยธวัช ย้ำไม่เกี่ยวศาลรธน. ร้องสอบงบทำดิจิทัล ยันถ้าสุ่มเสี่ยงชัด ขัดวินัย ยื่นศาลปกครอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4642898
ชัยธวัช ย้ำไม่เกี่ยวศาลรธน. ยื่นสอบงบทำดิจิทัล ยันถ้าสุ่มเสี่ยงชัด ขัดวินัย ยื่นศาลปกครอง
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ที่ UD Town อ.เมือง จ.อุดรธานี นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ชี้แจงว่า กรณีที่มีการเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องการไปยื่นศาลให้ตรวจสอบนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต โดย น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ถ้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีปัญหาและชัดเจนว่าผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง อาจจะไปยื่นศาลปกครองได้ ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดหลังจากนี้ก่อนว่าการพยายามที่จะผลักดันโครงการนี้สุ่มเสี่ยง หรือผิดกฎหมายหรือไม่ โดยต้องย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ
ชัยธวัช ชมเปาะอภิปรายงบ มีคุณภาพ รบ.มีส่วนทำให้เกิดขึ้น เผยเหตุชงชื่อ อ.วีระ ร่วมกมธ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4642700
“ชัยธวัช” พอใจลูกพรรค ชมเปาะอภิปรายงบ’68 ดีมีคุณภาพ ให้คะแนน 8 เต็ม 10 ตอก “เพื่อไทย” สมัยหน้าได้เป็นรัฐบาลแน่ รับดราม่า “ไอซ์ รักชนก” ทำคนเบี่ยงเบนประเด็นอภิปราย ทั้งที่ข้อมูลน่าสนใจ ถือเป็นบทเรียนเจ้าตัว เผย “วีระ” เคยเอ่ยปากออกอากาศอยากทำงบ เลยให้โอกาสเป็น กมธ.สัดส่วน “ก้าวไกล”
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วาระแรก ตลอด 3 วันที่ผ่านมาว่า ส.ส.ทำหน้าที่ได้ดี มีคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ถือเป็นที่น่าพอใจ เพราะไม่ใช่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์เพียงอย่างเดียว แต่มองเห็นว่าประเด็นสำคัญของประเทศควรจะมีวาระอะไรบ้าง และมีข้อเสนอควบคู่ไปกับการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นทิศทางที่พรรคก้าวไกลให้ไว้ ว่าจะต้องเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกไม่ใช่ค้านอย่างเดียว แต่ต้องมีข้อเสนอเชิงนโยบายเปรียบเทียบที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน
นาย
ชัยธวัชกล่าวต่อว่า รัฐบาลก็มีส่วนทำให้บรรยากาศและเนื้อหาในการอภิปรายเป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น โต้แย้งกันด้วยเหตุด้วยผลและข้อมูล เพราะมองว่าจะส่งผลดีกับประชาชน
เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยก็ยังออกมาพูดว่าฝ่ายค้านยังใช้วาทกรรมในการอภิปรายก็คงจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดชีวิต นาย
ชัยธวัชระบุว่า เรายังเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า เราจะเป็นรัฐบาลได้
เมื่อถามว่า ให้คะแนนพรรคฝ่ายค้านในการอภิปรายเท่าไร นาย
ชัยธวัชระบุว่า ก็คงจะ 8 เต็ม 10 และยังสามารถทำดีกว่านี้ได้อีก ส่วนมองเห็นใครเป็นดาวดวงใหม่ในสภา ตนมองว่าก็มีหลายคนที่สื่อมวลชน หรือประชาชนได้รู้จักจากการอภิปรายในครั้งนี้ และยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ฟัง คงต้องรอการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือวาระสำคัญในช่วงสภาเปิด ส่วนอีก 2 คะแนน ตนเองคิดว่าถ้าเราทำหนักกว่านี้ มีข้อมูลหนักแน่นและผลักดันนโยบายที่ควรจะเป็นลงลึกในรายละเอียด ก็สามารถดีขึ้นกว่านี้ได้อีก
“
หลายคนทำได้ดีมากแล้วในการอภิปรายครั้งนี้ เพราะมีการลงรายละเอียด ไม่ได้พูดแค่ตัวเลขกว้างๆ คำพูดใหญ่ๆ ซึ่งครั้งนี้ลงรายละเอียดทุกคน แต่หลายคนทำดีได้มากกว่านั้นอีก สามารถมีข้อเสนอด้วยซ้ำ” นาย
ชัยธวัชกล่าว
เมื่อถามว่ากรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณ 2568 มีชื่อของนาย
วีระ ธีรภัทร นักจัดรายการวิทยุโทรทัศน์ ในสัดส่วนพรรคก้าวไกลด้วยนั้น นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า ทางพรรคคงเห็นว่าแม้จะเป็นสื่อมวลชน แต่ก็เป็นสื่อมวลชนที่มีความสนใจเรื่องมิติเศรษฐกิจและงบประมาณ โดยเอาตัวเนื้อหาเป็นหลัก ทำงานอย่างมีคุณภาพ เราก็น่าจะชวนมาร่วมในกรรมาธิการด้วย ซึ่งตนเองก็คิดว่าเป็นมิติใหม่ที่น่าสนใจที่มีสื่อมวลชนสามารถมีบทบาทและถ่ายทอดเนื้อหา เพราะถือว่ามีประสบการณ์โดยตรง
เมื่อถามว่า ไปจีบนายวีระอย่างไรนั้น นายชัยธวัชตอบว่า เป็นหน้าที่ของกรรมการกิจการสภาของพรรคในการสรุปรายชื่อ ไม่ได้มีแค่ตนเอง จึงไม่สามารถตอบรายละเอียดได้เยอะ เพราะไม่ใช่คนประสานงาน แต่ยืนยันว่าไม่มีการต่อรองผลประโยชน์
“
อาจารย์วีระเองก็เคยเอ่ยปากออกอากาศว่าสนใจ และหากมีพรรคการเมืองไหนมีประโยชน์ในการร่วมพิจารณางบประมาณด้วยท่านก็ยินดี จึงคิดว่าน่าสนใจ เป็นมิติใหม่ๆ อย่าไปมองว่าอาจารย์วีระเป็นสื่อมวลชนอย่างเดียว ท่านก็มีบทบาทในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ท่านก็มีบทบาทในฐานะคนที่สนใจเศรษฐกิจ” นาย
ชัยธวัชกล่าว
เมื่อถามว่า ในการอภิปรายวันสุดท้ายมีดราม่าเรื่อง น.ส.
รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กรณีที่ออกมาโวยก่อนอภิปรายว่า สภาไม่ยอมให้ขึ้นรูปนายกรัฐมนตรีนั้น มองอย่างไร นาย
ชัยธวัชระบุว่า ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความเข้าใจผิดของ น.ส.
รักชนกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล ซึ่งนาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา ก็ได้ชี้แจงชัดเจนแล้ว พร้อมยอมรับ ดราม่าดังกล่าวนี้ เป็นการกลบเนื้อหาในการอภิปราย ซึ่งถือเป็นบทเรียนของ น.ส.
รักชนก ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนเนื้อหาสาระ เพราะตนมองว่าเนื้อหาดีมาก สามารถอภิปรายข้อเสนอในการปฏิรูประบบงบประมาณของไทยในรูปแบบที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย
“
จริงๆ ก็อยากให้มาฟังข้อเสนอในการอภิปรายของคุณไอซ์มากกว่าจะเป็นเรื่องดราม่าตรงนั้น” นาย
ชัยธวัชกล่าว
สุดารัตน์ ฉะจัดงบปี68 เหมือน ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม หนุน ฐากร ตั้งฉายา กู้ฉ่ำ กระเป๋าฉีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4642549
สุดารัตน์ ฉะจัดงบปี68 เหมือน ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม หนุน ฐากร ตั้งฉายา กู้ฉ่ำ กระเป๋าฉีก
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย(ทสท.) กล่าวว่า ขอย้ำจุดยืนที่ไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2568 เพราะเป็นการจัดงบที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก การทำงบในยุครัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จัดงบแบบเก่าเหมือนในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับการทำโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการคมนาคมถนนสะพาน ซึ่งจัดงบกว่าแสนล้าน เพื่อเอื้อสส.พื้นที่ มากกว่าการพัฒนาโครงสร้างด้านเทคโนโลยี ที่จัดงบไว้เพียงหลักพันล้าน
ตามที่ผู้แทนพรรคไทยสร้างไทยคือ นาย
ฐากร ตันฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และที่ปรึกษา ของพรรคฯ ได้อภิปรายในสภา ว่ามีการกู้กว่า 800,000 ล้าน เพื่อชดเชยการตั้งงบขาดดุล ซึ่งกู้สูงสุดในรอบ 36 ปี โดยถมงบไปไว้ในส่วนของงบกลาง กว่า 800,000 ล้าน ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ทั้งที่คนในพรรคเพื่อไทยเคยด่าพลเอก
ประยุทธ์ ว่าเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ซึ่งนาย
ฐากร ได้อภิปรายไว้แล้วว่าเป็นการจัดงบ ที่มีความสุ่มเสี่ยง จะขัดต่อพรบ.วินัยการคลัง จนตั้งฉายาว่า เป็นรัฐบาล”
กู้ฉ่ำ กระเป๋าฉีก” จัดงบซิกแซกไต่เส้นลวด กล้าฝืนจัดงบที่มีความเสี่ยง ต่อการสร้างความเสียหาย ต่อระบบเศรษฐกิจ กระทบวินัยการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว ทั้งที่รัฐบาลทราบดีว่าการจัดเก็บรายได้พลาดเป้า มุ่งทำดิจิทัลวอลเลท โดยซ่อนงบกว่า 1.5 แสนล้านไว้ในส่วนของงบกลาง ซึ่งอาจขัดต่อพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ปี 2561
คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวว่า เมื่อมาดูรายละเอียดในการจัดงบเชิงยุทธศาสตร์พบว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญ กับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เช่นเดียวกับรัฐบาลยุคคสช. โดยจัดงบในส่วนดังกล่าวไว้สูงถึง 4 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่ายุทธศาสตร์ด้านการสร้างความขีดสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาทักษะที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ รวมถึงการพัฒนาทักษะและสามารถในการผลิตสินค้าที่โลกต้องการ
นอกจากนี้ยังพบว่างบยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ยังสูงกว่า งบยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโต บนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญต่อ คุณภาพชีวิต และระบบเศรษฐกิจในป
JJNY : 6in1 ชัยธวัชบุกอุดร│ชัยธวัชร้องสอบงบ│ชัยธวัชชมเปาะอภิปรายงบ│สุดารัตน์ฉะจัดงบปี68│รบพม่าปะทุ!│ฝนตกหนักใต้เกาหลีใต้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4642835
“ชัยธวัช” ปลุกคนอีสานรู้จักต่อรอง-ใช้สิทธิ์ตัวเอง ลั่น ที่ผ่านมามีวาทกรรม “โง่ จน เจ็บ” บอกไม่เห็นด้วย เผย สถิติเกษตรอีสานน่าห่วง ผลิตลด-หนี้พุ่ง รับ ไม่รู้จักคนอีสานดี หยอดคารมประทับใจ ที่ผลักดันตัวเอง
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ที่ UD Town อ.เมือง จ.อุดรธานี ในงาน “ก้าวไกล Policy Fest อุดรจ้วดๆ” เพื่อเปิดเวทีโชว์วิสัยทัศน์ เปลี่ยนอุดรธานี เปลี่ยนอีสาน เปลี่ยนประเทศไทย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปาฐกถาพิเศษบนเวที ถึงการดำเนินการแถลงของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวกับภาคอีสาน ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น่าเป็นห่วงกว่ามวลรวมของเศรษฐกิจในระดับชาติ 1-2% ในปี 2567 หาก GDP ปลายปีนี้โต 2-3% อีสานก็จะต่ำกว่านี้ ซึ่งน่าสนใจว่าทุกภาคมีอัตราเพิ่มขึ้นแต่อีสานลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจผูกติดกับภาคเกษตรกรรม กว่า 60% ของครัวเรือนเป็นเกษตรกร หากภาคอุตสาหกรรมเติบโต จังหวัดที่ได้ประโยชน์ ก็แค่ นครราชสีมา ขอนแก่น ด้านท่องเที่ยวก็มีแค่นครพนม อุดรธานี หนองคาย
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า พื้นที่การเกษตรในภาคอีสาน รวมกันประมาณ 5-10% ในพื้นที่ชลประทาน ที่เหลือพึ่งแหล่งน้ำธรรมชาติ เมื่อไหร่ที่ธรรมชาติผันผวน การเกษตร รายได้ของชาวอีสานก็จะเป็นตามไปด้วย
นอกจากนี้ ความสามารถในการผลิตของภาคเกษตรกรรมของไทยมีแนวโน้มต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์พุ่งสูงขึ้น ซึ่งตนไม่ได้หมายความว่าต่างประเทศมีการปลูกและผลิตผลมากกว่าประเทศไทย แต่กำลังหมายถึงจำนวนพื้นที่เท่ากัน แต่ประเทศไทยอาจจะต้องใช้ค่าแรง ค่าปุ๋ยมากกว่า จึงทำให้มีข้อแตกต่างในส่วนนี้ ซึ่งความน่าเป็นห่วงของสถานการณ์นี้ครัวเรือนในภาคอีสาน 80% ของครัวเรือนเกษตรกรภาคอีสาน เป็นหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนสูงที่สุด จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ จากที่ปี 2556 เป็น 120,000 บาท แต่ล่าสุดเป็นหนี้ต่อมากกว่า 260,000 บาท
นายชัยธวัช ยอมรับว่า ตนเป็นคนภาคใต้ ในจังหวัดสงขลา จึงไม่ได้มีความรู้จักมักคุ้น ในภาคอีสานเท่าคนในพื้นที่ จากความเข้าใจของตน ในครั้งแรกที่พบกับคนภาคอีสานว่าจะมีความยากจน แต่ความจริงแล้วรู้สึกประทับใจที่คนอีสานรับรู้โลกกว้างมากกว่าภาคอื่น เนื่องจากสิ่งที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว มีการผลักดันพยายามให้ตนเองไปอยู่ในจังหวัด ต่างประเทศ ครั้งหนึ่ง ตนและชาวอีสานพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลถึงความรู้ด้านเกษตรกรรม โดยยกตัวอย่างในประเทศอิสราเอล การทำเกษตรแบบน้ำน้อยทำอย่างไร หรือสวัสดิการแบบชาวสแกนดิเนเวียเป็นอย่างไร
นายชัยธวัช กล่าวว่าต่อว่า ตนรู้จักอีสานแบบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนครั้งหนึ่ง จากการชุมนุมกับเกษตรกร ที่พี่น้องชาวอีสานที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล จึงรู้ว่าภาคอีสานมีปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับการเมือง มีการเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาล กฎหมาย ระเบียบ
นายชัยธวัช กล่าวย้ำบนเวทีว่า ที่ผ่านมาภาคอีสานถูกกล่าวหาว่า “โง่ จน เจ็บ” ไม่มีการศึกษา ไม่มีความรู้ด้านการเมือง แต่ตอนกลับเห็นภาพกลับกันว่าพี่น้องชาวภาคอีสานได้ใช้ประโยชน์จากระบอบประชาธิปไตย โดยการเลือกตั้งเป็นพื้นที่ที่ใช้ระบอบดังกล่าว ในการต่อรองกดดันเรียกร้องและแลกเปลี่ยน ซึ่งทรัพยากร และสิทธิ์ที่ควรได้อย่างชาญฉลาด เหมือนกับร่างกฎหมายฉบับแรกที่เกี่ยวข้องกับการลดหนี้เกษตรกรถูกร่างโดยประชาชนที่มีชาวอีสานเป็นส่วนใหญ่
และทิ้งท้ายว่าในยุคที่การเมืองจะหวังอะไรไม่ได้ ได้แค่ 500-1000 ก็ต้องรับไว้แค่นี้ ในยุคที่หวังได้มากกว่าอย่างถนน โรงเรียน ก็ต้องเอาคะแนนเสียงไปแลกมา มันเป็นกลไกตลาดทางการเมือง แต่วันนี้ตนเชื่อว่า สิ่งที่พี่น้องเรียกร้องจะยิ่งใหญ่มากกว่านั้น คือนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาว
ชัยธวัช ย้ำไม่เกี่ยวศาลรธน. ร้องสอบงบทำดิจิทัล ยันถ้าสุ่มเสี่ยงชัด ขัดวินัย ยื่นศาลปกครอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4642898
ชัยธวัช ย้ำไม่เกี่ยวศาลรธน. ยื่นสอบงบทำดิจิทัล ยันถ้าสุ่มเสี่ยงชัด ขัดวินัย ยื่นศาลปกครอง
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ที่ UD Town อ.เมือง จ.อุดรธานี นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ชี้แจงว่า กรณีที่มีการเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องการไปยื่นศาลให้ตรวจสอบนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ถ้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีปัญหาและชัดเจนว่าผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง อาจจะไปยื่นศาลปกครองได้ ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดหลังจากนี้ก่อนว่าการพยายามที่จะผลักดันโครงการนี้สุ่มเสี่ยง หรือผิดกฎหมายหรือไม่ โดยต้องย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ
ชัยธวัช ชมเปาะอภิปรายงบ มีคุณภาพ รบ.มีส่วนทำให้เกิดขึ้น เผยเหตุชงชื่อ อ.วีระ ร่วมกมธ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4642700
“ชัยธวัช” พอใจลูกพรรค ชมเปาะอภิปรายงบ’68 ดีมีคุณภาพ ให้คะแนน 8 เต็ม 10 ตอก “เพื่อไทย” สมัยหน้าได้เป็นรัฐบาลแน่ รับดราม่า “ไอซ์ รักชนก” ทำคนเบี่ยงเบนประเด็นอภิปราย ทั้งที่ข้อมูลน่าสนใจ ถือเป็นบทเรียนเจ้าตัว เผย “วีระ” เคยเอ่ยปากออกอากาศอยากทำงบ เลยให้โอกาสเป็น กมธ.สัดส่วน “ก้าวไกล”
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วาระแรก ตลอด 3 วันที่ผ่านมาว่า ส.ส.ทำหน้าที่ได้ดี มีคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ถือเป็นที่น่าพอใจ เพราะไม่ใช่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์เพียงอย่างเดียว แต่มองเห็นว่าประเด็นสำคัญของประเทศควรจะมีวาระอะไรบ้าง และมีข้อเสนอควบคู่ไปกับการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นทิศทางที่พรรคก้าวไกลให้ไว้ ว่าจะต้องเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกไม่ใช่ค้านอย่างเดียว แต่ต้องมีข้อเสนอเชิงนโยบายเปรียบเทียบที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า รัฐบาลก็มีส่วนทำให้บรรยากาศและเนื้อหาในการอภิปรายเป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น โต้แย้งกันด้วยเหตุด้วยผลและข้อมูล เพราะมองว่าจะส่งผลดีกับประชาชน
เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยก็ยังออกมาพูดว่าฝ่ายค้านยังใช้วาทกรรมในการอภิปรายก็คงจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดชีวิต นายชัยธวัชระบุว่า เรายังเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า เราจะเป็นรัฐบาลได้
เมื่อถามว่า ให้คะแนนพรรคฝ่ายค้านในการอภิปรายเท่าไร นายชัยธวัชระบุว่า ก็คงจะ 8 เต็ม 10 และยังสามารถทำดีกว่านี้ได้อีก ส่วนมองเห็นใครเป็นดาวดวงใหม่ในสภา ตนมองว่าก็มีหลายคนที่สื่อมวลชน หรือประชาชนได้รู้จักจากการอภิปรายในครั้งนี้ และยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ฟัง คงต้องรอการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือวาระสำคัญในช่วงสภาเปิด ส่วนอีก 2 คะแนน ตนเองคิดว่าถ้าเราทำหนักกว่านี้ มีข้อมูลหนักแน่นและผลักดันนโยบายที่ควรจะเป็นลงลึกในรายละเอียด ก็สามารถดีขึ้นกว่านี้ได้อีก
“หลายคนทำได้ดีมากแล้วในการอภิปรายครั้งนี้ เพราะมีการลงรายละเอียด ไม่ได้พูดแค่ตัวเลขกว้างๆ คำพูดใหญ่ๆ ซึ่งครั้งนี้ลงรายละเอียดทุกคน แต่หลายคนทำดีได้มากกว่านั้นอีก สามารถมีข้อเสนอด้วยซ้ำ” นายชัยธวัชกล่าว
เมื่อถามว่ากรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณ 2568 มีชื่อของนายวีระ ธีรภัทร นักจัดรายการวิทยุโทรทัศน์ ในสัดส่วนพรรคก้าวไกลด้วยนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า ทางพรรคคงเห็นว่าแม้จะเป็นสื่อมวลชน แต่ก็เป็นสื่อมวลชนที่มีความสนใจเรื่องมิติเศรษฐกิจและงบประมาณ โดยเอาตัวเนื้อหาเป็นหลัก ทำงานอย่างมีคุณภาพ เราก็น่าจะชวนมาร่วมในกรรมาธิการด้วย ซึ่งตนเองก็คิดว่าเป็นมิติใหม่ที่น่าสนใจที่มีสื่อมวลชนสามารถมีบทบาทและถ่ายทอดเนื้อหา เพราะถือว่ามีประสบการณ์โดยตรง
เมื่อถามว่า ไปจีบนายวีระอย่างไรนั้น นายชัยธวัชตอบว่า เป็นหน้าที่ของกรรมการกิจการสภาของพรรคในการสรุปรายชื่อ ไม่ได้มีแค่ตนเอง จึงไม่สามารถตอบรายละเอียดได้เยอะ เพราะไม่ใช่คนประสานงาน แต่ยืนยันว่าไม่มีการต่อรองผลประโยชน์
“อาจารย์วีระเองก็เคยเอ่ยปากออกอากาศว่าสนใจ และหากมีพรรคการเมืองไหนมีประโยชน์ในการร่วมพิจารณางบประมาณด้วยท่านก็ยินดี จึงคิดว่าน่าสนใจ เป็นมิติใหม่ๆ อย่าไปมองว่าอาจารย์วีระเป็นสื่อมวลชนอย่างเดียว ท่านก็มีบทบาทในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ท่านก็มีบทบาทในฐานะคนที่สนใจเศรษฐกิจ” นายชัยธวัชกล่าว
เมื่อถามว่า ในการอภิปรายวันสุดท้ายมีดราม่าเรื่อง น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กรณีที่ออกมาโวยก่อนอภิปรายว่า สภาไม่ยอมให้ขึ้นรูปนายกรัฐมนตรีนั้น มองอย่างไร นายชัยธวัชระบุว่า ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความเข้าใจผิดของ น.ส.รักชนกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล ซึ่งนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา ก็ได้ชี้แจงชัดเจนแล้ว พร้อมยอมรับ ดราม่าดังกล่าวนี้ เป็นการกลบเนื้อหาในการอภิปราย ซึ่งถือเป็นบทเรียนของ น.ส.รักชนก ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนเนื้อหาสาระ เพราะตนมองว่าเนื้อหาดีมาก สามารถอภิปรายข้อเสนอในการปฏิรูประบบงบประมาณของไทยในรูปแบบที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย
“จริงๆ ก็อยากให้มาฟังข้อเสนอในการอภิปรายของคุณไอซ์มากกว่าจะเป็นเรื่องดราม่าตรงนั้น” นายชัยธวัชกล่าว
สุดารัตน์ ฉะจัดงบปี68 เหมือน ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม หนุน ฐากร ตั้งฉายา กู้ฉ่ำ กระเป๋าฉีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4642549
สุดารัตน์ ฉะจัดงบปี68 เหมือน ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม หนุน ฐากร ตั้งฉายา กู้ฉ่ำ กระเป๋าฉีก
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย(ทสท.) กล่าวว่า ขอย้ำจุดยืนที่ไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2568 เพราะเป็นการจัดงบที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก การทำงบในยุครัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จัดงบแบบเก่าเหมือนในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับการทำโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการคมนาคมถนนสะพาน ซึ่งจัดงบกว่าแสนล้าน เพื่อเอื้อสส.พื้นที่ มากกว่าการพัฒนาโครงสร้างด้านเทคโนโลยี ที่จัดงบไว้เพียงหลักพันล้าน
ตามที่ผู้แทนพรรคไทยสร้างไทยคือ นายฐากร ตันฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และที่ปรึกษา ของพรรคฯ ได้อภิปรายในสภา ว่ามีการกู้กว่า 800,000 ล้าน เพื่อชดเชยการตั้งงบขาดดุล ซึ่งกู้สูงสุดในรอบ 36 ปี โดยถมงบไปไว้ในส่วนของงบกลาง กว่า 800,000 ล้าน ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ทั้งที่คนในพรรคเพื่อไทยเคยด่าพลเอกประยุทธ์ ว่าเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ซึ่งนายฐากร ได้อภิปรายไว้แล้วว่าเป็นการจัดงบ ที่มีความสุ่มเสี่ยง จะขัดต่อพรบ.วินัยการคลัง จนตั้งฉายาว่า เป็นรัฐบาล”กู้ฉ่ำ กระเป๋าฉีก” จัดงบซิกแซกไต่เส้นลวด กล้าฝืนจัดงบที่มีความเสี่ยง ต่อการสร้างความเสียหาย ต่อระบบเศรษฐกิจ กระทบวินัยการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว ทั้งที่รัฐบาลทราบดีว่าการจัดเก็บรายได้พลาดเป้า มุ่งทำดิจิทัลวอลเลท โดยซ่อนงบกว่า 1.5 แสนล้านไว้ในส่วนของงบกลาง ซึ่งอาจขัดต่อพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ปี 2561
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เมื่อมาดูรายละเอียดในการจัดงบเชิงยุทธศาสตร์พบว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญ กับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เช่นเดียวกับรัฐบาลยุคคสช. โดยจัดงบในส่วนดังกล่าวไว้สูงถึง 4 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่ายุทธศาสตร์ด้านการสร้างความขีดสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาทักษะที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ รวมถึงการพัฒนาทักษะและสามารถในการผลิตสินค้าที่โลกต้องการ
นอกจากนี้ยังพบว่างบยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ยังสูงกว่า งบยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโต บนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญต่อ คุณภาพชีวิต และระบบเศรษฐกิจในป